วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พระคัมภีร์ปฐมจินดา ผูก ๒ บริเฉท ๑ ว่าด้วยเรื่องลักษณะรูปสตรีแลรูปกุมาร ว่าด้วยลักษณะปักษี แลปิศาจ กระทำโทษ ว่าด้วยลักษณะน้ำนมมีโทษ ๓ ประการ ว่าด้วยลักษณะดวง ทรางโจร ทรางแดง ทรางเหลืองมาเกิด ว่าด้วยลักษณะทรางนิลปัฏนิลหละมาเกิด โดยสังเขป

พระคัมภีร์ปฐมจินดา ผูก ๒ บริเฉท ๑ 

นโม ตัสฺส ภควโต อรหโต สัมฺมาสัมฺพุทฺธัสฺส
นมัสฺสิต๎วา จ เทวินฺทํ เทวราชสักฺกํ อิว
ชีวกโกมารภัจฺจํ โลกนาถํ ตถาคตํ
ปฐมจินฺตารคันฺถํ ภาสิสฺสํ ฉันฺทโสมุขํ
สํเขเป็น กิตฺตยิตํ ปุพฺเพ โลกาน นาถัตฺถันฺติ
แปล (อหํ) อันว่าข้า (นมัสฺสิตฺวา) ถวายนมัสการแล้ว (ตถาคตํ) ซึ่งพระศรีสุคตทศพลญาณเจ้า (โลกนาถํ) เป็นที่พึ่งของโลกย์ (จ) อนึ่งโสด (อหํ) อันว่าข้า (อภิวันฺทิตฺวา) ไหว้แล้วโดยพิเศษ (ชีวกโกมารภัจฺจํ) ซึ่งชีวกโกมารภัจ แพทย์ผู้ประเสริฐ (เทวราชสักฺกํ อิว) เปรียบดุจสมเด็จอมรินทราธิราชบพิตร (เทวินฺทํ) ผู้มีมหิศรภาพเป็นจอมมกุฎแก่เทพย์บุตย์ทั้งหลาย (ภาสิสฺสํ) จักแสดงบัดนี้ (คันฺถํ) ซึ่งพระคัมภีร์แพทย์อันวิเศษ (ปฐมจินฺตารํ) ชื่อประถมจินดา (ฉันฺทโสมุขํ) อันเป็นหลักเป็นประธานแห่งพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ทั้งปวง (กิตฺตยิตํ) อันพระอาจารย์โกมารภัจ แต่งไว้ (ปุพฺเพ) ในกาลก่อน (สังเขเป็น) โดยสังเขป (นาถัตฺถํ) เพื่อจะให้เป็นที่พึ่ง (โลกานํ) แก่สัตว์โลกย์ทั้งหลาย (เอวํ) ด้วยประการดังนี้


ปฐม จินดาผูก ๒ บริเฉท ๑ ว่าด้วยลักษณะรูปสัตรีแลรูปกุมาร ว่าด้วยลักษณะปักษี แลปิศาจ กระทำโทษ ว่าด้วยลักษณะน้ำนมมีโทษ ๓ ประการ ว่าด้วยลักษณะดวง ทรางโจร ทรางแดง ทรางเหลืองมาเกิด ว่าด้วยลักษณะทรางนิลปัฏนิลหละมาเกิด โดยสังเขป
     ปุน จปรํ ลำดับนี้จะว่าด้วยกุมารทั้งหลาย อันบังเกิดโรคเป็นต้น ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะนนทปักษี กระทำโทษแก่กุมารนั้น ให้ท้องขึ้นท้องร้อนหลังร้อนดังนี้ อันว่าลักษณะกาฬปักษี กระทำโทษแก่กุมารนั้น ให้รากออกทางปากแลจมูกดังนี้ อันว่าลักษณะอสุนนทปักษี กระทำโทษแก่กุมารนั้น ให้สดุ้งร้องไห้ทั้งหลับแลผวาร้องตกใจขึ้นดังนี้ อันว่าลักษณะเทพีปักษี กระทำโทษแก่กุมารทั้งหลายนั้นให้ท้องขึ้น ให้มือแลเท้าเย็นเป็นเหน็บให้หัวร้อนดังนี้ ถ้ากุมารผู้ใดเจ็บครลทั้ง ๔ ประการดังนี้ แต่เขตร์ถึง ๑๑ เดือน แต่ขวบ ๑ กับ ๖ เดือนปี ๑ ตาย ทรางเกิดเป็นที่อากาศแลทราง ๘ จำพวก ถ้ากุมารผู้ใดบังเกิดเป็นดังนี้ ได้ชื่อว่าอมุษย์รูปแพทย์จะรักษายากนัก เมื่อขณะออกจากไฟแล้วเขม่าขึ้นมาร้ายที ๑ เมื่อรู้ชันคอธาตุให้ลงท้องให้อาเจียรเป็นตานทรางแลเหือดหัดร้ายที ๑ เมื่อรู้ยืนยันกระหม่อมลั่นแลเส้นเอ็นนั้นไหวร้ายที ๑ เมื่อรู้บริโภคอาหารแลอาหารนั้นแปลกธาตุจะเกิดตานทรางขึ้นร้ายที ๑ เมื่อรู้ย่างแลตับปอดไส้พุงทั้งปวงคลอน แลเป็นมูกเลือดเป็นตานทรางขึ้นร้ายที ๑ ถ้าแปรดังนี้มีสุนทรวาต ทราง เหตุว่ายอดทรางนั้นบาง แลเสมหะที่ปกยอดทรางก็บาง ให้เจ็บเป็นประการต่างๆ แลบังเกิดเป็นทราง ๑๐ ประการ คือ ทรางแดง ๑ ทรางขาว ๑ ทรางเขม่า ๑ ทรางขุม ๑ ทรางช้าง ๑ ทรางเสี้ยน ๑ ทรางขวัก ๑ ทรางไฟ ๑ ทรางโจร ๑ ทรางตะมอย ๑ เป็น ๑๐ ประการ ถ้าทรางช้างนั้นทำให้คอฟก ถ้าทรางเสี้ยนเป็นดังยอดผดทำให้คัน ถ้าทรางขวักเป็นที่คอหนีบให้คัน ถ้าทรางโจรให้เปื่อยมีแม่ลายดังปลากระทิงให้ปวดทั้งตัว ห้ามอย่าให้มารดานั้นกินเนื้อ ๑๐ ประการ รักษายากนัก
    อนี่ งชื่ออทิศรูป นั้นกระหม่อมใหญ่แลกระหม่อมลึกก็ดี เมื่ออยู่ในเรือนไฟเขม่าขึ้นแล้วหายไป แต่เมื่ออยู่ในเรือนไฟนั้นเสมหะแลโลหิตเป็นธาตุ
     อนึ่งนนทปักษีนั้นถ้ามีครรภ์เดือน ๕, , , แลออกวัน ๑, , , , ถ้าออกเวลาตวันบ่ายเลี้ยงยากนัก เกิดทรางแดง, ทรางโจร, ทรางไฟ, ทรางสะกอ, แลทรางนิลปัฏ นิลหละมาเกิด
ปุ น จปรํ พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๒ บริเฉท ๑ นั้นต่อไป ว่าด้วยรูปสัตรีมีลักษณะ ๘ ประการเป็นต้นดังนี้ อันว่ารูปสัตรีภาพมีลักษณะ ๘ ประการนั้น คืออุดมรูปต้องด้วยนรลักษณ์ เบ็ญจกัลยาณี อาการ ๓๒ ประการ ดำหรือแดง, ขาวหรือเหลืองก็ดี ถ้าขาวเหลืองโลหิตนั้นสัณฐานดำ แดงโลหิตนั้นขม
     อนึ่ง มนุษย์รูป นั้น รูปเป็นปานกลางต้องลักษณะ ๕ ประการ ถ้ามิต้องประการใดประการ ๑ ขาวก็ดีดำก็ดีดุจดังกัน อนึ่งอาตุกรูปแลพานรูป ขาวก็ดีดำก็ดีดุจดังกัน อนึ่งไชยรูปนั้นมีลักษณะ ๔ ประการ คือดำแลแดงขาวแลเหลืองก็ดี ให้พิจารณาดูรูปสัตรีภาพเป็นดังนี้
     อนึ่ง ถ้าสัตรีใดขาวไหล่รวบเลี้ยงลูกมิคง อนึ่งสัตรีใดตาพองแลตาขาวมากกว่าตาดำเลี้ยงลูกมิคง อนึ่งถ้าสัตรีใดนมห่างตกราวข้าง หญิงนั้นมักแท้งลูก อนึ่งถ้าสัตรีใดนมแบะตกพวงเอวกลม ไหล่ผายหลังราบแขนส้วย สีเนื้อดังการะเกด ตาลิบคือตาทราย กลิ่นตัวหอมดังการะเกด สัตรีนั้นต้องนรลักษณ์ ๘ ประการดีนัก
    อนึ่ง อันว่าประเทศที่เกิดนั้นก็มี ๔ ประการ คือเกิดในประเทศ น้ำตม แลน้ำเค็มหวานแลหวานต่อกัน อันว่าบุคคลนั้นเมื่อบังเกิดโรคมีเสมหะเป็นต้นเหตุ ถ้าบุคคลผู้ใดเกิดในประเทศที่สูง เมือ่เกิดโรคนั้นมีกำเดาเป็นต้นเหตุ ถ้าผู้ใดเกิดในประเทศน้ำตมแลน้ำฝนต่อกัน เมื่อบังเกิดโรคนั้นมีลมเป็นต้นเหตุ ถ้าผู้ใดเกิดในประเทศป่าแดงแลที่มีกรวดทราย เมื่อบังเกิดโรคมีโรคเรื้อนเป็นต้นเหตุ อันนี้บอกประเทศที่เกิดเป็นที่ตั้งสมุฏฐาน โรค


    ปุน จปรํ ลำดับ นี้จะกล่าวด้วยกุมารทั้งหลายมีลักษณะ ๔ ประการ คืออทิศรูปประการ ๑ หริตรูปประการ ๑ มนุษย์รูปประการ ๑ หมัศรูปประการ ๑ แลลักษณะรูป ๔ ประการนี้มีแก่กุมารกุมารีทั้งหลายอันบังเกิดมาในโลกนี้
     อัน ว่ามหัศรูปนั้น มีสัณฐานกระหม่อมน้อยห่าง ไส้พองอัณฑะยาน เมื่ออยู่ในเรือนไฟบห่อน จะมีตานทรางแลเขม่า เหตุด้วยกินนมแม่นั้นร้อน ครั้นออกจากเรือนไฟแล้วจึ่งเป็นเขม่าแลทราง ไส้นั้นพองเป็นขด ร้องไห้เสียงแหบเป็นเสียงแมว แลท้องขึ้นให้รากออกทางจมูก อนึ่งหริตธาตุนั้นให้หวั่นไหวบังเกิดโรคร้ายทีหนึ่ง
    อนึ่ง ว่าลักษณะอทิศรูปนั้น เมื่ออยู่ในเรือนไฟเขม่าขึ้นแต่พอประมาณ ทรางขึ้นในลิ้นจนปลายลิ้น ครั้นหล่น แล้วแต่ในเรือนไฟนั้นให้ลงแลอาเจียรก็ดี เสมหะก่อเป็นธาตุให้บังเกิดทราง ๒ ประการ
     อัน ว่าลักษณะหริตรูปนั้น เมื่ออยู่ในเรือนไฟเขม่าขึ้นในทรวงอกจนปลายลิ้น ครั้นได้ ๕ วันก็ตกลงไป ทำท้องให้ลงให้ราก ไอก็ดีเป็นประการต่างๆ โลหิตเป็นธาตุให้เกิดทราง ๒ ประการ ดังนั้น
    อัน ว่าลักษณะมนุษย์รูปนั้น เมื่ออยู่ในเรือนไฟหาเขม่าตานทรางมิได้ ครั้นออกไฟแล้วจึ่งให้บังเกิดทราง ๘ จำพวก มีกำเดาเป็นธาตุ แลทรางนั้นตั้งแต่งนาภีขึ้นมาถึงหัวอก ยอด ๑ แต่ทรวงอก ขึ้นมาถึงคอยอด ๑ แต่ลำคอขึ้นมาถึงคางเพดาลุยอด ๑ แต่เพดาลุขึ้นมาถึงกระหม่อม อยู่ในกระหม่อม ๓ ยอด อยู่กลางสันหลัง ๓ ยอด
     อนึ่ง ชื่อว่ามหัศรูปนั้น ออกไฟแล้วได้ ๓ เดือน ๖ เดือน ปีจอเทพีปักษีขึ้นมา ปีจออสุนนทปักษีขึ้นมา ปีกุนกาลปักษีลงมา ปีกุนอสุนนทปักษีลงมา นนทปักษีทรางโจรครีบกรด กาฬปักษี ทรางแดงนิลปัฎมาบังเกิด เทพีปักษีทรางไฟปฐมกรรมฺ อสุนนทปักษีครีบกรดดาดตะกั่ว อันว่ามหัศรูป นั้น กระหม่อมใหญ่ไส้พอง อัณฑะยาน เมื่ออยู่ในเรือนไฟหาเขม่าตานทรางมิได้ อันว่าหริตรูป นั้นกระหม่อมเป็นร่อง เมื่อออกไฟแล้วเขม่าขึ้นแต่ปลายลิ้นสักหน่อยทรางนั้นชื่อทรางแดงตัวผู้ อันว่าอทิศรูปนั้นกระหม่อมลึก เมื่ออยู่ในเรือนไฟทรางขึ้นแล้วหลบไป ถ้าจะรักษาร้ายนัก อันว่ามนุษย์รูปนั้นชื่อทรางโจร เมื่ออยู่ในครรภมารดานั้น ให้มารดาอยากของคาวแลกุมารนั้นเมื่อคลอดจากครรภ์มารดาได้ ๓ เดือน ๖ เดือนก็ดี จึ่งกระทำให้ผอมแห้งไปจะรักษาร้ายนัก มหัศรูปนั้นชื่อทรางนิลมาเกิด อทิศรูปนั้นชื่อทรางแดงตัวผู้มาเกิด อมนุษย์รูปชื่อทรางโจรมาเกิด อันว่าทราง ๘ จำพวกนี้ ก็บังเกิดมีแก่กุมารกุมารีทั้งปวงนั้น


     ปุน จปรํ ลำดับ นี้จะกล่าวด้วยยาทาหละ ทาทรางทาเขม่าต่อไปดังนี้ ยาทาหละขนานนี้ ท่านให้เอาชาดหรคุณ ๑ พิมเสน ๑ ใบนมพิจิตร์ ๑ ใบระระ ๑ ขี้แมลงสาบ ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดทำแท่งไว้เอาเกลือ รำหัดทาหละแลยอดทรางที่ขึ้นลิ้นนั้นหายดีนัก
      ขนาน หนึ่ง ท่านให้เอาชาดหรคุณไทย ๑ ชาตหรคุณจีน ๑ ชาดก้อน ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ น้ำประสานทอง ๑ สีเสียด ๑ จุณสี ๑ ขี้แมลงสาบ ๑ เมล็ดมะกอกเผาไฟ ๑ รากดินขั้ว ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ ละลายน้ำเกลือทาหละแลทรางหายแล
ขนานหนึ่ง ท่านให้เอา ใบทองหลางใบมน ๑ น้ำประสานทอง ๑ น้ำตาลโตนด ๑ ยา ๑ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดปั้นแท่ง ไว้ทาหละ หายแล
ยา น้ำมันทาเขม่าขนานนี้ ท่านให้เอาน้ำเปลือกหว้าจอก ๑ น้ำพริกไทยจอก ๑ น้ำกรามช้างจอก ๑ น้ำสีเสียดเทศจอก ๑ น้ำมันงากึ่งจอก ๕ สิ่งนี้หุงให้คงแต่น้ำมัน ทาเขม่า หายดีนักแล
ขนานหนึ่ง ท่านให้เอาเทียนเทศ ๑ ใบชิงช้าชาลี ๑ บดด้วยน้ำผึ้งทาเขม่าหายดีนัก
ขนานหนึ่ง ท่านให้เอายาดำ ๑ กระเทียม ๑ น้ำประสานทอง ๑ บดทาเขม่าแลทรางหายดีนัก
ยา แก้พิษทรางขนานนี้ ท่านให้เอาลูกสวาด ๑ กระเทียม ๑ น้ำประสานทอง ๑ การบูร ๑ น้ำปูนใส ๑ น้ำมันงาดิบ ๑ ยา๖ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดทาแก้ปวดดับพิษทรางหายดีนัก
ยา แก้ทรางหล่น ลงไปทำท้อง ขนานนี้ ท่านให้เอาใบแมงลัก ๑ ใบผักเสี้ยนผี ๑ ใบบรเพ็ด ๑ เขากวาง ๑ กรามช้าง ๑ หวายตะค้า ๑ จันทนฺแดง ๑ เนรภูสี ๑ ยา ๘ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันตำเป็นผง บดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่า กินดีนัก
ยา เหลืองน้อย แก้พิษทรางขนานนี้ ท่านให้เอาสานส้ม ๑ น้ำประสานทอง ๑ เมล็ดในมะกรูด ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ เมล็ดในส้มส้า ๑ เมล็ดในมะงั่ว ๑ เปลือกมะรุม ๑ เปลือกทองหลางใบมน ๑ หอมแดง ๑ ดีปลี / กำมะถันแดง ๑ ยา ๑๑ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะกรูด มะงั่วก็ได้ น้ำเปลือกทองหลางก็ได้ ตามแต่โรคนั้นเถิด
ยา เหลืองใหญ่ขนานนี้ ท่านให้เอาพริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ กระชายแห้ง ๑ กระเทืองแห้ง ๑ ไพลแห้ง ๑ ขมิ้นอ้อยแห้ง ๑ กระเทียมแห้ง ๑ หอมแดง ๑ ลูกสารพัดพิษ ๑ ต้นสังกระณี ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ ลูกประคำดีควาย ๑ เมล็ดผักกาด ๑ สานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ กำมะถันแดง ๑ ลูกจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ดีปลี ๑ รวมยา ๑๒ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินแก้พิษตานทรางดีนัก
ยา ชื่อมหานิลขนานนี้ ท่านให้เอาลูกจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ น้ำประสานทอง ๑ เทียนทั้ง ๕ หนึ่ง ขมิ้นอ้อย ๑ ขิงแห้ง ๑ กระเทียมสุก ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน เอารากดิน เท่ายา ทั้งหลายขั้วให้เกรียม ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำท่า กินแก้พิษตานทรางหายดีนัก
ยา รุกุมารขนานนี้ ท่านให้เอาใบพลับพลึง ๑ ไพล ๑ เมล็ดผักกาด ๑ หว้านน้ำ ๑ น้ำมันงูเหลือม ๑ ยา ๕ สิ่งนี้ เอาส่วนเท่ากันตำคุลีการ กันเข้าอุ่นไฟให้ร้อน ห่อผ้าประทับชายโครง ให้เสมหะในโครงนั้นเลื่อนลงไปอยู่ท้อง เป็นยาแก้พิษตานทรางหายดีนัก
ยา ชื่อเกสรารุเสมหะขนานนี้ ท่านให้เอาเกสรบัวหลวง ๑ เกสรบุนนาค ๑ ไคร้หอม ๑ จันทนฺขาว ๑ ชะเอม ๑ ขิง ๑ เมล็ดราชพฤกษ์ ๑ รากขี้กาทั้งสอง ๑ น้ำประสานทอง ๑ หญ้าตีนนก ๑ ยา ๑๑ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันต้ม ๓ เอา ๑ เมื่อจะกินแซกขันทศกร ๑ กินตามกำลัง กุมารแก้ตัวร้อนเพื่อเสมหะแลกำเดา แก้พิษตานทรางทั้งกินอาหารก็ได้เจริญอรรคนี ผล
ยา รุเสมหะเน่าขนานนี้ ท่านให้เอายาดำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ใบกระเพรา ๑ ผักเสี้ยนผี ๑ ลูกกระดอม ๑ บรเพ็ด ๑ น้ำประสานทอง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ยา ๘ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ ละลายน้ำกินตามกำลัง รุเสมหะเน่าทั้งปวงดีนัก
ยา รุกุมารขนานนี้ ท่านให้เอาการบูรส่วน ๑ รงทองส่วน ๑ พริกไทยส่วน ๑ ขิงส่วน ๑ ยาดำ ๒ ส่วน ลูกสลอด ๘ ส่วน รวมยา ๖ สิ่งนี้ตำเป็นผง เอาน้ำส้มมะขามเปียกเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้เท่าเมล็ดพริกไทย ถ้ากุมารอายุขวบหนึ่งกิน ๓ เมล็ด ถ้าธาตุหนักกิน ๕ เมล็ด ละลายน้ำเหล้ากินดีนัก
ยา ชื่อเทพสัมฤทธิ์ทุเลาธาตุขนานนี้ ท่านให้เอาสานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ น้ำประสานทอง ๑ ฝักส้มป่อย ๑ ลูกประคำดีควาย ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน เอาน้ำมะนาวเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้เท่าเมล็ดพุดทรา ละลายน้ำเหล้า น้ำมะนาวก็ได้ กินเมล็ด ๑ ถ้าไม่ลงกิน ๓ เมล็ดลงดีนัก
ยา แก้ขัดอุจจาระขนานนี้ ท่านให้เอาถ่านไม้สัก ๑ ลูกจันทนฺขั้ว ๑ รงทองเอาใบบัวที่ตายกลางสระนั้นมาห่อลงปิ้งไฟให้ไหม้ แล้วจึ่งประสมเข้าด้วยกัน ละลายน้ำมะนาวกินคูธตก ดีนัก
ยาแก้ปัสสาวะมิออกขนานนี้ ท่านให้เอาโคกกระสุน ๑ ยอดขี้เหล็ก ๑ ขมิ้นอ้อย ๗ ชิ้น ต้ม ๓ เอา ๑ ให้กุมารกิน มูตร์ ออกดีนัก
ขนานหนึ่งเอาด่างใบบัวหลวง ละลายน้ำผึ้งรวงกินประจุ ปัสสาวะออกดีนัก
ยา แก้กุมารอ่อนลงท้อง นักขนานนี้ ท่านให้เอาลูกมะตูมอ่อน ๑ ลูกทับทิม ๑ ดีปลี ๑ รากหนาด ๑ ขิงสด ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดละลายน้ำผึ้งกินหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ใบคนทีสอ ๑ ใบผักเสี้ยนผี ๑ ไพล ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ยาดำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้ เอาส่วนเท่ากัน บดละลายน้ำหยัด เหล้ากินแก้ตานทรางหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา มหาหิงคุ์ ๑ น้ำประสานทอง ๑ ลูกจันทนฺ ๑ สมอเทศ ๑ การบูร ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน เอาเจตมูลเพลิงเท่ายาทั้งหลาย ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ ละลายให้กุมารกินหายดีนัก


ปุน จปรํ ลำดับ นี้จะกล่าวด้วยกุมารทั้งหลาย เอากำเนิดใน ๑๕ วันก็ดี เดือน ๑ ก็ดี ๒ เดือน ๓ เดือน ๔ เดือน ก็ดี แต่เดือน ๑ เกิดเป็นเขม่าตานทราง เลือดกระสายแลเอ็นทั้ง ๓๗ จึงเกิดทรางทั้ง ๙ จำพวก จำพวกหนึ่งเกิดขึ้นภายใน ย่อมกินไส้พุง ตับปอดแลหัวใจนั้นก็มี อนึ่งชื่อว่าเบ็ญจขันธ์ ถ้าผู้ใดรู้จักวิเศษนัก คือทรางฝ้ายดวงดังนี้ () ขึ้นในลิ้นในปากก็มีมิเป็นไรเลย ทรางขุมดวงดังนี้ () ถ้าว่ากลางนั้นซีดขาวสองวันตานก็จะหาย ทรางเข้าเปลือกเป็นในลิ้นในปากดุจดังลิ้นวัว ครั้นถึงสองวันก็หล่นลงไปที่ท้อง ทรางเข้าดวงดังนี้ () ทรางควายดวงดังนี้ ถ้าดำถึง ๑๒ วัน ตาย ทรางม้าดวงดังนี้ () ครั้นถึง ๒ วัน ก็ติดกันเข้ามีสีดำเขียวร้ายนัก ทรางช้างดวงดังนี้ () ถ้าหวำแลกลางแดงมักให้ลงท้อง ทรางโจรดวงดังนี้ มักขึ้นไส้พุงแลหัวตับกระดูกสังหลัง เมื่อแก่หนักขึ้นมาดุจดอกบุกใหญ่ดังนี้ () แลทรางดังนี้ () ถ้าแดงให้หวำทรางไฟดวงดังนี้ () ถ้าขึ้นกลางลิ้นนั้นดำริมแดงร้ายนัก ครั้นตกโลหิตก็ตาย
อนึ่ง แพทย์ทั้งหลายผู้จะพยาบาล ให้พิจารณาดูลักษณะอาการแลประเภทให้รู้ดังนี้ก่อน ถ้ากินไส้พุง ให้ลงท้อง ถ้ากินหัวใจให้ตก โลหิตสดแลเสมหะ ถ้ากินหัวตับโลหิตตกพอประมาณ ถ้ากินคอหอยให้คอแลปากแห้ง ถ้ากินนอกไส้แลในอกให้ระหายน้ำ
อนึ่ง ถ้ากุมารผู้ใด เมื่อตื่นนอนแลปากแดงแล้วให้น้ำลายตก ทรางจับที่ลิ้นก่อนจึงขึ้นคอ เมื่อป้อนเข้าให้ไอแลรากแล้วก็หล่น ลงไปให้ทำท้อง ครั้นนานมาให้อยากน้ำแล้วให้สันหลังแข็ง ถ้าลักษณะดังนี้คือทรางโจรกระทำ ให้เป็นไข้หวัด แล้วให้ผอมเหลืองให้ตัว ดุจดังเป็นปาน อันว่าทรางฝ้ายนั้นให้ขาวจับไพรปากแล้วให้น้ำลายตก ถ้าเหลืองเข้าแล้วแพทย์พึงรักษาด้วยยาชื่อละอองพระบาท อันว่าทรางริดสีดวงนั้นกระทำให้ปากเปื่อยร้ายนักครั้นแก่ไปให้บิดท้อง
ถ้า จะแก้ให้เอายาขนานนี้ ท่านให้เอาหญ้าไทร ๑ ใบ ตานหม่อน ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบสวาด ๑ ใบมะกล่ำเครือ ๑ ผักคราด ๑ ใบมะยมตัวผู้ ๑ มะกรูด ๑ ชะมด ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ายาฝิ่นรำหัด กินแก้บิดหาย ถ้าเป็นละอองพระบาท เมื่อแรกให้ขาวขึ้นมา ครั้นคล้ำเหลืองเข้าให้น้ำลายตกร้ายนัก ถ้าจะแก้ให้แก้ด้วยมนตฺนี้ อุมฺมาครูปมุกฺขา วา คันฺต๎วาส๎วาห อุมฺมาครูปมุกฺขา วา คันฺต๎วาส๎วาห คู่กันกับมนตฺ เสก หมากแลไพลก็ได้ ๗ คาบ เคี้ยวป้อนปากกุมาร แก้ละอองพระบาทหาย
ยาแก้ละอองพระบาท ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ พริก ๗ ขิง ๗ กระเทียม ๗ เกลือ ๗ ต้มกินหายแล
ขนานหนึ่งท่านให้เอา น้ำประสานทอง ๑ ฝิ่น ๑ เบ็ญกานี ๑ น้ำตาล ๑ กระเทียม ๑ เอาเกลือรำหัด บดให้เลอียดชุบสำลี อมแก้ในลิ้นในปากหาย
ยาแก้ละอองพระบาทลงไปทำท้อง ขนานนี้ท่านให้เอาลูกเบ็ญกานี ๑ เนรภูสี ๑ จันทนฺแดง ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินหาย
ยาแก้ละอองพระกฤษ ขนานนี้ท่านให้เอา รากเถาหญ้านาง ๑ ดีงูเหลือม ๑ ฝนละลายน้ำเหล้ากินหาย
ยาแก้ทรางแดง ขนานนี้ท่านให้เอา กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ เขากวาง ๑ สมุลแว้ง ๑ เนรภูสี ๑ จันทนฺแดง ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน เอาน้ำเหล้าเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ทั้งกินทั้งทาหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา น้ำประสานทอง ๑ ขิง ๑ กระเทียม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ พิมเสน ๑ กระดูกงูทับทาง ๑ นอแรด ๑ งาช้าง ๑ กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ เขี้ยวหมู ๑ รวมยา ๑๗ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันบดปั้นแท่งไว้ทาทราง แดง ดำ ขาว เหลือง หายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ งาช้าง ๑ นอแรด ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ เขี้ยวหมู ๑ กระดูกงูทับทาง ๑ โกฐทั้ง ๕ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ ดีตะพาบน้ำ ๑ ดีงูเหลือม ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๑๘ สิ่งนี้ เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ ละลายน้ำเหล้ากินแก้ทรางทั้งปวงหาย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา หอยอีรมเผาไฟ ๑ หมึกหอม ๑ รากคันซุน ๑ ชาดหรคุณ ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้ เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดละลายน้ำมันงาดิบทา ทรางหาย
ยาแก้ทรางโจร ขนาน นี้ท่านให้เอา บรเพ็ด ๑ ใบคนทีสอ ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบอังกาบ ๑ ใบพลูแก ๑ ไพล ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินหายแล
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา เจตมูลเพลิง ๑ ดินกิน ๒ หัวอุตพิษ ๒ ตรีกระฏุก ๓ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากิน แก้ทรางโจรหายแล
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ขมิ้นอ้อย ๑ พริก ๑ ขิง ๑ กระเทียม ๑ ใบกระเพรา ๑ ยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินแก้ทรางโจรหายแล
ยาชื่อเบ็ญจนารายนฺ ขนาน นี้ท่านให้เอา ลูกราชดัด ๑ ยาดำ ๑ ลูกประคำดีควาย ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากิน แก้ทรางโจรตกมูกตกโลหิตหาย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ข่า ๑ ส่วน ไพล ๒ ส่วน ยาดำ ๓ ส่วน ขมิ้นอ้อย ๔ ส่วน ใบกระเพรา ๕ ส่วน รวมยา ๕ สิ่งนี้ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากิน แก้ทรางโจรทรวงอก หายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ผักคราด ๑ ตานหม่อน ๑ ขอบชะนางทั้งสอง ๑ ยา ๔ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเอาน้ำ ละลายพริก ๗ ขิง ๗ กระเทียม ๗ กินตัวพยาธิตาย ทั้งอุจจาระที่เหม็นนักนั้นก็หาย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ตานดำ ๑ ตานขโมย ๑ พริกไทย ๑ ผักเสี้ยนผี ๑ กุ่มทั้งสอง ๑ เกลือ ๑ กระดูกเสือ ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ การบูร ๑ หุงด้วยน้ำมันงาดิบทั้งกินทั้งทาก็ได้ แก้ทรางโจร ถ้าให้ หลังแข็งทาก็หายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ไพล ๑ ขิง ๑ ข่า ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวอุ่นไฟให้ร้อน ทั้งกินทั้งทา หาย
ยารุทราง ขนานนี้ท่านให้เอา ลูกสลอด ๑ ใบมะกา ๑ ใบราชพฤกษ์ ๑ หญ้าใต้ใบ ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ใบกระเพรา ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาสลอด ๑ ส่วน เอาใบไม้ทั้ง ๕ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๒ ส่วน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งเท่าเมล็ดนุ่น กินตามกำลังกุมารดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา เมล็ดผักกาด ๑ เทียนดำ ๒ ส่วน สลอด ๓ ส่วน รวมยา ๓ สิ่งนี้ตำเป็นผง เอาน้ำมะนาวเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้เท่าเมล็ดพริกไทย กินตามกำลังกุมารเป็นยาประจุเสมหะน้ำเหลืองหายดีนัก
ยาหยอดตา ขนานนี้ท่านให้เอา รากกระทกรก ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เปลือกหอยโข่ง ๑ ยา ๓ สิ่งนี้แช่น้ำหยอกตาแก้หมอกหาย
ขนานหนึ่งท่านให้เอา รากผักคราด ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รากพันงูแดง ๑ เกลือ ๗ เมล็ด แช่น้ำหยอดตาห้ามไม่ให้ทรางขึ้นได้ดีนัก
ยาแก้ต้อขึ้นตาให้ขาวไปทั้งตา ขนานนี้ท่านให้เอาไพล ๑ รากอังกาบ ๑ รากอัญชันขาว ๑ ยา ๓ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน เอาน้ำมะนาวเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ฝนหยอดตาทรางโจรหาย
ยาแก้เอ็น ขนานหนึ่งท่านให้เอา ใบมะระ ๑ ใบ หางจรเข้ ๑ ใบตำลึงแฉก ๑ (ตำลึงตัวผู้) ขมิ้นอ้อย ๑ ดินประสิวขาว ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดพอกหายแล
ยาแก้ลิ้น ขนานหนึ่งท่านให้เอา น้ำประสานทอง ๑ กานพลู ๑ ใบหนาด ๑ ไคร้หอม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ใบกะเพรา ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงเอาน้ำมะนาวเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ เมื่อจะกินรำหัดพิมเสนแซกน้ำผึ้งรวงกิน แก้ลิ้นดูดนมมิได้หายดีนัก
ยาแก้กุมารกินเข้าไม่ได้ ขนานนี้ท่านให้เอา บอรเพ็ด ๑ ใบกะเพรา ๑ ไคร้หอม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำผึ้งรวงกิน กินข้าวได้ดีนัก
สิทธิการิยะ จะกล่าวถึงกุมารกุมารีทั้งหลาย อันเกิดโรคร้ายต่างๆคือตานทราง คือ น้ำนมแห่งแม่แลแม่ซื้อ คือนนทปักษีประการ ๑ ปุศกะปักษีประการ ๑ ถ้าเป็นไข้ให้สั่นไปทั้งตัว ให้ร้อนกระวนกระวายแลอยากน้ำนักเป็นสำคัญ พึงรู้เถิดว่า นนทปักษีกระทำโทษ
ถ้า ปุศกะปักษีกระทำโทษพิการแลปัดพิษ แล้วให้ประกอบยาขนานนี้ให้กิน ท่านให้เอารากถั่วแปบ บดด้วยน้ำมันดิบ บำบัดโทษทั้งหลาย มีต้นว่าปุศกะปักษีกระทำโทษ
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ รากผักแว่น ๑ ยาสองสิ่งนี้ บดทำลูกสะเดาผูกข้อมือข้อเท้ากุมาร กันปักษีทั้งปวงดีนัก ถ้าไม่ผูกข้อมือข้อเท้า จะเผาทามือทาเท้าก็ได้ดุจกัน
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ดอกสะเดา ๑ กระเมง ๑ พรมมิ ๑ ใบถั่วแระ ๑ ใบรักขาว ๑ ตำเอาน้ำละลายระคน ด้วยน้ำมันดิบ ทากุมารบำบัดโทษปุศกะปักษีทั้งปวงหายแล
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา รังแตน ๑ ผักแว่น ๑ ใบอังกาบ ๑ ใบมะคำไก่ ๑ สมุลแว้ง ๑ ใบอุโลก ๑ ใบอัญชันขาว ๑ บดกับน้ำมันดิบทากุมารบำบัดโทษทั้งปวง
ยาชื่อเบญจภังคี ขนานนี้ท่านให้เอา ยอดมะขวิด ๑ ยอดโพบาย ๑ ยอดทอง ๑ ยอดมะตูม ๑ ยอดมะเดื่อ ๑ บดทาตัวกุมารแล้วอาบน้ำเสีย บำบัดเคราะห์แห่งกุมารแลโลหิตทุกประการ อนึ่งให้แต่งเครื่องพลีกรรม ด้วยขนมนมเนย น้ำผึ้งรวง ถั่ว งา สุรา รสสุคนธ์ ดอกไม้ ประดับบูชาแล้ว เอาไปเสียที่หนทางสามแพร่ง เมื่อเวลาค่ำ บำบัดโทษแห่งกุมาร
ขนานหนึ่งท่านให้เอา ผิวไม้ไผ่ ๑ ชันตะเคียน ๑ เนย ๑ ยา ๓ สิ่งนี้เผารม
สิทธิการิยะ ลำดับนี้จะกล่าวด้วยปีศาจกระทำโทษ แก่กุมารทั้งหลาย มีลักษณะ ๔ ประการ คือ นนทปักษีประการ ๑ กาลปักษีประการ ๑ อสุนนทปักษีประการ ๑ เทพีปักษีประการ ๑ (๑) อันว่าลักษณะนนทปักษีกระทำโทษแก่กุมารเมื่ออยู่ในเรือนไฟนั้น เข้าในไส้เป็นเสมหะให้เจ็บทั้งตัว และให้รากสำรอกไหลออกมาทางจมูก (๒) อันว่าลักษณะกาลปักษีทำโทษนั้น เมื่อมารดาออกไฟแล้วได้ ๕ เดือน ปีศาจออกนอกไส้ให้ไส้เป็นขดลั่นดังอยู่จ้อๆ แลให้ร้องไห้ เป็นครู่แล้วให้ทอดใจใหญ่ร้องไห้เมื่อหลับ (๓) อันว่าลักษณะอสุนนทปักษีกระทำโทษแก่กุมารนั้นให้อยากน้ำให้นอนมิหลับกินเข้า มิได้ ให้ตัวร้อนปิศาจอยู่ตับ (๔) อันว่าลักษณะเทพีปักษีกระทำโทษแก่กุมารนั้นให้ง่าเท้า ง่ามือ เมื่อออกจากเรือนไฟแล้วได้ ๓ เดือน ๔ เดือนก็ดี ย่อมให้เหลือกตาซ้ายขวา แลช้อนตากระหม่อมพร่อง อันว่านนทปักษีเข้าในไส้นั้นออกโดยทวารหนัก อันว่ากาลปักษีกระทำโทษนั้นออกโดยทางปัสสาวะ อันว่าอสุนนทปักษีนั้นเข้าโดยจมูกออกทางจักษุ อันว่าเทพปักษีนั้นเข้าโดยนมออกโดยเท้า
ถ้าจะแก้นนทปักษีนั้น ท่านให้เอาใบหนาด ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ประสมกันเข้าบดทาตัวกุมารนั้น นนทปักษีกลัว
ถ้าจะแก้กาลปักษี ท่านให้เอาสาบแร้ง ๑ สาบกา ๑ เขาควาย ๑ ประสมกันเข้าเผารม กาลปักษีกลัว
ถ้าจะแก้อสุนนทปักษี ท่านให้เอาขนนก ๑ ขนกา ๑ ประสมกันเข้าเผา อสุนนทปักษีกลัว
ถ้าจะแก้เทพีปักษี ท่านให้เอาพลับพลึง ๑ สุพรรณถัน ๑ ประสมกันเข้าเผา เทพีปักษีกลัว
นนท ปักษีนั้นเข้าเมื่อเช้าตรู่ ออกเมื่อสิ้นแสงตวัน กาลปักษีนั้นเข้าเมื่อเข้านอน ออกเมื่อตวันขึ้น อสุนนทปักษีนั้นเข้าเมื่อตวันเที่ยง ออกเมื่อเที่ยงคืน เทพีปักษีนั้นเข้าเมื่อตวันเย็น ออกเมื่อเช้าก่อนงาย
อนึ่งเดือน ๕, , , , พระสีพรมยักษ์ อยู่ทิศเป็นใหญ่กว่าปีศาจทั้งหลาย เข้ามาทำโทษแก่กุมารทั้งปวง อนึ่งเดือน ๙, ๑๐, ๑๑, ๑๒, พระสีหัศบดีอยู่ทิศเป็นใหญ่กว่าฝูงปีศาจทั้งปวง เข้ามากระทำโทษแก่กุมารทั้งหลาย อนึ่งเดือน ๑, , , , พระ สีกุมารยักษ์อยู่ทิศเป็นใหญ่กว่าภูตปีศาจทั้งปวง เข้ามากระทำโทษแก่กุมารทั้งหลาย นนทปักษีเข้านั้นสัตว์เดียรฉานร้องกุมารตกใจจึ่งเข้า เมื่อออกสัตว์รบกัดกันจึงออก กาลปักษีเมื่อเข้านั้น ไม้ไล่หักครืนเครงสัตว์รบกัดกันจึงเข้า เมื่อออกสัตว์รบกัดกันจึงออกอสุนนทปักษีเมื่อจะเข้านั้น มีผู้มาแต่ไกลเอาสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า มาหาจึงเข้า เมื่อออกมีคนทุ่มเถียงกันจึงออก เทพีปักษีเมื่อเข้านั้นได้ยินเสียงลมพัดแลฟ้าร้อง เสียงฆ้องกลองจึงเข้า เมื่อจะออกนั้นเสียงมนุษย์ร้องไห้จึงออก
อนึ่ง ถ้ากุมารเป็นไข้กินข้าวย่อมให้รากแลลงท้อง แลนอนมิหลับท่านให้ทำกระบาล ๒ อัน เอาดินปั้นรูปสรรพสัตว์กระบาล ๑ สรรพผีกระบาล ๑ หม้อใหม่ ใบ ๑ จึงเอาแป้งปั้นแม่ลูก ๓ คน อุ้มกันใส่ในหม้อนั้น เอาน้ำมะพร้าวผล ๑ เทียนเล่ม ๑ จุดตาม ที่ปากหม้อ เอาไปลอยเสีย ทั้งกระบาลหายแล
อนึ่ง ในคัมภีร์ปฐมจินดา ผูก ๑ บริเฉท ๔ ว่าด้วยสังโยชนฺนั้น พระอาจารย์เจ้ากล่าวไว้ว่า สตรีมีลักษณะน้ำนมอันเป็นโทษนั้นด้วยเหตุ ๓ ประการ คือบริโภคอาหารแสลงมิชอบด้วยธาตุประการ ๑ อาหารมิควรบริโภคมาบริโภคประการ ๑ สตรีมีน้ำใจระคนไปด้วยมาตุคาม เป็นนิจประการ ๑ ครั้นกุมารบริโภคน้ำนม ๓ ประการนี้จึงเป็นโทษ อันนี้แจ้งอยู่ในคัมภีร์สังโยชนฺโน้นแล้ว
ยา แก้น้ำนมโทษ ขนานนี้ท่านให้เอา กรุงเขมา ๑ ขิง ๑ กระพังโหม ๑ โกฐทั้ง ๕ ชะมด ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ต้มใส่น้ำ ๕ ทนานเขี้ยว เอาแต่ ๓ ทนานจงดี ให้แม่ลูกอ่อนกินชำระน้ำนมบริสุทธิ์ดีนัก
พระ อาจารย์เจ้ากล่าวไว้ว่า ผู้ที่จะเป็นที่พึ่งแก่กุมารนั้น ด้วยเสียงอันให้อ่อนแลให้แข็ง แลให้ห้ามอาหารที่มิควรจะบริโภค แลให้กินนมประการหนึ่ง ถ้ากุมารเป็นไข้ท่านให้เอาเปรียง พระโคสด น้ำมะพร้าวนาฬิเก ระคนกินชำระน้ำนม อาจบำบัดโทษแห่งกุมารทุกประการ
ขนานหนึ่งท่านให้เอา ตรีกระฏุก ๑ จุกโรหินี ๑ ตำเป็นผงระคนเข้าด้วยน้ำนมโค เคี่ยวให้กุมารกินแก้ไขเพื่อกำเดาหาย
ยาชื่อผลาธิคุณ ขนานนี้ท่านให้เอา ลำพัน ๑ ขิงแห้ง ๑ แห้วหมู ๑ อุตพิษ ๑ ต้มให้แม่ลูกอ่อนกินชำระ น้ำนมบริสุทธิ์ดีนัก
ขนานหนึ่งท่านให้เอา โคกกระออม บดด้วยน้ำทาตัวกุมารและทาหัวนมมารดาไว้ให้แห้งแล้วล้างเสีย จึงให้กุมารกินบำบัดโทษ ๓ ประการดีนัก
อนึ่ง ให้ชิมน้ำนมนั้นดู ถ้าน้ำนมนั้นฝาด ให้เอาขันตักน้ำที่ใสมาหล่อ น้ำนมลองดู ถ้าเห็นหายไปกับน้ำ ก็ยังเกิดโทษอยู่ด้วยกำเดา ถ้าหล่อลงในน้ำแล้วน้ำนมนั้นจมข้นขาวบริสุทธิ์ หามลทินโทษมิได้เลย
ขนานหนึ่งท่านให้เอา ไม้เท้ายายม่อม ๑ เทพธาโร ๑ ลำพัน ๑ อุตพิษ ๑ ต้ม ๓ เอา ๑ ให้แม่ลูกอ่อนกินชำระน้ำนมโทษดีนัก
สิทธิการิยะ ลำดับนี้จะว่าด้วยลักษณะทรางโจรเป็นดังนี้ () เมื่อแรกคลอดจากครรภ์มารดาได้ ๓ วัน ทรางนั้เกิดในสันหลัง ๔ ยอด อยู่ในกระหม่อม ๔ ยอด ครั้นได้ ๓ เดือนก็สำแดงออกมาที่ปากทีหนึ่ง ยอดดำเชิงแดง ขึ้นต้นกรามทั้ง ๒ ข้างก็ดี แลให้ลงท้องแต่ในเขตร์ ๓ เดือนไปจน ๑๐ ขวบ (หรือ ๑๐ เดือน) ให้ลงเป็นดังส่าเหล้า เมื่อได้ ๓ เดือน สำแดงออก มาทั้งตัวให้ลายดังปลากะทิง แลทรางนั้นมีแม่ ให้แสบทั่วสรรพางค์กาย ครั้นได้ ๖ เดือนทรางนั้นก็จมกลับเข้าไปในสันหลัง เข้าไปขึ้นในไส้แลชายตับนั้น ถ้าขึ้นตับให้อุจจาระดำออกมา ถ้าขึ้นในไส้อ่อน ให้อุจจาระสีเขียวดังใบไม้ ถ้าขึ้นในหัวใจให้รากโลหิตสดออกมา ถ้าขึ้นในคอให้คอแห้ง ถ้าขึ้นในกระเพาะเข้า ให้อยากเข้าอยากน้ำ ถ้าขึ้นในนาภีให้หลังโกง แลขัดปัสสาวะ มักเป็นนิ่ว แลให้ปัสสาวะขาวดุจน้ำปูน เมื่อกลับเข้าไปข้างใน ขึ้นในหัวเหน่า ยอด ๑ บริวารขึ้นประจำแม่ทรางนั้น ๓๐ ยอด ขึ้นในตับยอด ๑ บริวารขึ้นด้วย ๖๐ ยอด ขึ้นในนาภียอด ๑ บริวารขึ้นด้วย ๔๐ ยอด ขึ้นในหัวอกยอด ๑ บริวารขึ้นด้วย ๕๐ ยอด ขึ้นในหัวใจยอด ๑ บริวารขึ้นด้วย ๗๐ ยอด ขึ้นในลำคอยอด ๑ บริวารขึ้นด้วย ๘๐ ยอด ขึ้นในจักษุทั้ง ๒ ข้างๆละ ๑ ยอด บริวารขึ้นด้วยข้างละ ๒๐ ยอด แลบริวารทรางโจรนั้น ๓๕๐ ยอด
ถ้า แพทย์จะใคร่รู้ไซ้ ให้พิจารณาดูลักษณะทรางที่เกิดในกระหม่อมก็ดีในจักษุก็ดี เมื่อจะใกล้ตายเป็นดังนี้ ขึ้นจุกในลำคอจะกินเข้ากินนมมิได้ ขึ้นในเหงือกทั้ง ๒ ข้างนั้น บริวารอันอยู่ในกระหม่อมก็มาขึ้นที่ขาตะไกรทั้ง ๒ ข้าง แดง ดำ ขาว เหลืองก็ดี ถ้าแตกแล้วเมื่อใดตายเมื่อนั้น ถ้าขึ้นในเหงือก ในคอในไรฟัน แล้วทรางนั้นขึ้นมาประจำอยู่ในจักษุ ๒ ยอด ลงไปสันหลังประจบกันเป็น ๖ ยอด เมื่อได้ ๓ เดือนเป็นทีหนึ่ง เมื่อได้ ๖ เดือนเป็นทีหนึ่ง แต่ ๙ เดือนไปจน ๑๑ เดือน เป็นทีหนึ่ง ถ้าเป็นดังนั้นให้ลงท้องดังน้ำไข่เน่าแลน้ำล้างเนื้อ ถ้าเป็นโลหิตตกแลบุพโพ ตกก็ดี ห้ามไม่ให้วางยารุ ยาผาย จะแก้ยากนัก ถ้าขืนวางยารุตายเป็นเที่ยง อนึ่งบริวารทรางโจรเมื่อจะขึ้นแก้ม แม่นั้นแต่วันละ ๕ ยอดบ้าง ๖ ยอด ๗ ยอดบ้าง ถ้าบริวารจะขึ้นนั้น ขึ้นม้ามให้ม้ามหย่อนลงมาชายโครง แลให้เป็นไข้ตัวร้อนตาเหลืองแลท้องแน่น ให้ขนลุกขนพอง แลให้พร่องอก แลผอมเหลือง ถ้าขึ้นชายตับเป็นลายดังจุดตา แลลามออกไปเป็นขอบเลื่อนเข้าหากัน ถ้าขึ้นในไส้ให้ไส้พองออก แลท้องนั้นเหลืองแลลงมิหยุด ถ้าขึ้นในกระดูกสันหลังทุกข้อ ลงกระดูกรักษายากมักตาย ถ้าทรางโจรอันขึ้นเท้า แต่แรกคลอดจากครรภ์มารดานั้น ครั้นได้วันหนึ่ง ทรางเกิดขึ้นในเท้า ๕ ยอด เป็นดังนี้ () ขึ้นฝ่าเท้าข้างละ ๑ ยอด ขึ้นที่กลางเท้ายอด ๑ ขึ้นที่หลังเท้า ๓ ยอด ถ้าผู้ชายขึ้นเท้าขวา ๕ ยอด ถ้าขึ้นเท้าซ้าย ๓ ยอดตาย เขม่าขึ้นแต่ในเรือนไฟ เพราะว่าทรางลมมาบังเกิดอยู่ในเท้าทั้ง ๒ ข้าง ครั้นได้ ๓ เดือนก็จมหายเข้าไปถึงหัวเข่า ถ้าแพทย์ผู้ใดจะใคร่รู้ให้พิจารณาจงดี ให้รู้ลักษณะทรางอันขึ้นมา แต่ฝ่าเท้าถึงหัวเข่าแลต้นขาเป็นดังนี้ () แลขึ้นแข้งขาทั้ง ๒ ข้างคมดังหนามกะเบนอ่อน ทรางนั้นขึ้นชิดกระดูกสันหลังแลกระดูกทั้งปวงแลขึ้นทุกเส้นเอ็น ครั้นถึงหัวเหน่าก็ขึ้นจับที่ลำไส้ยอด ๑ ขึ้นมาจับที่นาภียอด ๑ ขึ้นมาจับชายตับยอด ๑ ขึ้นจับหัวใจยอด ๑ ขึ้นจับลำคอยอด ๑ ขึ้นจับเพดาลุข้างละยอด อนึ่งข้างขวาขึ้นมาแต่ในท้อง ข้างซ้ายขึ้นมาจับแต่เอวแลคอยอด ๑ ขึ้นมาจับกลางหลังหัวสบัก ยอด ๑ อันที่ขึ้นมาในลำไส้นั้น จะบอกไว้ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้แจ้ง ว่าบริวารทรางโจรที่ทำให้ตายได้นั้นแลมาเกิดแก่กุมารทั้งหลาย ให้เจ็บเป็นประการต่างๆด้วยความเจ็บนั้นทั่วสรรพางค์กาย เมื่อแม่ทรางขึ้นที่สำคัญทุกแห่งแล้วบริวารนั้น จึงขึ้นตามแม่ตั้งแต่หัวเหน่าขึ้นไปนาภี แม่นั้นยอด ๑ บริวารมาขึ้น ๘ ยอดก่อน เมื่อขึ้นนั้น ให้ตั้งเปื่อยออกไปเป็นขุม ภายนอกนั้นสูงเป็นหัวบุก แต่มีตัวดุจดังไรเกลื่อนออก หากันแล้ว จึงลามขึ้นไปที่กระเพาะเข้าแลชายตับ ถ้าขึ้นแต่ลำไส้นั้นหากให้ลง ถ้าขึ้นถึงกระเพาะเข้าแล้วให้อยากน้ำเป็นกำลัง ถ้าขึ้นถึงชายตับให้ตกโลหิต ถ้าขึ้นม้ามให้ตัวร้อนท้องร้อนหลังร้อน แลระส่ำระสายทุรนทุรายให้เมื่อยให้สลบ ครั้นขึ้นได้วัน ๑ ก็ด้าน ลงไปแล้วไปขึ้นในจักษุข้างขวาก่อน ครั้นได้ ๗ วันจึงข้ามมาจับตาข้างซ้าย ครั้นได้ ๘ วัน ให้หลบ ทีหนึ่งจึงทรางในตับแลม้ามก็ขึ้นมาจับหัวใจ แล้วขึ้นจุกลำคอ ๓ ดวง ครั้นได้ ๙ วันตาย เมื่อตายแล้วก็สำแดงออกมาในสันหลัง แดงบ้าง ดำบ้าง เขียวบ้าง ถ้าแพทย์ผู้ใดจักใคร่รู้จักกำเนิดทรางโจร ให้พิจารณาดูเถิดเป็นดังนี้
ทราง นิลมาบังเกิด เป็นดังนี้ () เมื่อแรกคลอดจากครรภ์มารดาได้วัน ๑ ทรางนั้นก็มาเกิดในกระหม่อม ๓ ยอดลงมาขึ้นในสันหลัง ๕ ยอด อันขึ้นในกระหม่อม ๓ ยอด นั้นเมื่ออยู่ในเรือนไฟไม่รู้มีเขม่า ครั้นออกไฟแล้วจึงมีเขม่าแลตานทราง ถ้าแพทย์จะใคร่รู้ไซ้ ให้พิจารณาดูจงถ่องแท้ซึ่งยอดทรางอันเกิดแก่กุมารทั้งนี้ แลทรางจำพวกอันอยู่ในกระหม่อมก็ลงมาเกิดขึ้นในเพดาลุยอด ๑ หรือ ๓ ยอด ๔ ยอด ก็ดี ครั้นว่าขึ้นดังนั้นก็ไม่มีเขม่าแต่ในเรือนไฟ ครั้นว่าได้ ๒ เดือน ๓ เดือน ก็กระจายออกมาขึ้นเหงือกแลกรามทั้ง ๒ ข้าง แลให้ปวดเจ็บมีพิษทั่วสรรพางค์กาย ให้เจ็บเป็นประการต่างๆ แลให้รากให้ลงท้องให้ระหายน้ำให้ท้องขึ้นให้กินเข้ามิได้ เมื่อได้ ๓ เดือน ก็สำแดงออกมานอกคอ แลคอนั้นให้แดงดุจลายเข้าตอก แลให้แดงออกมาตามทวารหนักทวารเบาก็ดี เมื่อได้ ๓ เดือนทรางนิลมาเกิดจมลงอยู่ในเนื้อก็หายไป จึงทรางแดงนั้นก็ขึ้นมาแทน สำแดงออกมาที่คอแลทวาร ถ้าทรางนิลมาเกิดขึ้นแก้ม ทรางแดงในเหงือกแลหน้าฟันแลต้นกรามข้างบน ถ้าขึ้นต้นกรามแลกลางเหงือกทั้ง ๒ ข้างนั้นไซ้ ให้แพทย์พิจารณาดูจงถ่องแท้ ถ้าเห็นยอดดำเชิงเหลืองห้ามไม่ให้แก้ ถ้ามิฟังจะขืนแก้ห้ามไม่ให้วางยารุ ขืนวางยารุเป็นตายแน่ อนึ่งให้แพทย์พิจารณาดูทรางที่สำแดงออกที่คอให้แดงนั้น ถ้าแลหายเข้าไปเองไซ้ย่อมกลับขึ้นข้างใน แลทรางอันอยู่ในกระหม่อมนั้นครั้นได้ ๓ เดือนก็เลื่อนลงมาจากกระหม่อม เลื่อนลงมาขึ้นสันหลังข้างขวา ถ้าผู้หญิงขึ้นชิดกระดูกสันหลังข้างซ้ายเป็น ๖ ยอด ด้วยกันครั้นได้ ๖ เดือนก็หายจมเข้าไปพร้อมกัน แล้วก็เข้าไปขึ้นข้างในเป็นดังนี้ ()
ถ้า แพทย์รู้เห็นดังนี้แล้วไซ้ ให้วางยาจงดี จะกระทำให้ลงท้องให้อาเจียรให้ระหายน้ำ ให้ร้อนทั่วสรรพางค์กาย แลมือเท้าเย็น ให้ลงท้องอยู่ ๗ วัน แลให้เป็นบิดอยู่ ๙ วัน แล้วจึงให้ลงโลหิตเน่าอยู่ ๗ วัน จึงละอองทรางนั้นสำแดงออกมาปากแลขึ้นคอให้ไอก่อน เมื่อจะขึ้นนั้นให้แตกเป็นระแหง แลขึ้นเป็นหนามบรเพ็ดแดงออกมารักแร้ข้างละยอดเป็นดังนี้ () เมื่อจะขึ้นที่คอเป็นดังนี้ () ขึ้นดังนี้แล้วไซ้ อาการทรางอันอยู่ในเท้าจะแสดงความตายออกมา ถ้าแพทย์จะใคร่รู้ไซ้ให้พิจารณาดูจงถ่องแท้ ให้รู้จักลักษณะทรางอันจะมาเกิดแก่กุมารทั้งปวง แลแพทย์ต้องดูที่ข้อเท้ากุมารนั้นขึ้นมาขากุมาร ถ้าว่าเนื้อด้านแลคายเป็นหนังเท้าแล้วไซ้ แลทรางดวงนี้บังเกิดแกกุมารผู้ใด แต่เมื่อแรกให้ลงท้องนั้นไซ้ ให้หอบใจ หอบโครง แลหายใจหอบพัก บริวารทรางแดงทั้ง ๗๐ ยอดนี้ก็ขึ้นทุกกระดูก แลในเนื้อ แลขึ้นในไส้แลสันข้างใน แลขึ้นดาด ทั่วไปทั้งกาย และแม่ทรางขึ้นอยู่ที่สำคัญนั้นอยู่ในหัวเหน่ายอด ๑ อยู่ในนาภียอด ๑ ในหัวอกยอด ๑ อยู่ในกระหม่อมยอด ๑ อยู่ในคอยอด ๑ อยู่ในจักษุยอด ๑ แลอาการตายเมื่อจะแสดงในจักษุนั้น ทำให้ตาขาวมีสีแดงเป็นโลหิตอาการนี้ตาย ทรางจำพวกนี้ชื่อทรางแดง ครั้นว่าแสดงออกมาพร้อมกันแล้ว ๙ วันตาย ถ้าผู้ใดจะเรียนเป็นแพทย์ไซ้ ให้พิจารณาดูให้มั่นคง แล้วให้รู้ว่าทรางนี้ตายแลเป็น ถ้าจะรักษาให้เจรจาดี, ยาก นัก ถ้าแลให้ยาผิดแต่ ๑ วัน ๒ วันตาย ถ้าแลให้ยาถูกจะประทัง ไปได้จน ๑๑ วัน ๑๓ วัน ๑๕ วัน แต่กำหนด ทรางแดงนี้ ๗ วันตาย อันว่าทรางแดงนี้ ถ้าผู้ชายขึ้นข้างขวาดังนี้ () ผู้หญิงขึ้นข้างซ้ายเป็นดังนี้ () เมื่อแรกออกจากครรภ์มารดาได้ ๗ วัน จึงสะดือหล่นแล้วได้วัน ๑ ทรางก็มาบังเกิดในเท้าทั้งสองข้างในวัน ๑ จึงแม่ทรางอยู่ในหัวเหน่ายอด ๑ ก็บังเกิดเป็นละออง ขึ้นแต่เนื้อนาภี ขึ้นแต่ในลำไส้ ขึ้นมาลำคอ ดุจดังรำเข้าอ่อน แล้วก็ขึ้นมาแต่ในคอขึ้นมาที่ลิ้น แลฝีปากจึงเรียกว่าเขม่า แล้วก็หล่น ถ้วน ๓ หน จึงจะกลับลงไปหัวเหน่า ครั้นได้ ๓ เดือน ทรางในเท้านั้นก็เลื่อนขึ้นมากลางแข้งเป็นดังนี้ () ถ้าหญิงขึ้นข้างซ้าย ชายขึ้นข้างขวา ครั้นว่าได้ ๖ เดือนก็ขึ้นถึงหัวเข่า ครั้นทรางที่เท้าขึ้นมาแล้ว จึงทรางในหัวเหน่าหายไปและเมื่อได้ ๖ เดือนแล้วก็ให้อาเจียนเจ็บปวดเป็นประการต่างๆ ถ้าว่าแพทย์รู้ดังนี้ให้ยานั้นถูกโรคจึงรอด ถ้าว่าให้ยาไม่ถูกแต่ใน ๗ วัน ๙ วัน ๑๑ วันตาย และทรางแดงเมื่อขึ้นในนาภีนั้น ก็สำแดง ออกมาปากก่อนเป็นดังนี้ () ขึ้นแต่ต้นลิ้นออกมาปากให้ปากแดงแลเหงือกแดง แต่ต้นกรามทั้งสองข้างออกมาหน้าฟันทั้งสองข้างนั้น ประจบกันแล้วจึงจะตั้งยอดอยู่ที่หน้าฟัน ๓ ยอดเป็นดังนี้ () ครั้นได้ ๙ เดือนไปจน ๑๑ เดือน จึงทรางในหัวเหน่าก็ขึ้นสันข้างในเป็นดังนี้ () แล้วจึงบริวารนั้นก็ขึ้นมาตามลำไส้บ้าง และขึ้นในเนื้อทั่วสรรพางค์กาย ขึ้นในลำไส้ในกระเพาะเข้าเป็นดังนี้ () ถ้าขึ้นสันข้างในแลสองชายโครง แลขึ้นชายตับให้ลงท้องก็ดี ให้อาเจียรอาหารก็ดีแลอยากน้ำนักก็ดี ให้ตกโลหิตก็ดี เมื่อได้ขวบ ๑ กับ ๓ เดือนก็ดี ได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือนก็ดี แลทรางนั้นก็ดาดขึ้นมา จับลำคอ แลออกจับหูจับตาขึ้นจับกระหม่อม ให้ทรุดแลผอมแห้งหงอยไป น้ำแลนมนั้นกินมิได้ แลร้องไห้เสียงแหบ ขี้ตากลมอยู่ แลให้ฟันนั้นบางแลนั่งเข่าถึงเพียงหู ถ้าขึ้นดังนั้นให้ตามัว แลหางตาทั้งสองข้างนั้นเหลือง เมื่อได้ขวบหนึ่งก็ดี สองขวบก็ดี แลเมื่อจะใกล้ตายทรางนั้นก็แสดงที่ตะโพก แลขาทั้งสองข้าง แลที่กลางหลังแลหัวอกแลเนื้อตัว อันแรกออกมานั้นให้เป็นเม็ดแดงดังสีชาด แล้วแตกไหม้ลงลามออกไปเป็นดังไฟลนตั้งออกเป็นขอบ ครั้นเป็นดังนี้แล้วจึงทรางกาฬชื่อนิลปัตร นั้นขึ้นมาในลำคอสามยอด เป็นดังนี้ () ครั้นขึ้นดังนี้ () แล้วจึงละอองทรางนั้นก็สำแดงออกมาปาก แลขึ้นลิ้นเป็นไข่ออกมาดังนี้ () จึงขึ้นดาดออกมาเต็มทั้งปาก ถ้าแพทย์เห็นดังนี้แล้วพึงรู้เถิด ว่าจะตายในสองวันสามวันนั้นเป็นกำหนด อันว่าทราง ๑๓ แม่นี้บังเกิดแก่กุมารผู้ใด ย่อมเป็นสำหรับกรรมของกุมารผู้นั้น
อัน ว่าทรางไฟ นั้นดวงดังนี้ () แลเมื่อแรกออกจากครรภ์มารดานั้น เมื่ออยู่ในเรือนไฟเขม่าขึ้นแล้วแต่ในเรือนไฟแล้วแลหายไป จนได้ ๓ เดือน จึงทรางมาขึ้นตะโพกข้างขวานั้น ๕ ยอด ถ้าผู้หญิงข้างซ้าย ๓ ยอด ขึ้นกลางเท้าทั้งสองข้างๆละ ๒ ยอด เป็นดังนี้ () ครั้นได้ ๓ เดือนกับ ๑๕ วันทรางอันอยู่ในที่กลางใจเท้าก็จมลง แล้วก็เลื่อนขึ้นมาถึงแข้งเป็นดังนี้ () บริวารทั้ง ๕๐ ยอดนั้น ครั้นแม่ขึ้นถึงต้นขาแล้วก็กระจายไปขึ้นเท้าข้างซ้าย ๑๕ ยอด แลขึ้นชิดกระดูกทุกข้อกระดูกกระทำให้เจ็บเมื่อยขบให้ตัวร้อนให้ร้องไห้แต่ ตวันบ่ายไปจนดึกแลนอนน้อย เมื่อได้ ๓ เดือนจึงทรางนั้นก็สำแดงออกมาให้เท้าเย็นตัวนั้นพรุนขึ้นเป็นทรายซัด แลให้คันทั่วทั้งตัวแล้วหายไป เมื่อได้ ๓ เดือนปลาย ให้ผุดออกมา แขน, ขา, แข้ง, ก็ ดี ให้หนังนั้นแห้งไหม้ดำดุจไฟลน ถ้าเป็นดังนั้นตลอดออกมาแต่เท้าขึ้นไปจนเอว ครั้นว่าขึ้นมาถึงบั้นเอวก็ตายแล เมื่อจะใกล้ตายนั้นขึ้นในลำขาเป็นดังนี้ () ขึ้นในหัวเหน่าเป็นดังนี้ () ขึ้นที่ในนาภีนั้นเป็นดังนี้ () ถ้าแพทย์เห็นดังนี้ไซ้ให้วางยาจงดีลำบากนักรักษามิได้ตายแล
ถ้า แพทย์ผู้ใดจะรักษาให้ดูปากแลลิ้น แลให้รู้ว่าหละแห่งทรางอันกำเนิดหละแห่งทรางนั้นมีอยู่ ๙ ประการ คือยอดเหลืองประการ ๑ ยอดแดงประการ ๑ ยอดดำดุจน้ำหมึกประการ ๑ ยอดเขียวดุจใบไม้เป็นสายโลหิตอยู่ในประการ ๑ ยอดดำดังสีนิลประการ ๑ ยอดดังสีลูกหว้าห่ามประการ ๑ ยอดดังสีครามประการ ๑ ยอดขาวประการ ๑ ให้รักษาดูตามธรรมเนียมทรางนั้นเถิด อนึ่งขึ้นแดงไปทั้งปากร้ายนักให้วางยาจงดี อนึ่งขึ้นเต็มไปทั้งลิ้นแลสีนั้นเหลือง ชื่อละอองพระบาท ถ้าขึ้นยอดนั้นเหลืองดังเมล็ดเข้าโภชนฺ ชื่อแสงพระจันทร์ เมื่อขึ้นนั้นให้ลงท้องและตาแขง
ยาแก้ทรางแสงพระจันทร์ ท่าน ให้เอาเทียนดำ ๑ สานส้ม ๑ ดีปลี ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงเอาน้ำลูกมะแว้งเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะแว้ง ทาทรางแสงพระจันทร์หาย
ถ้าทรางนั้นขึ้นยอดแดง ชื่ออุไทยกาล เมื่อแรกขึ้นนั้นกระทำพิษให้ตาเหลือง ชักเท้างอ มืองอ นอนถีบให้อุจจาระปัสสาวะมิออก
ยาแก้ทรางอุไทยกาล ท่านให้เอาพิมเสน ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ สะค้าน ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำนมโคทาหาย
ถ้าขึ้นยอดนั้นดำ ชื่อฝอยไฟ ขึ้น ๓ วันให้เจ็บหลับและทั่วตัวให้หายใจนั้นหอบขึ้น
ยาแก้ทรางฝอยไฟ ท่าน ให้เอา ดินประสิวขาว ๑ เปลือกทองหลางใบมน ๑ ใบระงับพิษ ๑ เทียนดำ ๑ หางจรเข้ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันตำเป็นผงเอาน้ำมะพร้าวนาฬิเกเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำทาก็ได้ชโลมก็ได้หายแล
ถ้า มิฟังท่านให้เอา ใบหนาด ๑ ดอกจันทนฺ ๑ พิมเสน ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันตำบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเกลือน้ำเหล้าก็ได้ ทาปากกุมารหายดีนัก
ถ้า ขึ้นยอดนั้นเขียวดังใบไม้ เป็นสายโลหิตแล่น อยู่หน่อยหนึ่งนั้น ครั้นถึง ๕ วันให้ท้องขึ้นแลลงท้อง แลฝีปากนั้นแห้งร้องไห้เสียงแห้ง ถ้าจะแก้ ท่านให้เอา ใบน้ำเต้า ๑ ใบผักไห่ ๑ ใบประดู่ ๑ ใบฟักเข้า ๑ ลูกประคำดีควาย ๑ จันทนฺหอม ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันตำบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้าชโลม แล้วจึงทำยาทาปากให้ทาต่อไป
ยา ทาปาก ขนานนี้ ท่านให้เอา เทียนดำ ๑ ใบหนาด ๑ ดินประสิวขาว ๑ พริกไทย ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้าทาปากหายแล
ถ้าขึ้นคอท่านให้เอาใบมะกล่ำเครือ ๑ ชะเอม ๑ บดละลายน้ำผึ้งกินหาย
ถ้า ขึ้นยอดนั้นดำดังสีนิล ชื่อนิลกาฬ ขึ้นได้วัน ๑ แปรเป็นนิลไฟขึ้นได้ ๒ วันแปรเป็นนิลเพ็ชร์ย่อมเป็นคู่กันทั้ง ๒ ข้าง ถ้านิลกาฬขึ้นได้ ๓ วันก็ให้ตายครึ่งตัวอยู่แล้วแลร้องไห้มิได้เลย
ยาแก้ทรางนิลกาฬ ท่าน ให้เอา ลูกสารพัดพิษ ๑ รากหนาด ๑ เปลือกมะกรูด ๑ ใบคนทีสอ ๑ รากผักโหมหิน ๑ เปลือกทับทิม ๑ การบูร ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันบดทำแท่งไว้ละลายน้ำนมโคทาปากหาย
ถ้า มิฟังขนานนี้ ท่านให้เอา ใบถั่วแระ ๑ กานพลู ๑ น้ำประสานทอง ๑ รากกล้วยตีบ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน เอาน้ำใบตำลึงตัวผู้ เป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่าแทรก เปรียงพระโคหน่อยหนึ่ง ทาปากหายดีนัก
ยาชโลมสำหรับดับพิษ ขนานนี้ท่านให้เอา ใบระงับทั้งสอง ๑ ใบตำลึงตัวผู้ ๑ โคกกระออม ๑ หญ้าน้ำดับไฟ ๑ จันทนฺหอม ๑ ใบชะบา ๑ ใบฝักเข้า ๑ ข่า ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้ เอาส่วนเท่ากันบดทำแท่งไว้ ชะโลมแก้พิษทรางดีนัก
ยาชื่อกัลยาทิคุณ ขนาน นี้ท่านให้เอา กฤษณา ๑ กระลำพัก ๑ ขอนดอก ๑ โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐก้านพร้าว ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ โกฐเชียง ๑ โกฐหัวบัว ๑ ลูกจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ กานพลู ๑ กระวาน ๑ เนรภูสี ๑ ชาดหรคุณ ๑ ชะเอมเทศ ๑ พิมเสน ๑ อำพันทอง ๑ รวมยา ๑๘ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงเอาน้ำดอกไม้เป็นกระสายบดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้เทศ น้ำดอกไม้ไทยก็ได้ กินแก้ตานโจรอันกระทำให้เชื่อมมึนแลกินอาหารมิได้ ย่อมให้หลับตาซึมอยู่นั้นหายวิเศษนัก
ยาชื่อเขียวน้อย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบระงับพิษ ๑ ใบน้ำเต้า ๑ ใบหนาด ๑ ใบกระเม็ง ๑ ใบเสนียด ๑ ใบอังกาบ ๑ ตรีกระฏุก ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันบดทำแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินตามกำลังกุมาร กินเข้าได้แลห้าม ตานโจรอันทำให้เจ็บท้องแลลงท้องนั้นหายแล
ยาชื่อมหารส ขนานนี้ท่านให้เอา ลูกโหรพา ๑ ลูกมะขามป้อม ๑ ลูกผักชี ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐหัวบัว ๑ โกฐสอ ๑ น้ำประสานทอง ๑ สานส้ม ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละส่วน เอาชะเอมเทศ ๒ ส่วน รวมยา ๙ สิ่งนี้ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้ ถ้าจะทาปากกุมารแก้ทรางขึ้นลิ้นแลแก้ตกมูกเลือดละลายน้ำเหล้ากิน ถ้าจะแก้ปวดมวน ละลายน้ำกระทือหมกไฟ กิน ถ้าจะแก้ลง ละลายน้ำเปลือกมะเดื่อกิน ถ้าจะแก้ทุเลา ละลายน้ำใบกระเพรากิน แก้ตานทรางทั้งหลายหายสิ้นดีนัก
ยาชื่อสังขสมุทัย ขนานนี้ท่านให้เอา แมลงมุมตายทราก ๑ น้ำประสานทอง ๑ ใบกระเพรา ๑ ลูกกระวาน ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้ เอาส่วนเท่ากัน เอาน้ำเหล้าเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่าทาปากกุมารทั้งหลายหายแล
ยาน้ำมัน ขนานนี้ท่านให้เอา ขี้วัวสด ๑ ใบพลูแก ๑ กระเทียม ๑ ยาดำ ๑ ฝิ่น ๑ ดีงูเหลือม ๑ น้ำมันงา ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน หุง ให้คงแต่น้ำมัน จะกินหรือทาก็ได้แก้ทรางขึ้นปากแลลิ้นหายแล
ยา น้ำมันขนานนี้ท่านให้เอา สมอเทศ ๑ สมอไทย ๑ สมอพิเภก ๑ ใบมะระ ๑ ใบนมพิจิตร์ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน น้ำมันงาเอาแต่พอควร หุงให้คงแต่น้ำมันจะกินหรือทาก็ได้ ถึงเหน้าเปื่อยเหม็นเป็นประการใดก็หายสิ้นวิเศษนัก
ยาชื่อเหลืองน้อย ขนานนี้ท่านให้เอา พริก ๑ ขิง ๑ กระเทียม ๑ หอมแดง ๑ ไพล ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ดินประสิวขาว ๑ สุพรรณถันแดง ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันเอาน้ำมะนาวเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินแก้ตานทรางหาย
ยาชื่อเหลืองใหญ่ ขนาน นี้ท่านให้เอาพริก ๑ ขิง ๑ ข่า ๑ กระชาย ๑ หอม ๑ กระเทียม ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เมล็ดผักกาด ๑ เนรภูสี ๑ สังกรณี ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน เอาน้ำเหล้าเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินแก้พิษฝีดาด แลฝี ดวงเดียวแลตานทรางแลตานโจรแลละอองเขม่า โทษร้ายทั้งปวงหายสิ้นดีนัก
ยาแก้ตานทรางแลตานขะโมย ขนาน หนึ่งท่านให้เอาบรเพ็ด ๑ ใบคนทีสอ ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบอังกาบ ๑ ใบพลูแก ๑ ไพล ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันบดทำแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากิน แก้ตานทรางแลตานขะโมยหายสิ้นวิเศษนัก
ยาแก้ทรางแดง ขนานหนึ่งท่านให้เอา กำมะถันแดง ๑ ยาดำ ๑ ดินประสิวขาว ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ ใบคัดมอน ๑ ใบตานหม่อม ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินแก้ทรางแดงหาย ยาขนานนี้พระอาจารย์ท่านสรรเสริญไว้ว่าดีนัก
ยาชื่อเบ็ญจปัตร์ ขนานนี้ท่านให้เอา จุณสี ๑ น้ำประสานทองสตุ ๒ กะปิเผาไฟ ๓ เกลือขั้ว ๔ รวมยา ๔ สิ่งนี้ ตำเป็นผงเมื่อบดรำหัดพิมเสนทำแท่งไว้ ถ้าทรางแดงแลทรางอันใดๆ ก็ดีที่หนัก นั้นให้กวาดดูด้วยยานี้ ถ้ากวาดดูไม่รากไม่ได้เลยถ่ายเดียว ถ้ากวาดออกไปแลรากออกมาในทันใดนั้นมิตายเลย ให้แก้ด้วยสรรพคุณยาทั้งหลาย ยักย้าย ไปตามกระบวน นั้นเถิด
พระ อาจารย์ท่านกล่าวมาใน คัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๒ ว่าด้วย ลักษณะแผนรูปแลลักษณะสัตรี แลปักษีชาติเกิดประเภท แลดวงทรางทั้งหลายจนถึงปักษีเข้า แลปิศาจกระทำโทษ ๓ ประการ แลลักษณะทรางแดง ทรางโจร ทรางไฟ แลทรางนิลปัฏมาเกิด แลดวงทรางทั้งหลายนั้น ก็จบบริบูรณ์โดยสังเขปแต่เพียงนี้


สิทธิการิยะ จะกล่าวกำเนิดทรางทั้งปวง อันเกิดแก่กุมารแลกุมารีทั้งหลาย ให้แพทย์ทั้งปวงพึงรู้ลักษณะโดยสังเขปดังนี้
ว่าด้วยกำเนิดทรางไฟ ถ้ากุมารกุมารีผู้ใดคลอดจากครรภ์มารดา วันอาทิตย์ทรางไฟเป็นเจ้าเรือน อันว่าลักษณะทรางไฟนั้น ในเมื่อครรภ์มารดาได้ ๓ เดือน มารดามักให้เป็นพรรดึกแลให้ขัดเบาๆเป็นโลหิต แลมักจุกเสียด เอ็นย่อมชักให้มือสั่นให้ครั่นเนื้อตัว ให้ผอมเหลืองให้เดินไกลมิได้ ให้ขัดหัวเหน่าแลท้องน้อย ให้สลัก ตะคาก เจ็บตะโพกเป็นกำลัง แลให้อยากของหวานเป็นกำลัง ดังนี้ แลลักษณะทรางไฟมีแม่ ๔ ยอด เมื่อคลอดจากครรภ์มารดานั้นเขม่าขึ้นแต่ในเรือนไฟ ครั้นได้ ๗ วันก็หายไปด้วยแม่ทรางไฟนั้นขึ้นฝ่าเท้าข้างขวา ๓ ยอด ขึ้นข้างซ้ายยอด ๑ ถ้าผู้หญิงขึ้นข้างซ้าย ๓ ยอด มีบริวาร ๔๐ ยอด ขึ้นมาลำขา ๒ ยอด ลำแขน ๒๐ ยอดบ้าง เมื่อออกจากเรือนไฟได้ ๓ เดือน แม่ทรางขึ้นอยู่ในใจเท้า ยอด ๑ เมื่อได้ ๔ เดือนนั้นให้เท้าฟก จึ่งให้กินเข้าแลนมมิได้ มักชวนนอนนาน ครั้นได้ ๖ เดือนจึงขึ้นมาอีกยอด ๑ จึงเป็น ๒ ยอดด้วยกัน แลตังอยดขึ้นข้างนอกเนื้อดุจลูกหว้าห่าม แลมาได้ ๖, , , , วัน ๑๐ วันบ้าง แล้วก็ดาด หายไป ครั้นได้ ๘ เดือนขึ้นอีกยอด ๑ ประจบกันเป็น ๓ ยอด ขึ้นอยู่ข้อเท้า ครั้นได้ ๙ เดือน แม่ทรางกำเนิดขึ้นมายอด ๑ จึงเป็น ๔ ยอดด้วยกัน มีบริวาร ๔๐ ยอด แล้วกระจายออกมาขึ้นกลางแข้งกลางขาแลเข่าบ้าง จึงตั้งยอดแดงดังผลมะไฟ ขอบนั้นก็แดงแลด้านลง ลามออกไปดังไฟไหม้ แลหลังนั้นพุพองขึ้นแล้วเกลื่อนเข้าหากัน ครั้นสุกออก พร้อมกันก็ให้ปวดแต่หลังเท้าถึงแข้งลำขาตะโพกแลบั้นเอวก็ดี ถ้าแลแพทย์เห็นดังนี้อย่าให้รักษาเลย ด้วยแม่ทราง ๔ ยอดนั้นขึ้นในนาภีจึงเปื่อยออกดังหัวบุก เปื่อยลงมาเอาหัวเหน่าแลปากทวารหนัก แลกระเพาะมูลหนัก แลลามไปรอบสดือ จึงทำให้ตกมูกตกโลหิตตกหนอง แล้วให้ลงเป็นน้ำส่าเหล้า น้ำล้างเนื้อ น้ำคาวปลา แลน้ำไข่เน่า ด้วยแม่ทรางนั้นข้ามมาตามไส้อ่อนไส้แก่ แล้วก็เข้าจับหัวตับตัวปอด จึงแสดงออกมาตามทวารจึงมีบริวารทำให้เจ็บแสบให้ร้อนดุจไฟอันมีพิษ เมื่อจะตายให้ฝ่ามือแลเท้าแดงดังลูกนก อันว่าลักษณะทรางไฟเกิดพร้อมดังนี้แล้วเมื่อใด ท่านกำหนดไว้แต่ใน ๘ วัน ๙ วัน ๑๐ วันหรือ ๑๑ วัน กุมารผู้นั้นจะตายเป็นอันเที่ยง
อัน ว่ากุมารกุมารีผู้กำเนิดวันอาทิตย์ แลปากกุมารนั้นจึงเขม่ามาขึ้นเพราะเสมหะแลกำเดากล้า จึงให้มีพิษให้ร้อนภายในพิษนั้นก็เกิดเป็นเขม่าภายใน แลเกิดเป็นทรางแลเขม่าภายในเพราะโลหิตแลเสมหะระคนกัน จึ่งให้กินเข้าดื่มน้ำแลนมมิได้เพราะโลหิต แลเสมหะเป็นกำลัง บางทีสเมหะเน่าจึงให้ตกมูกตกเลือด บางทีเป็นพยาธิต่างๆ ถ้าจะแก้ให้เอายาขนานนี้แก้ก่อน
(๑) ยาแก้ทรางไฟขนานนี้ ท่านให้เอาหว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ เนรภูสี ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ ชะเอมทั้งสอง ๑ ใบมะกล่ำเครือ ๑ ต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้ตัวร้อนแก้ตานทรางทั้งปวง ทำแท่งก็ได้ละลายน้ำเหล้ากิน แก้ตกมูกตกเลือดดีนักแล
(๒) ยาแก้ทรางไฟขนานนี้ ท่านให้เอาหญ้าเกล็ดหอย ๑ ใบสันพร้าหอม ๑ ใบพุงดอ ๑ เชือกเขาไฟ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้ตำเป็นผงเอาน้ำประคำดีควายเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่า แซกดีงูเหลือม กินก็ได้ทาก็ได้ วิเศษนัก
(๓) ถ้ามิฟัง ขนานนี้ ท่านให้เอา ลิ้นทเล ๑ ฆ้องสามย่าน ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เข้าสารข้างครก ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้บดชะโลมแก้พิษทรางไฟดีนัก
(๔) ถ้ามิฟังขนานนี้ ท่านให้เอา ใบน้ำเต้า ๑ ใบระงับพิษ ๑ ใบกระทุงหมาบ้า ๑ ใบสวาด ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบเสนียด ๑ ใบมะเฟือง ๑ ลูกปราย ๑ ลูกพิลังกาสา ๑ ลูกจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนแดง ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๑๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่า แซกน้ำประสานทอง กินแก้สารพัดพิษดีนัก
( จบลักษณะทรางไฟแต่เท่านี้ )



สิทธิการิยะ จะกล่าวกำเนิดทรางน้ำต่อ ไป ตามลำดับโดยสังเขป อนึ่ง ถ้ากุมารกุมารีผู้ใด คลอดจากครรภ์มารดาวันจันทร์ กำเนิดทรางน้ำเป็นเจ้าเรือน อันว่าลักษณะทรางน้ำนั้นในเมื่อครรภ์ มารดาตั้งขึ้นได้ ๓ เดือนนั้น มารดามักให้ปวดศีร์ษะแลเจ็บนม แล้วให้อยากของอันหวาน แลให้เมื่อยแขนทั้งสองข้างให้หูหนัก ตาฟางมักเป็นลมให้มึนให้ตึง แลให้รากให้กระหายน้ำเป็นกำลังไปจนกำหนดคลอด อันว่าลักษณะทรางน้ำนั้นโตประมาณเท่าใบพุดทรา มีสีอันแดงดุจลูกผักปลัง ห่ามขึ้นหลังแลราวข้าง ขึ้นแขนแลตามทรวงอกก็ดี ทรางน้ำนี้หาแม่มิได้ ถ้าเห็นขึ้นมาดังกล่าวไว้นี้ ท่านว่ามิตายเลย ให้แพทย์พึงพิจารณาดูจงเลอียดเถิด ถ้าจะแก้ให้เอายาขนานนี้แก้ก่อน
(๑) ยาแก้ทรางน้ำขนานนี้ ท่านให้เอาใบผักคราด ๑ ใบผักเปด ๑ ใบสวาด ๑ ใบสมี ๑ หว้านน้ำ ๑ น้ำประสานทอง ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดทำแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินดีนัก ได้หายมามากแล้ว
(๒) ถ้ามิฟังขนานนี้ท่านให้เอา ใบแมงลัก ๑ ใบหนาด ๑ เทียนดำ ๑ เปลือกโพบาย ๑ ดีปลี ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้ เอาส่วนเท่ากันตำเป็นผง บดทำแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินหาย
(๓) ถ้ามิฟังขนานนี้ท่านให้เอา เปลือกมะเดื่อ ๑ ใบทองพันชั่ง ๑ ลูกจันทนฺ ๑ ลูกพิลังกาสา ๑ ลูกสารพัดพิษ ๑ ลูกประคำดีควาย ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้ เอาส่วนเท่ากันตำเป็นผงบดทำแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินหาย
(๔) ถ้ามิฟังขนานนี้ท่านให้เอา ลูกปราย ๑ ลูกราชดัด ๑ ลูกสารพัดพิษ ๑ ลูกพิลังกาสา ๑ น้ำประสานทอง ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ ลูกจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง โหราเดือยไก่ ๒ สลึง พริกไทย ๑ เฟื้อง เป็นยา ๑๑ สิ่งด้วยกัน ตำเป็นผงบดทำแท่งไว้ละลายน้ำเหล้ากินแก้ทรางน้ำแลทรางทั้งปวงวิเศษนัก
( จบลักษณะทรางน้ำแต่เท่านี้ )



สิทธิการิยะ จะกล่าวลักษณะกำเนิดทรางแดง ต่อ ไปตามลำดับเรื่องโดยสังเขป อนึ่งถ้ากุมารกุมารีผู้ใด คลอดจากครรภ์มารดาวันอังคาร กำเนิดทรางแดงเป็นเจ้าเรือน อันว่าลักษณะทรางแดงนั้น ในเมื่อครรภ์มารดาได้ ๓ เดือนนั้น ให้มารดาเกิดเป็นลม จุกเสียด ให้วิงเวียน ให้หอบพักแลราก ให้เมื่อยมึนเป็นกำลัง ให้มือแลเท้าบวม แลให้นอนมิหลับ ลักษณะทรางแดงมีแม่นั้น ๖ ยอด อยู่ในกระหม่อม ๓ ยอด อยู่กลางสันหลัง ๓ ยอด มีบริวารอยู่ ๗๒ ยอด เมื่ออยู่ในเรือนไฟหาเขม่ามิได้ เหตุแม่ทรางนั้นเลื่อนขึ้นมาเกิดเพดาล ข้างบนนั้น ๑ ยอด ๒ ยอด ๓ ยอด แล ๔ ยอด ๕ ยอด ก็ดีจึ่งไม่มีเขม่าในเรือนไฟ ครั้นออกไฟแล้วจึ่งเขม่าตานทรางนั้นมีมา ครั้นถ้วน ๓ เดือนแม่ทรางจึ่งลงมาจากกระหม่อมยอด ๑ ขึ้นสันหลังยอด ๑ เป็น ๒ ยอดด้วยกัน จึ่งสำแดงออกมาที่คอแลคาง ที่ขาหนีบแลรักแร้ข้างนอกแลทวารหนักก็ดี ยอดนั้นแดงคือทรางแดงสำแดงออกมา ให้ลำบากแก่กุมารกุมารีทั้งปวงนั้น จึ่งทำให้ลงแลรากให้กระหายน้ำ แลเชื่อมมึนมีพิษให้ไอแลคอแห้ง ให้ผอมเหลืองให้ตกมูกแลเลือด กินเข้าแลดื่มน้ำนมมิได้ ถ้าแพทย์เห็นดังนี้แล้วให้พิจารณาดู ให้รู้จักว่าตัวผู้แลตัวเมีย แลลักษณะเป็นแลตาย ร้ายแลดีทั้งปวงให้ประจักษ์แจ้ง ถ้าแพทย์จะรักษาจงให้ยาที่ควรแก่โรคจึ่งจะหาย ถ้าวางยาผิดแลมิต้องด้วยโรคแล้วใน ๙ วันกุมารกุมารีผู้นั้นจะลำบากยิ่งนัก ถ้าแพทย์ผู้ใดเรียนคัมภีร์ แลมิได้เรียนคัมภีร์นั้นก็ดุจกัน ถ้าจะรักษาให้รักษาจงดี ถ้าจะเจรจาก็ให้เจรจาจงดี ให้เมื่อได้ ๓ เดือนนั้นแม่ทรางลงอิกยอด ๑ เมื่อได้ ๖ เดือนลงอิกยอด ๑ แต่ ๙ เดือนไปจนถึง ๑๑ เดือนลงอิกยอด ๑ ทั้งนี้คือทรางที่กระหม่อม ๑ บอกไว้ให้แพทย์พึงรู้ทรางซึ่งลงมานั้นคือทรางยอดเอกลงมาเกิดเป็น ๖ ยอดด้วยกัน ทรางยอดเอกนั้นลงให้มีพิษเจ็บปวดเป็นกำลัง ให้แพทย์รักษาจงดี ถ้าไม่รู้จักรักษาตายเป็นเที่ยง ถ้ารู้รักษามิตาย ถ้าจะวางยา อย่าให้วางยารุ ยาผาย ถ้าจะรักษาสืบไปเมื่อน่านั้นยากนัก ครั้นได้ขวบ ๑ จึ่งทรางยอดเอกหลบเข้าไปขึ้นในสดือเหนือสดือนั้นยอด ๑ ครั้นได้ขวบ ๑ กับ ๓ เดือน แม่ทรางจึ่งหลบเข้าไปตามกัน ขึ้นในสดืออิก ๒ ยอดด้วยกันครั้นได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือน หลบเข้าไปขึ้นในสดืออิกเป็น ๓ ยอด ครั้นได้ขวบ ๑ กับ ๘ เดือน หลบเข้าไปในสดือเป็น ๔ ยอดครั้นได้ขวบ ๑ กับ ๑๑ เดือน หลบเข้าไปในสดือเป็น ๕ ยอด ครั้นได้ ๒ ขวบกับ ๒ เดือน หลบเข้าไปในสดือเป็น ๖ ยอด ในเมื่อเข้าพร้อมกันดังนี้แล้ว จึงบริวารทรางแดง ๗๒ ยอดนั้นก็ขึ้นแกมแม่ ในกระเพาะน้ำ แลลำไส้อ่อนไส้แก่ในหัวเหน่าแลสันหลัง แลคางก็ดีแลขึ้นในราวข้าง ทั้ง ๒ ขึ้นในอกแลในคอแลในลิ้นก็ดี ให้เจ็บทั่วสรรพางค์ ถ้าแลขึ้นหัวเหน่าแลกระเพาะเยี่ยวนั้น ให้ยัดอุจจาระแลปัสสาวะ ขึ้นไส้แก่ให้ลงท้อง ขึ้นไส้อ่อนให้เยี่ยวดังขึ้นราวข้างทั้ง ๒ ให้ตัวร้อน ขึ้นสันหลังข้างในให้นอนมิหลับ ขึ้นกระเพาะเข้าให้ราก ขึ้นกระเพาะน้ำให้กระหายน้ำนัก ขึ้นคอให้ไอคอแห้ง ขึ้นตาให้ตาซม ขึ้นปากให้ปากแดง ขึ้นหูให้หูเน่า อันว่าลักษณะทรางแดงตัวผู้แลตัวเมีย ถ้าบุคคลผู้ใดจะเป็นแพทย์ให้รู้จักดังกล่าวมานี้ คือขึ้นมาในรักแร้ ถ้าผู้ชายหลบเข้าข้างขวา ถ้าผู้หญิงหลบเข้าข้างซ้าย ครั้นสิ้นกำหนดทรางแดงตัวเมียแล้ว จึ่งทรางแดงตัวผู้มาบังเกิด ผุดออกที่รักแร้ทั้ง ๒ ข้างๆละยอดจึงตาย อันว่าลักษณะทรางแดงกำหนดแต่ใน ๓ เดือนจนถึง ๙ เดือน ไปจนขวบ ๑ กับ ๙ เดือนจึงเข้าไป พร้อมกัน แลทำให้ตกมูกตกเลือดแลตกหนอง คือม้ามย้อย ให้ตัวร้อน ให้ผอมเหลือง แลอุจจาระเหลืองเยี่ยวเหลือง ให้จุกเสียด เสมหะฟูมออกมาทั้งซ้ายแลขวา แลสูนย์กลางดี ก็ให้มือแลเท้ากำ ถ้าแพทย์เห็นดังนี้ให้ต้องดูที่สะดือ ถ้าย่อน ลงมาข้างขวาซ้ายแลสูนย์กลางก็ดี ให้แพทย์แก้จงดี ถ้าไม่เห็นดังนี้ คือลมกำเนิดอันชื่อว่า อุทธังคมาวาต ให้ระวังในไฟ ไปจน ๓ เดือนจึ่งจะหายไปเอง ถ้าแพทย์จะให้กินยาแลเสียผีมิหายเลย แล้วจึ่งลงมาจากสดือ แลสีข้างแลยอดอกลงมาตั้งอยู่ในสดือ จึ่งเรียกว่าลมกองใหญ่พัดออกจากสดือ แล่นขึ้นตามเส้นเอ็นเลือดแลเสมหะขึ้นชิดกระดูกสันหลัง มาถึงยอดอกแลลำคอ แล้วจึ่งส้านออกไปทางหู จมูก ทางกระหม่อมแพทย์พึงรู้เถิด ถ้าเป็นเดือนขึ้นตาย ถ้าเป็นเดือนแรมมิตายเลย สมมุติว่าตระบองราหูก็ว่า มารทลุน ก็ว่าอัศวมุขี ก็ว่า ตะพั้นไฟก็ว่า สมมุติชื่อต่างๆดังนี้ หญิงชายเป็นดุจกัน ถ้าจะแก้ให้เอายาขนานนี้แก้ก่อน
(๑) ยาแก้ทรางแดงขนานนี้ ท่านให้เอา บอระเพ็ด ๑ เปลือกมะตูม ๑ หอมแดง ๑ การบูร ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำสุรากินหาย
(๒) ถ้ามิฟังขนานนี้ ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ เทียนขาว ๑ จันทนฺหอม ๑ ใบชุมเห็ด ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำปูนใสเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ ละลายสุรากินแก้ทรางแดงทรางป่วงหาย ถ้าจะชโลมแซกพิมเสนชโลมดีนัก
(๓) ถ้ามิฟังขนานนี้ ท่านให้เอาผักหวานบ้าน ๑ ใบทับทิม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ แก่นมะทราง ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำสุรากินหาย
(๔) ถ้ามิฟังขนานนี้ ท่านให้เอา บอระเพ็ด ๑ ใบกระเพรา ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ผลกระวาน ๑ กานพลู ๑ ฝาง ๑ ฝิ่น ๑ เบ็ญกานี ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ เมื่อจะกินแซกดีงูทั้งกินทั้งชะโลมแก้ทรางแดงแลสารพัดทรางทั้งปวงหายดีนัก
(๕) ถ้ามิฟัง เอายาแดงใหญ่ขนานนี้ ท่านให้อากำมถันแดง ๑ ภิมเสน ๑ กฤษณา ๑ โกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ ดอกจันทนฺ ๑ รากไคร้เครือ ๑ ชเอมเทศ ๑ ชาดก้อน ๑ กำยาน ๑ โลดทะนง ๑ สีเสียดเทศ ๑ สานส้ม ๑ สักขี ๑ สมอเทศ ๑ หว้านร่อนทอง ๑ เนรภูสี ๑ ตุมกาแดง ๑ รวมยา ๒๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ละลายสุราทั้งกินทั้งทา แก้ทรางแดงสารพัดทรางทั้งปวงหาย
( จบลักษณะทรางแดงแต่เท่านี้ )



สิทธิการิยะ จะกล่าวกำเนิดทรางสะกอ ต่อ ไปตามลำดับเรื่องโดยสังเขป ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดคลอดจากครรภ์มารดา วันพุฒกำเนิดทรางสะกอ เป็นเจ้าเรือน อันว่าลักษณะทรางสะกอนั้นในเมื่อครรภ์มารดาตั้งขึ้นได้ ๓ เดือน มารดามักให้จุกเสียดครั้นได้ ๕ เดือนมักให้ราก ครั้นได้ ๗ เดือนมักให้บวมเท้าถึงต้นขาให้ขัดตะโพกทั้งสองกินอาหารมักให้ขม ให้พรึง เป็นเม็ดยอดขึ้นทวารหนักทวารเบา แลให้เมื่อยไปทั้งตัวจนกำหนดคลอด อันว่าลักษณะทรางสะกอนี้มีแม่ยอด ขึ้นประจำในนาภีทั้ง ๔ ยอด เมื่ออยู่ในเรือนไฟ ๓ วันนั้น เขม่าจึงขึ้นมีบริวาร ๔๒ ยอดขึ้นกำกับแม่ทั้ง ๔ ยอดนั้นจึงบริวารข้างละ ๑๐ ยอด ลงมาประจำอยู่ทวารหนัก ๔ ยอด ประจำอยู่ม้าม ๕ ยอด อยู่กระหม่อมยอด ๑ ครั้น ออกจากเรือนไฟแล้วจึงเป็นเขม่าตานเขม่าทราง เมื่อได้ ๓ เดือนจึงบริวารทั้งนั้นกระจายออกทั่วทั้งตัวแลลำไส้ แลทรางซึ่งประจำ ทวารหนัก ๔ ยอดนั้น มักให้เป็นพรรดึกแลให้ขัดอุจจาระให้ขัดปัสสาวะ แลทรางซึ่งประจันม้าม ๕ ยอดนั้น ก็กระจายออกยอดอก แล้วสำแดงออกมาที่คอที่ลิ้นที่ปากขึ้นอยู่ ๓ เดือน ถ้าแพทย์เห็นดังนี้แล้ว ให้พิจารณาดูให้รู้จักว่ากำเนิดทรางสกอวางยาจึงจะชอบโรค ถ้าแลมิรู้จักกำเนิดทรางสกอวางยามิต้องด้วยโรค ถ้าแลวางยาผิดเข้าไปเมื่อใด กุมารผู้นั้นก็จะแตกตายแต่ใน ๒ เดือน เป็นอันเที่ยง อันว่าบริวารซึ่งอยู่ในนาภีนั้นกระจายออกตั้งท้องขึ้น จะประจบหากันในอก แลแม่ทรางซึ่งอยู่ในนาภีนั้นจึงเลื่อนขึ้นมา ๒ ยอด มาขึ้นเหงือกข้างล่างข้างละยอด เมื่อขึ้นมานั้นบริวารก็ตาม ขึ้นมา ๖ ยอด ๗ ยอดบ้าง ขึ้นน่าฟันแลเหงือกข้างบนข้างล่างบ้าง จึงทำให้ลงให้รากให้กระหายน้ำ แลให้เป็นไข้ตัวร้อนให้เชื่อมให้มึนแลให้กระสับกระส่ายทั้งตัว อันว่าทรางที่อยู่ในกระหม่อมยอด ๑ นั้น ก็เลื่อนลงมาขึ้นสันหลังจึงเจ็บสันหลังให้ท้องขึ้น เมื่อได้ ๔ เดือน เป็นที ๑ เมื่อได้ ๘ เดือนที ๑ ครั้นถ้วนกำหนดก็จมเข้าไปข้างใน จึงทำให้ลงท้อง ตกมูกตกโลหติตกหนองแล้วให้ตาเหลืองมูตร์เหลืองกินเข้ากินนมมิได้ ให้ท้องโร ขี้คร้านกิน เมื่อได้ขวบ ๑ เป็นที ๑ เมื่อได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือนเป็นที ๑ เมื่อได้ขวบ ๑ กับ ๘ เดือนเป็นที ๑ เมื่อได้ ๒ ขวบกับ ๑๐ เดือนประจบรวมเข้ากันเป็นที ๑ จึงทำให้จุกเสียดผอมเหลืองให้เจ็บท้องกินเข้ากินน้ำกินนมไม่ได้ ถ้าเป็นดังนี้แล้วเมื่อใด แม่ทรางสกอนั้นขึ้นพร้อมกันในนาภี จึ่งขึ้นตั้งในสะดือนั้นยอด ๑ ขึ้นอยู่เหนือนาภีข้างบนข้างละยอดจึ่งทำให้จุกเสียด อันว่าบริวาร ๔๒ ยอดนั้นจึ่งรายกันขึ้นข้างโครงบ้าง ขึ้นข้างรักแร้บ้าง ขึ้นเส้นข้างในบ้าง ขึ้นสันหลังข้างในบ้าง ขึ้นไหล่รวบทั้ง ๒ บ้าง ขึ้นข้อศอก ทั้ง ๒ บ้างขึ้นเข่าทั้ง ๒ ข้างจึ่งตั้งเป็นโรคต่างๆ ดังนี้เท่ากำหนดอายุ มีกำหนดทรางสกออันเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลาย เป็นดังกล่าวมาให้แพทย์พึงรู้ ถ้าจะแก้ให้เอายาขนานนี้แก้ก่อน ตามลำดับ
(๑) ยาแก้ทรางสกอขนานนี้ ท่านให้เอารากโตนด ๑ รากหมากเมีย ๑ รากชุมเห็ดเทส ๑ ใบมะเฟือง ๑ ข่าอ่อน ๑ กระชาย ๑ พริกล่อน ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายสุรากินหาย
(๒) ถ้ามิฟัง ขนานนี้ ท่านให้เอารากเล็บมือนาง ๑ รากมอลกอ ๑ (บาง ทีจะเป็นรากมะละกอป สมุลแว้ง ๑ รากมะรุม ๑ สะค้าน ๑ หว้านนางคำ ๑ ขิง ๑ ดีปลี ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายสุรากินหาย
(๓) ถ้ามิฟังขนานนี้ ท่านให้เอาจันทนฺทั้ง ๒ รากทนดี ๑ รากผักโหม ๑ รากไคร้เครือ ๑ พริกไทย ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินหาย
(๔) ถ้ามิฟังขนานนี้ ท่านให้เอาเจ็ตพังคี ๑ พระยามือเหล็ก ๑ สมอเทศ ๑ กระลำภัก ๑ ขิงแห้ง ๑ ขอนดอก ๑ โกฐหัวบัว ๑ โกฐพุงปลา ๑ เปลือกไข่เน่า ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอา เสมอภาคทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้ทรางสกอหายอย่าสนเท่ห์เลย ได้ใช้มามากแล้ว
( จบลักษณะทรางสกอแต่เท่านี้ )



สิทธิการิย จะกล่าวกำเนิดทรางวัว ต่อไป ตามลำดับเรื่องโดยสังเขป ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดคลอดจากครรภ์มารดาวันพฤหัศบดีกำเนิดทรางวัวเป็นเจ้า เรือน อันว่าลักษณะทรางวัวนั้นในเมื่อครรภ์มารดาตั้งขึ้นได้ ๓ เดือนมักให้มารดาปากเปื่อยแลให้ลิ้นเป็นยอดขึ้นมาข้างริมลิ้นข้างละ ๕ ข้างละ ๖ ยอด แลให้กินเผ็ดกินร้อนมิได้ ครั้นได้ ๖ เดือนก็ลามออกมากลางลิ้นจึ่งแตกระแหง แล้วให้ปวดแสบเป็นกำลัง แล้วให้เป็นบิดตกมูกตกโลหิต ต่อคลอดแล้วจึ่งหาย อันว่าลักษณะทรางวัวนี้มีแม่ ๔ ยอด มีบริวาร ๔๐ ยอด เมื่ออยู่ในเรือนไฟ เขม่าตานเขม่าทรางขึ้นเต็มปากแล้วหายไปจึ่งให้พรึงขึ้นทั่วทั้งตัวดังยอดผด ทำให้ตัวร้อนแลบิดตัว ครั้นจมลงไปก็ทำให้ลงท้อง ครั้นได้ ๓ เดือนจึ่งแม่ทราง ๔ ยอดนั้นก็มาขึ้นตั้งอยู่ปลายลิ้นยอด ๑ ขึ้นริมสองข้างลิ้นข้างละยอดขึ้นต้นลิ้นนั้น ยอดหนึ่งเป็น ๔ ยอดด้วยกันคือแม่ทรางยอดเอก ครั้นได้ ๖ เดือนก็เลื่อนลงไปในนาภี จึ่งบริวารก็ลงมาขึ้นกระเพาะเข้า ๑๐ ยอด แลบริวาร ๔๐ ยอดนั้นก็ขึ้นในลิ้นในแก้มแม่ทรางยอดเอกนั้น จึ่งทำให้ลง ให้อาเจียรให้กระหายน้ำ ครั้นได้ ๙ เดือน จึ่งทรางยอดเอก อยู่ปลายลิ้นนั้นก็ถอยลงไปขึ้นในนาภีข้างขวา บริวาร ๑๐ ยอดก็ลงไปขึ้นกระเพาะน้ำ จึ่งทำให้ลงให้อาเจียรให้กระหายน้ำ ครั้นได้ ๑๑ เดือน จึ่งแม่ทรางที่ขึ้นอยู่ริมลิ้นทั้ง ๒ ข้างนั้นก็เลื่อนลงมากับบริวาร ๒๐ ยอด ขึ้นไส้แก่ยอด ๑ กับบริวาร ๑๐ ยอด ขึ้นไส้อ่อนยอด ๑ กับบริวาร ๑๐ ยอด แลยังบริวารอิก ๑๐ ยอด นั้นจึ่งลงไปขึ้นในหัวเหน่า ใต้นาภี ครั้นได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือนจึ่งทำให้ตกมูกตกโลหิต เป็นไปต่างๆ ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาให้พิจารณาดูให้รู้แท้ ว่าทรางวัวมาเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลาย แลกำเนิดทรางวัวนั้นแต่ใน ๙ วัน ๑๐ วัน ถ้าจะแก้ให้เอายาขนานนี้แก้ก่อนตามลำดับโรค
(๑) ยาแก้ทรางวัวขนานนี้ ท่านให้เอาผลจิงจ้อ ๑ ผลหมอน้อย ๑ ผลหญ้าใต้ใบ ๑ เนรภูสี ๑ สมอเทศ ๑ นมวัวข้น ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ พริกไทย ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินหายแล
(๒) ถ้ามิฟังขนานนี้ ท่านให้เอาใบส้มส้า ๑ ใบมะกรูด ๑ ใบมะเฟือง ๑ แห้วหมู ๑ ลูกเขยตาย ๑ สมอพิเภก ๑ รากช้าพลู ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรา แซกดีงูเหลือมกินหายดีแล
(๓) ถ้ามิฟังท่านให้เอาผลหลาวหลก ๑ ผลกระวาน ๑ ผลพุมเรียง ๑ พริกไทย ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำสุรากินหาย
(๔) ถ้ามิฟังเอายาขนานใหญ่นี้ให้กิน ท่านให้เอาผลมะกอกเทศ ๑ ผลประคำดีควาย ๑ ผลตานขโมย ๑ ผลมะตูม ๑ เปลือกมะรุม ๑ เบ็ญกานี ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กานพลู ๑ รากหิงหาย ๑ ขอนดอก ๑ ชลูก ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน ถ้าจะชะโลมละลายน้ำดอกไม้ยาสำหรับทรางวัววิเศษนัก
( จบลักษณะทรางวัวแต่เท่านี้ )



สิทธิการิย จะกล่าวกำเนิดทรางช้างต่อ ไป ตามลำดับเรื่องโดยสังเขป ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใดคลอดจากครรภ์มารดา วันศุกร์กำเนิดทรางช้าง เป็นเจ้าเรือน อันว่าลักษณะทรางช้างนั้นใน เมื่อมารดามีครรภ์ได้ ๓ เดือน ให้ทวารเบานั้นพรึงขึ้นดังยอดผดแล้วให้คัน ครั้นเมื่อแตกออกก็เปื่อยลามเป็นน้ำเหลืองรอบทวาร แลให้ปวดหัวเหน่าเป็นกำลัง ให้เจ็บสองตะคาก แลให้ขัดเบา ครั้นได้ ๔ เดือน ๕ เดือน ๖ เดือน ๗ เดือน ให้จุกเสียด ครั้นได้ ๘ เดือน ๙ เดือน ให้บวมเท้าไปจนกำหนดคลอด เมื่อคลอดจากครรภ์มารดาแล้วนั้นเขม่า ขึ้นแต่ในเรือนไฟ เขม่านั้นหนาขึ้นหลายชั้นด้วยทรางนั้นขึ้นแต่ในนาภีถึงทรวงอก ขึ้นมาถึงลำคอแต่ลำคอขึ้นมาถึงลิ้น ตั้งแต่ ๙ วันไปจน ๑๘ วัน ๑๙ วัน ได้แล้วก็ดาด ไปทั้งลิ้นแลปาก ครั้นออกจากเรือนไฟได้ ๓ เดือนจึ่งมีแม่ทรางขึ้นตั้งอยู่ในนาภีนั้น ๓ ยอด ขึ้นในเพดาล ๒ ยอด ๓ ยอดบ้าง ขึ้นในอก ๓ ยอด เมื่อได้ ๖ เดือน จึ่งแม่ทรางอยู่ในเพดาล ๒ ยอด ๓ ยอด นั้นก็เลื่อนลงมาขึ้นคอจึ่งมีบริวาร ๘๐ ยอดรายกันมาขึ้นลำขาทั้ง ๒ ข้าง ขึ้นหัวเหน่าทั้ง ๒ ข้าง ขึ้นลำแขนทั้ง ๒ ข้าง ขึ้นข้างโครงแลกลางสันหลังบ้าง เมื่อขึ้นพร้อมกันดังนี้แล้ว จึ่งแม่ทรางที่เพดาลซึ่งเลื่อนลงมาขึ้นคอนั้นจึง กระทำให้ไอให้คอแห้ง ให้เจ็บคอให้รากลมเปล่า ให้ฟกให้พรึงรอบคอให้เปื่อย ให้เน่าให้คันทั้งตัวให้พุให้พอง ครั้นได้ ๙ เดือน ก็แห้งลงเอง แล้วจึงกลับเข้าไปทำท้องให้ลงให้อาเจียรให้กระหายน้ำให้กินเข้าให้กินนมมิ ได้ จึงบริวารขึ้นแก้มแม่ทรางขึ้นวันละ ๕ ยอด วันละ ๖ ยอด จึงทำให้เลาทั่วสรรพางค์กาย ครั้นได้ขวบ ๑ กับ ๓ เดือน จึงแม่ทรางที่ขึ้นในลำคอนั้น ก็ถอยลงไปขึ้นในทรวงอกประจบกันเข้าเป็น ๕ รอบ จึงทำให้ตัวร้อนแต่ตะวันบ่ายไปจนเที่ยงคืนจึงคลาย ให้กระหายน้ำให้เชื่อมให้มึน ให้กินนมน้อยมักให้อยากน้ำเป็นกำลังครั้นได้ขวบ ๑ กับ ๓,,,,, เดือน ต่อกัน จึงแม่ทรางในอกทั้ง ๕ ยอดนั้นก็ลงไปขึ้นในกระเพาะเข้าจึ่งทำให้เบื่อเข้า ขึ้นในลำไส้ทำให้เป็นพรรดึก ขึ้นหัวเหน่าทำให้ขัดปัสสาวะ เมื่อจะรู้ความเมื่อจะนั่งเมื่อรู้เดินนั้นทำให้ตกมูกโลหิต ด้วยว่าตับ, ปอด, ไส้, พุง, นั้น พองขึ้นแลเมื่อกินอาหารเครื่องมันเครื่องคาวทั้งปวงนั้นจึงแปลกธาตุ ทั้ง ๔ แลทรางจำพวกนี้จึ่งพลอยขึ้นมา แล้วจึ่งกระทำให้เจ็บปวดลำบากต่างๆ ถ้ารู้รักษามิตาย ถ้าไม่รู้รักษาตายแล เมื่อตายนั้น ให้พิจารณาดูที่ท้องที่คอที่อก สำแดงออกมา ลายดุจไข่นกกรอด รอบนาภี ที่ยอดอกนั้นเขียวดุจไข่กา ที่คอนั้นแดงดุจสายเลือด แล้วให้บวมด้วยเป็นดังนี้ ถ้าแพทย์ผู้ใดจะพยาบาลให้รู้จักทรางช้างจำพวกอันเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลาย นั้น ให้พิจารณาให้แม่นแท้ ถ้าจะแก้ให้เอายาขนานนี้แก้ก่อน
(๑) ยาแก้ทรางช้างขนานนี้ ท่านให้เอาใบชุมเห็ดเทศ ๑ ใบสวาด ๑ ใบผักขวง ๑ ใบกะเพรา ๑ ลอองพระกฤษ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอามูตร์ม้าสด เป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินหายดีนัก
(๒) ถ้ามิฟังท่านให้เอาผักคราด ๑ ขอบชะนางแดง ๑ ขอบชะนางขาว ๑ ผักเสี้ยนผี ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ผลประคำดีควาย ๑ พริกไทย ๑ ระย่อม ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายสุรากินหายดีนัก
(๓) ถ้ามิฟังท่านให้เอาหญ้าไทรกำมือ ๑ ยอด เต่าร้างกำมือ ๑ รากชะมดต้น ๑ ใบพิมเสน ๑ จุกโรหินี ๑ สังกรณี ๑ ผลผักชีล้อม ๑ ผลผักชีลา ๑ ผลผักกาด ๑ ผลพิลังกาสา ๑ ผลจันทนฺเทศ ๑ กลำภัก ๑ หว้านร่อนทอง ๑ ขิงแห้ง ๑ รวมยา ๑๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ทรางช้างหาย เป็นยามหาวิเศษนักได้เชื่อแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
( จบลักษณะทรางช้างแต่เท่านี้ )



สิทธิการิย จะกล่าวกำเนิดทรางขโมยต่อ ไป ตามลำดับเรื่องโดยสังเขป ถ้าแลกุมารกุมารีผู้ใด คลอดจากครรภ์มารดาวันเสาร์กำเนิดทรางขโมยเป็นเจ้าเรือน อันว่าลักษณะทรางขโมยนั้นในเมื่อครรภ์มารดาตั้งขึ้นได้ ๓ เดือน มักให้มารดาอยากของอันคาว แลไข่เป็ดไข่ไก่เต่าแลของอันเผ็ดร้อนแลเปรี้ยวหวานผักพล่าปลายำทั้งปวง แลให้สวิงสวาย มักให้เจ็บนม แลปากมารดานั้นให้พรึง ขึ้นแล้วก็ลำลาบ เปื่อยออกไปให้ตกมูกตกโลหิต แลให้เจ็บคอเจ็บเอวเป็นกำลังเท่าถึงกำหนดคลอดจากครรภ์มารดานั้น อันว่าลักษณะทรางขโมยนั้นมีแม่ ๙ ยอด ในเมื่อกุมารกุมารีคลอดจากครรภ์มารดาได้ ๓ วันนั้น แม่ทรางจึงมาขึ้นในสันหลัง ๒ ยอดครั้นได้ ๓ เดือน จึงสำแดงออกมาที่ปากขึ้นที่เหงือกข้างบนข้างล่างที ๑ บางทีสำแดงออกมายอดนั้นเหลือง ขึ้นบนสะดือขึ้นข้างสะดือก็ดียอดดังเม็ดเข้าสารหัก กลางนั้นดำเป็นขอบ แลถัดนั้นเหลืองขอบตีน นั้นแดงออกมาให้ตัวนั้นลายดังปลากะทิง แลทรางจำพวกนี้มีแม่ดังไร ให้เจ็บทั่วสรรพางค์กาย ครั้นได้ ๖ เดือน ก็สำแดงเปื่อยออก มาเป็นขุม ทั่วทั้งตัวให้ลงท้องมิหยุด แม่ทรางที่กระหม่อมนั้นจึงถอยลงไปขึ้นกลางหลัง ประจบกันทั้ง ๕ ยอด พอแม่ทรางลงแล้วที่เปื่อยนั้นก็หายไป ครั้น ๘ เดือน ๙ เดือน แม่ทรางที่ขึ้นกระหม่อมอยู่นั้น ก็เลื่อนลงมาขึ้นกลางหลังอีกยอด ๑ เป็น ๗ ยอดด้วยกัน ครั้นได้ขวบ ๑ แม่ทรางที่กระหม่อมก็ลงมาขึ้นกลางหลังอีกยอด ๑ เป็น ๘ ยอด ครั้นได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือน แม่ทรางที่กระหม่อมลงมาขึ้นกลางหลังอีกยอด ๑ เป็น ๙ ยอดด้วยกัน จึงทำให้ลงให้อาเจียร ครั้นพร้อมกันแล้วจึงทรางนั้นขึ้น ในนาภีพร้อมกันทั้ง ๘ ยอด แล้วจึงทำให้ลงเป็นน้ำส่าเหล้าแลเป็นน้ำคาวปลาน้ำไข่เน่าน้ำล้างเนื้อแล้ว ให้ตกมูกตกโลหิตตกหนองก็ดี เมื่อทรางขึ้นในนาภีนั้นแล้วก็เลื่อนลงไปจับเอาหัวเหน่ายอด ๑ มีบริวารขึ้นด้วย ๑๐ ยอด แม่ทรางลงไปขึ้นกระเพาะน้ำยอด ๑ มีบริวารขึ้นด้วย ๑๐ ยอด แม่ทรางขึ้นไปขึ้นตาทั้ง ๒ ข้างๆละยอด มีบริวารขึ้นด้วย ๙ ยอด จึงมีบริวารขึ้นประจำคอ ๑๐ ยอด แม่ทรางจึงขึ้นคอข้างขวายอด ๑ มีบริวารไปขึ้นด้วยแม่นั้น ๖ ยอด บริวารจึงประจำลำคอข้างซ้ายอยู่แต่ ๔ ยอด เมื่อแม่ทรางกระจายกันออกไปอยู่ดังนั้นแล้ว ไปขึ้นที่สำคัญต่างๆ จึงสำแดงโทษ แลบอกความตายแห่งกุมารกุมารีทั้งหลาย ด้วยแม่ทรางกับบริวารนั้นไปขึ้นสำคัญทุกแห่งจึงทำโทษให้เป็นต่างๆ ในเมื่อกุมารกุมารีเกิดได้ ๙ เดือน ๑๐ เดือน ๑๑ เดือนไปจนขวบ ๑ กับ ๒,,,,, เดือน ก็ดี ด้วยแม่ทรางนั้นมาขึ้นจักษุทั้ง ๒ ข้าง จึงทำให้ตาฟางประมาณ ๑๕ วันก็ดี เดือน ๑ ก็ดี จึงตั้งเป็นเสมหะแล้วจึงไปขึ้นหางจักษุทั้ง ๒ ข้าง ดุจดังเยื่อไม้ ลำดับกันเข้าไปไว้แล้วจึงตั้งลามเข้าไปถึงดวงจักษุจึงทำให้คัน ด้วยแม่ทรางกับบริวารนั้นก็ลามออกไปน้ำเลี้ยงแก้วจักษุนั้นก็แห้ง ถ้าแพทย์จะรักษาให้ยาจงดี ถ้ามิดีจักให้เสียจักษุข้าง ๑ บ้าง ๒ ข้างบ้าง อันว่าบริวารอันอยู่ในริมคอทั้ง ๕ ยอดนั้นทำให้เจ็บคอให้ไอให้อาเจียรน้ำเปล่า ขึ้นกระเพาะเข้าไม่อยากเข้า ขึ้นในกระเพาะน้ำให้อยากน้ำให้อยากของอันคาว อันหวานอันแสลง นัก แลมักกินปลามากกว่าเข้า ขึ้นในตับให้ตกมูกตกโลหิตแลให้อกรวบ ดังไก่ ขึ้นไส้อ่อนให้อุจจาระเขียวดังใบไม้แล้วให้เป็นเกล็ด ดังเกล็ดงูเห่าทั่วทั้งตัว ขึ้นในไส้แก่ให้ลงเป็นน้ำส่าเหล้า ขึ้นในนาภีแลสันหลังข้างนอกแลข้างในนั้นทำให้ลงท้องแลให้เจ็บท้องให้แสบให้ ร้อนหนัก ขึ้นในหัวเหน่ามักให้เป็นบิดปวดมวนให้ส้วง ออกมาแลให้คร้านน้ำให้ผอมเหลือง แลเมื่อใกล้จะตายนั้น ทรางขึ้นอยู่ในจักษุทั้ง ๒ แลหลังทั้ง ๒ ข้างนั้นก็เลื่อนลงมาจับเอาลำคอทั้ง ๒ ข้าง โตเท่าผลพุดทราอ่อน จึ่งบริวารซึ่งขึ้นอยู่ในจักษุนั้น ก็มาขึ้นให้ดาด ไปทั้งลิ้นแลลิ้นไก่แลให้ขอบปากดังยวง สำลี อันว่าลักษณะทรางขะโมยนี้กำหนดแต่ใน ๔,,, วัน ถ้าแก้มิฟัง ตายเป็นเที่ยง ถ้าสุกเหลืองดังขมิ้นแล้วราบลงต้นลิ้นแล้วเมื่อใด อย่าให้แพทย์วางยาไปเลย ถ้าจะใคร่รู้ว่าขึ้นในลำคอดังกล่าวมาฤาหามิได้ ให้ฝนยาทานิ้วมือล้วงคอดู ถ้าแลขึ้นดังนี้แล้วตายดุจกันเป็นเที่ยง ถ้าจะแก้เอายาขนานนี้แก้ก่อนตามลำดับเถิด
ยาแก้ทรางขะโมย ขนานนี้ท่านให้เอา อัฆนีชวา ๑ ผลราชดัด ๑ ผล ประคำดีควาย ๑ ผลจันทนฺ ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ฝิ่น ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้เอาทองคำ ปิดหัวปิดท้าย ละลายน้ำสุรากินแก้พิษภายใน ถ้าสลบไปวันหนึ่งยังค่ำก็ดี ถ้าได้กินยานี้ฟื้นขึ้นมาแลแก้พิษทรางขะโมยทรางแดงทรางทั้งปวง
ยาชื่อเหลืองหรดาน ขนานนี้ท่านให้เอา หรดานทอง ๑ บาท รงทองปิ้งให้สุก ๑ เฟื้อง ผลจันทนฺ ๑ เฟื้อง ขมิ้นอ้อย ๑ เฟื้อง พิมเสน ๑ เฟื้อง ๒ ไพ รวมยา ๕ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้ทรางเหลืองทรางทั้งปวงหาย
ยาชื่อขาวกะบัง ขนานนี้ท่านให้เอา กะบัง ๑ บาท เบี้ยผู้ เผา ๑ สลึง จันทนฺขาว ๑ สลึง พิมเสน ๒ ไพ ผลจัน ๑ เฟื้อง ดอกจันทนฺ ๑ เฟื้อง รวมยา ๖ สิ่งนี้บดด้วยสุราทำแท่งไว้แก้ ทรางขาวแลทรางทั้งปวงหาย
ยาชื่อเขียวขี้ทอง ขนานนี้ท่านให้เอาเขียวขี้ทอง ๑ บาท ผลจันทนฺ ๑ เฟื้อง ดอกจันทนฺ ๑ เฟื้อง กระวาน ๑ เฟื้อง กานพลู ๑ เฟื้อง การบูร ๑ เฟื้อง โหราเดือยไก่ ๑ เฟื้อง รวมยา ๗ สิ่งนี้บดด้วยสุราแก้ทรางเขียว แลทรางทั้งปวงหาย
ยาชื่อดำหมึก ขนานนี้ท่านให้เอา หมึกหอม ๑ บาท ผลจันทนฺ ๑ เฟื้อง เทียนทั้ง ๕ สิ่งละ ๑ เฟื้อง โหราเดือยไก่ ๑ เฟื้อง รวมยา ๘ สิ่งนี้บดทำแท่งไว้ละลายสุรา แก้ทรางดำแลทราง ทั้งปวงหาย
ยาชื่อยาแดง ขนานนี้ท่านให้เอา กำมะถันแดง ๒ สลึง พิมเสน ๑ เฟื้อง กฤษณา ๑ เฟื้อง โกฐทั้ง ๕ สิ่งละ ๑ เฟื้อง เทียนทั้ง ๕ สิ่งละ ๑ เฟื้อง ดอกจันทนฺ ๑ เฟื้อง รากไคร้เครือ ๑ สลึง ชะเอมเทศ ๑ เฟื้อง ชาดก้อน ๑ เฟื้อง กำยาน ๑ เฟื้อง โลดทนง ๑ เฟื้อง สีเสียดเทศ ๑ เฟื้อง สานส้ม ๑ เฟื้อง กรักขี ๑ เฟื้อง สมอเทศ ๑ เฟื้อง หว้านร่อนทอง ๑ เฟื้อง เนรภูสี ๑ เฟื้อง ระงับใหญ่ ๑ เฟื้อง การบูร ๒ ไพ รวมยา ๒๗ สิ่งนี้ทำให้เป็นจุณบดด้วยสุรา แก้ทรางยอดแดง แลทรางทั้งปวงหาย
ยา ๕ ขนานนี้คือ ยาเหลือง ยาขาว ยาเขียว ยาดำ ยาแดงนั้น ให้แพทย์พิจารณาให้แม่นแท้แน่กระหนัก แล้วเมื่อใดโรคอันมาเกิดนั้น ควรกับยาที่จะแก้นั้นแล้วจึ่งให้แก้ ด้วยยา ๕ ขนานนี้ต่างๆกัน ดุจกล่าวมาแต่หลังนั้น ถ้าจะแก้ละอองเพลิงท่านให้เอายาดำ ยาแดง ๒ ขนานนี้แก้ แต่ละลายด้วยน้ำกฤษณา ทั้งกินทั้งกวาดดีนัก
( จบลักษณะทรางขะโมยแต่เท่านี้ )



สิทธิการิย จะกล่าวอาการไข้อันบังเกิดแห่งกุมารกุมารีทั้งหลายให้แพทย์พึงรู้โดยสังเขป
อนึ่ง ถ้าแลเห็นเอ็นนิ้วชี้แห่งกุมารนั้น แดงขึ้นมาดุจน้ำชาด ก็ดี ดุจแสงไฟก็ดี นั้นเป็นไข้เพื่อทรางแดง แลไฟธาตุกำเริบประกอบยาเพื่อทรางแดง จึงจะชอบโรค ชอบไฟธาตุ จึงจะชูกำลัง
อนึ่ง ไข้เพื่อเสมหะนั้นกินเข้ากินนมย่อมให้ราก อนึ่งถ้าไข้เพื่อลมนั้นมักนอนเงียบอยู่ แลให้ตานั้นแข็ง แลคางแข็งแลให้ตานั้นมัวลง แลให้พิจารณาดูแต่ตานั้นเถิด
อนึ่งถ้าเป็นเพื่อไฟธาตุ แลเสมหะระคนกัน ให้จักษุนั้นใสอยู่มิได้มัว
ถ้าไข้ในเดือนอ้าย เดือนยี่ เดือนสาม ห้ามอย่าให้มารดากินฟักเขียว
ถ้าไข้เดือนสี่ เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด เดือนแปด ห้ามอย่าให้มารดากินน้ำอ้อยน้ำตาล แลอย่าให้อาบน้ำฝน แลกินผลไม้อันหวาน
ถ้าไข้ใน เดือนเก้า เดือนสิบ เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง ห้ามอย่างให้มารดากินเนื้อดิบแลปลาดิบ ผักพล่าปลายำทั้งปวง


บัดนี้จะกล่าวสรรพยาสำหรับโรคทั้งปวงนั้นต่อไปโดยสังเขป
ยาชื่อเบ็ญจตาล ขนานนี้ท่านให้เอา ตาลทั้ง ๕ จันทนฺทั้งสอง ๑ ชะเอมทั้ง ๒ เทียนทั้ง ๕ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ ผลจันทนฺ ๑ เบ็ญกานี ๑ มะกล่ำเครือ ๑ รวมยา ๑๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณ แล้วจึ่งเอาผลประคำดีควายต้ม เอาน้ำเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ ถ้าตกมูกตกโลหิตละลายสุรากิน ถ้ากระหายน้ำหรืออาเจียรละลายน้ำร้อนกิน ถ้ามิฟังเอาชะเอมผลจันทนฺรำหัดกิน ถ้ามิฟังละลายน้ำใบสวาดกิน ถ้าตัวร้อนนักเป็นไข้เพื่อกำเดาแลลม ละลายน้ำดอกไม้พิมเสนรำหัดกิน ถ้าเย็นกระหม่อมนักเป็นไข้เพื่อเสมหะแลลมระคนกัน ละลายน้ำชุมเห็ดเทศกิน ถ้าอาเจียรแลตัวร้อนผิวเนื้อเหลืองเป็นเพื่อเสมหะแลดีระคนกัน ละลายน้ำจันทนฺกินดีนัก ถ้าเป็นประการต่างๆให้แพทย์แก้ด้วยยาเบ็ญจตาลนี้ก่อน ยักกระสาย เอาตามคัมภีร์สรรพคุณ ซึ่งจะควรกับโรคนั้นเถิด
ยาแก้ลมกุมารแลให้หน้าเขียว มักดูสูง ดูหลังคาเป็นต้น ขนานนี้ท่านให้เอาหิงคุ์ยางโพ ๑ เทียนดำ ๒ เทียนขวา ๓ กระเทียม ๔ กะพังโหม ๘ รวมยา ๕ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำสุรากินแก้ปวด เสมหะเน่าในท้อง แลเจ็บท้องๆขึ้น แลให้อาเจียรเพราะธาตุมิปรกตินั้นหายดีนัก
ถ้า กุมารกุมารีผุ้ใดไข้แต่เช้า ถึงเที่ยงนั้น โทษเสมหะโทษกำเดาะคนกัน ทรางแลเขม่าจึงพลอยในภายในด้วย จึงให้กินอาหารมิได้เพราะเสมหะเป็นกำลัง บางทีเสมหะเน่าจึงให้ตกมูกตกโลหิต
ถ้า จะแก้ ให้เอายาขนานนี้แก้ ท่านให้เอาหว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ เนรภูสี ๑ สังกรณี ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ ชะเอมทั้ง ๒ มะกล่ำเครือ ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้กินแก้ตัวร้อนละลายน้ำดอกไม้กิน ถ้าจะแก้ตานแก้ทรางละลายสุรากิน ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำจันทนฺกินดีนัก
ยาผายพิษสรรพพิษทั้งปวง ขนานนี้ท่านให้เอารากไคร้เครือต้น ๑ รากไคร้เครือ ๑ พิศนาด ๑ ปลาไหลเผือก ๑ รากนมแมว ๑ กรักขี ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ สังข์ ๑ มุก ๑ กำมถันแดง ๑ ดีปลี ๑ เนรภูสี ๑ เบ็ญกานี ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ เมล็ดในสะเดา ๑ รวมยา ๑๖ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ สลึง มะขามป้อม ๒ สลึง หัวมหากาฬ ๒ สลึง จันทนฺขาว ๒ สลึง กระดูกแร้ง ๒ สลึง เปล้าน้อย ๒ สลึง ระย่อม ๒ สลึง กฤษณา ๒ สลึง กะลำภัก ๒ สลึง กรามแรด ๒ สลึง กรามช้าง ๒ สลึง เขี้ยวเสือ ๒ สลึง เขี้ยวจรเข้ ๒ สลึง บัลลังกฺศิลา ๒ สลึง ผลจันทนฺ ๒ สลึง กระดองเต่าเหลือง ๒ สลึง ผลสารพัดพิษ ๒ สลึง ยาดำ ๑๒ บาท ๒ สลึง รวมยา ๓๒ สิ่งนี้กระทำให้เป็นจุณ บดทำแท่งไว้เท่าผลทองหลาง ตากให้แห้งใส่ขวดไว้อย่ให้ลมเข้า ได้แก้พิษฝีดาดฝียอดเดียวแลพิษทรางอันร้ายทั้งปวง ซึ่งทำใหสลบไปแต่เช้าถึงเที่ยงละลายด้วยน้ำดอกไม้เทศให้กินเข้าไป พอยาตกถึงท้องฟื้นขึ้นมา ถ้าจะแก้ลง ละลายน้ำมะเดื่อ ถ้าปวดมวนท้องนักแซก ฝิ่นกิน ถ้าราก พิมเสนรำหัดดีนัก
ยาแก้ทรางแดงขนาน นี้ ท่านให้เอา เบ็ญกานี ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ เขากวาง ๑ ชะเอมเทศ ๑ สมอพิเภก ๑ รากไคร้เครือ ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง กระทำให้เป็นจุณบดทำแท่งไว้ ละลายสุราทั้งกินทั้งกวาด เมื่อจะกวาดรำหัดพิมเสนกวาดแก้ทรางแดง แลทรางทั้งปวง
ยาจุดยอดทรางขนาน นี้ ท่านให้เอาใบกะเพรา ๑ ใบสวาด ๑ ใบชุมเห็ด ๑ กะเทียม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ น้ำประสานทอง ๑ จุณสีแต่น้อยบดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ ถ้าจะจุด ในปากละลายสุราจุด ถ้าเป็นที่คอละลายน้ำปูนขาวจุดจำเภาะยอดที่ขึ้นนั้น
กำเนิดทรางอันหนึ่งหายอดมิได้ มีลำลาบแดงไปชื่อว่าทรางแดง ถ้าจะแก้เอารากคนทีสอฝนทาเอารากจิก ๑ กรามช้าง ๑ ฝนให้กินหาย
ทรางหนึ่งขึ้นขาวให้ราบ ไปหายอดมิได้ ชื่อว่าทรางเข้าเปลือก ถ้าจะแก้เอารากก้างปลาฝนลงทั้งกินทั้งทา ถ้าลงนักเอารากแมงคุดฝนกินหาย
ทรางหนึ่งขึ้นมาดังขุมเปือกหนา แลขาวเหลืองหน่อย ชื่อว่าทรางตะกั่ว ถ้าจะแก้เอารากหมอน้อยฝนทา เอารากมะตูมฝนกินหาย
ทรางหนึ่งขึ้นดังยอดสิว ทรางนี้ร้ายชื่อว่าทรางขโมย ถ้าจะแก้เอารากตานดำ ๑ รากตานหม่อน ๑ ฝนทั้งกินทั้งทาหาย
ทรางหนึ่งขึ้นแล้วให้ลงไป ชื่อว่าทรางขุม ถ้าจะแก้เอารากกากะทิงฝนทั้งกินทั้งทาหาย
ทรางหนึ่งขึ้นแล้วฝ่อลง เป็นหยุๆ ชื่อว่าทรางตาน ถ้าจะแก้เอารากฝ้ายแดง ๑ รากผักหวาน ๑ ฝนทั้งกินทั้งทาหาย
ถ้า แลทรางออกทั่วสรรพางค์กาย แลขึ้นกินที่อ่อนทุกแห่งนั้นชื่อว่าทรางขโมยทรางขุมก็ว่า ถ้าจะแก้ท่านให้เอาน้ำตาลทรายจอก ๑ น้ำตานหม่อนจอก ๑ น้ำตานดำจอก ๑ น้ำตานโตนดจอก ๑ น้ำตานขโมย ๓ จอก น้ำจิงจ้อจอก ๑ น้ำขี้ควายจอก ๑ น้ำมันงาจอก ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เขี้ยวให้งวดหุงให้คงแต่น้ำมันทาทรางทั้งปวงดีนัก
ยาน้ำมันตานซ่านออกเปื่อย ไปทั้งตัวท่านให้เอามะพร้าว ๑ ผลเอาแต่กะทิ ๑ น้ำมันงาถ้วย ๑ หุงให้คงแต่น้ำมันแล้วจึงใส่เทียนดำ ๑ เฟื้อง เทียนขาว ๑ เฟื้อง เทียนสัตบุษย์ ๑ เฟื้อง ฝิ่น ๑ เฟื้อง สีเสียด ๑ เฟื้อง ชันตุเคียน ๑ เฟื้อง รวมยา ๘ สิ่งนี้ ทำเป็นจุณ ปรุงลงในน้ำมันทาสรรพตาน สรรพทราง ที่ขุมเปื่อย ออกมานั้นหายดีนัก
ยาแก้ตานแก้ทราง ท่านให้เอาใบพรมมิ ๑ ชะเอม ๑ มะกล่ำเครือ ๑ เกลือ ๑ ขันทศกร ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละภาค บดทำแท่งไว้กินไว้ทาก็ได้แก้พิษตานพิษทรางทั้งปวงดีนัก
ยาแก้ไส้เดือน ท่านให้เอาเทียนเยาวภานี ๑ สลึง ชะเอม ๑ สลึง ใบพลู ๑ สลึง กรุงเขมา ๑ สลึง ผลมะแว้งต้น ๑ สลึง ผลผลาญสัตรู ๕ สลึง ผลสะแก ๓ สลึง น้ำประสานทอง ๓ สลึง รากจิก ๓ สลึง ขิงแครง ๓ สลึง สมอทั้ง ๓ สิ่งละ ๒ สลึง รวมยา ๑๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน ตามกำลังแก้ตานแก้ทรางท้องขึ้น แลแก้พยาธิในท้องเกิดเป็นไส้เดือน ก็ดี ได้กินยานี้ ตกสิ้น เป็นมหาวิเศษนัก
ยาต้มแก้ป้าง ท่านให้เอาตานขโมย ๑ ตานเสี้ยน ๑ รากปีบ ๑ รากมะกล่ำเครือ ๑ รากเล็บมือนาง ๑ รากสวาด ๑ รากกระเพรา ๑ เปลือกสำโรง ๑ เปลือกส้มเสี้ยว ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้ตานแก้ทรางในอกแก้ป้างดีนัก
ภาค หนึ่งท่านให้เอา รากมะกล่ำเครือ ๑ รากมะเขือขื่น ๑ เปลือกส้มเสี้ยว ๑ รากสำโรง ๑ รากเล็บมือนาง ๑ รากปีบ ๑ ผลพิลังกาสา ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้ป้างดีนัก
ยาแก้รากแก้สอึก ท่านให้เอาเข้าตอก ๑ ขันทศกร ๑ เปรียงพระโค ๑ เกลือเทศ ๑ ยานี้เอาเสมอภาคบดละลายน้ำผลยอต้มกินหาย
ยาแก้ขัดเบาๆ มิสดวก ท่านให้เอาหว้านเปราะ ๑ พลูแก ๑ ใบน้ำเต้า ๑ ถ่านไฟป่าช้า ๑ อย่าให้เอาเสมอภาค (น่าจะเป็นว่าให้เอาเสมอภาค) บดพอก หัวเหน่าดีนัก
ภาคหนึ่งแก้เบามิออก ท่านให้เอาหว้านเปราะ ๑ ใบพลูแก ๑ พริก ๑ ขิง ๑ เอาเสมอภาคบดทาท้องน้อย แลหัวเหน่าหายดีนัก
ยาทาท้องแก้ท้องขึ้นแก้สอึก ท่านให้เอาพริกไทย ๑ ขิง ๑ กระเทียม ๑ หอม ๑ เกลือ ๑ หิงค์ ๑ หัวพลู ๑ เอาเสมอภาคบดทาท้องน้อยแก้ท้องขึ้นแก้สอึกหายดีนัก
ถ้าแก้เด็กลงมิหยุด ท่านให้เอาสนเทศ ๑ ผลประคำดีควาย ๑ แก่นประดู่ ๑ รากส้มป่อย ๑ รากชุมเห็ด ๑ เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ กินหาย
ยาต้มแก้ตานขโมย ท่านให้เอารากตาลโตนด ๕ ตำลึง รากตานหม่อน ๕ ตำลึง เปลือกสนุ่น ๕ ตำลึง ขมิ้นอ้อย ๕ ตำลึง ตะไคร้ ๕ ตำลึง ต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้ทรางแก้ไฟธาตุ แก้ลมแลชูกำลังรำหัดพิมเสนกิน แลบำรุงธาตุให้เสมอกัน เป็นปรกติดีนัก
ยาแก้ทรางแดงทรางขุมทรางยวงก็ ดี ท่านให้เอาใบมะกล่ำเครือ ๑ น้ำประสานทอง ๑ ชะเอมเทศ ๑ น้ำมัน (ต้นฉบับไม่ปรากฎว่าน้ำมันอะไร) จอก ๑ หุงทาลิ้นแก้ทรางในลำคอทั้งปวงหาย ท่านตีค่าไว้ ๑๐ บาททอง
ยาชื่อเทพยานิมิตร์ ขนาน นี้ท่านให้เอารากไคร้เครือ ๑ พิศนาด ๑ รากเจตพังคี ๑ รากสังกระนี ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ เนรภูสี ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ ชะเอม ๑ ผลประคำดีควาย ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำให้เป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแก้พิษฝีดาดแลตานทรางทั้งปวงหายดีนัก
ยาประสระชื่อพรหมนิมิตร ขนานนี้ท่านให้เอาหิงคุ์ยางโพ ๑ ตำลึง พริกไทย ๑ ตำลึง ดองดึง ๑ ตำลึง รวมยา ๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้เท่าเมล็ดนุ่น ละลายสุรากินแก้พิษทรางขโมยแลทรางทั้งปวงหาย
ยาชื่ออินทจร ขนานนี้ท่านให้เอา จันทนฺแดง ๑ เบ็ญกานี ๑ เนรภูสี ๑ เขากวาง ๑ กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ รากกระเพรา ๑ ตะไคร้ ๑ น้ำประสานทอง ๑ เปราะสด ๑ ผักเสี้ยนผี ๑ ชะเอมเทศ ๑ หวายตะค้า ๑ ยาเข้าเย็น ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๑๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำหมาก สงเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำจันทนฺ กิน แก้ลงตานทรางดีนักได้เชื่อมาแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
ยาชื่อมหาคงคา ขนานนี้ท่านให้เอา ใบหญ้างวงช้าง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ใบน้ำเต้า ๑ ใบกะทุงหมาบ้า ๑ ใบเถาวัลย์เปรียง ๑ ใบผักหวาน ๑ ใบระงับ ๑ ใบประคำดีควาย ๑ ดินประสิวขาว ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ น้ำซาวเข้าก็ได้ ชะโลมแก้พิษตานพิษทรางแลสรรพพิษทั้งปวงซึ่งทำให้ทุรนทุรายหายดีนัก
ยาชื่อมหาคงคา ขนานนี้ท่านให้เอา ผลมูกมัน ๑ สลึง เปลือกยางแดง ๑ สลึง เปลือกยางขาว ๑ สลึง ผักกะเฉด ๑ สลึง กรุงเขมา ๑ สลึง รวมยา ๘ สิ่งนี้ ทำให้เป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแก้พิษทรางตกมูกตกเลือดแลแก้ตรีโทษ แก้บิดปวดมวน แก้ลงแดง ดุจดังน้ำล้างเนื้อหาย ถ้ามิฟังเอาดีงูรำหัดกินหยุดดีนัก
ยาเหลืองแก้สลบ ขนานนี้ท่านให้เอา จันทนฺทั้งสอง เบ็ญกานี ๑ เนรภูสี ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ สังกรณี ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ กำมะถันแดง ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง ทำให้เป็นจุณแล้วจึงเอาดีงูเหลือม ๑ พิมเสน ๑ แช่เอาน้ำเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำขันทศกรกิน ถ้าจะแก้สลบด้วยพิษตานพิษทรางพิษฝีดาษก็ดีละลายสุรากิน ถ้างูขบ แซกดีจรเข้ลงกินหายดีนัก
ยาทาท้อง ขนานนี้ท่านให้เอา หัศคุณทั้งสอง ๑ รง ๑ หิงคุ์ ๑ เจ็ตมูลเพลิง ๑ หว้านน้ำ ๑ ใบหนาด ๑ พริกไทย ๑ ขิง ๑ กระเทียม ๑ ไพล ๑ แก่นแสมทเล ๑ ใบพลูแก ๑ รากเจ็ตพังคี ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำไพล ทาท้องลงดีนัก
ยาผายเด็ก ขนาน นี้ท่านให้เอา ตรีกฏุก ๑ เฟื้อง กระเทียม ๑ เฟื้อง ผลจันทนฺ ๑ เฟื้อง ดอกจันทนฺ ๑ เฟื้อง เบ็ญกานี ๑ เฟื้อง กานพลู ๑ เฟื้อง น้ำประสานทอง ๑ เฟื้อง สานส้ม ๑ เฟื้อง เกลือสินเธาว์ ๑ เฟื้อง กรามช้าง ๑ เฟื้อง เทียนดำ ๑ เฟื้อง หว้านร่อนทอง ๑ เฟื้อง โกฐกระดูก ๑ เฟื้อง โกฐก้านพร้าว ๑ เฟื้อง ดีงูเหลือม ๒ สลึง ผลสลอด ๑ บาท รวมยา ๑๘ สิ่งนี้ทำให้เป็นจุณ บดทำเม็ดไว้เท่าเมล็ดนุ่น ถ้าเด็ก ๓ เดือนกิน ๓ เม็ด ถ้ารู้นั่ง กิน ๕ เม็ด ถ้ารู้คลาน กิน ๗ เม็ด ถ้ารู้เดินกิน ๙ เม็ด ถ้าจะแก้ตกมูกตกโลหิตละลายสุรากิน ถ้าจะแก้ทรางทั้งปวงละลายน้ำใบกระเพรากินดีนัก
ยาผายเด็ก ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ สลึง ใบตานหม่อม ๑ สลึง ใบสวาด ๑ สลึง ผลจันทนฺ ๒ ไพ ดอกจันทนฺ ๒ ไพ ดีปลี ๒ ไพ กานพลู ๒ ไพ กระวาน ๒ ไพ ยาดำ ๖ สลึง ผลสลอด ๗ เม็ดต้มให้สุก รวมยา ๑๐ สิ่งนี้ทำเป็นจุณเอาสุราเป็นกระสาย บดทำเม็ดไว้เท่าเมล็ดพริกไทยละลายน้ำนมแพะกิน ถ้าเด็กเดือน ๑ กินเม็ด ๑ ถ้า ๒ เดือน กิน ๒ เม็ด ถ้า ๓ เดือน กิน ๓ เม็ด กินทวีขึ้นไปตามอายุเด็กเถิดดีนัก
ยาผายเด็ก ขนานนี้ท่านให้เอา ใบผักคราด ๑ ใบผักเค็ด ๑ ใบชุมเห็ดเทศ ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบหญ้าใต้ใบ ๑ ใบสมอเทศ ๑ น้ำประสานทอง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ใบสลอด ๒ ส่วนยา ทั้งหลาย แล้วทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้เท่าเมล็ดนุ่น ละลายสุรากิน ถ้าเด็กได้ ๔ เดือน ๕ เดือน กินเม็ด ๑ ก่อนแล้วจึงทวีขึ้นไปตามอายุ
ยาแก้ตานแก้ทราง ขนานนี้ท่านให้เอา ใบน้ำเต้า ๑ ขอบชะนางทั้งสอง ใบตานหม่อน ๑ ใบชุมเห็ดเทศ ๑ ใบระงับ ๑ ใบมูลกาแดง ๑ กะทือ ๑ ไพล ๑ หอมแดง ๑ กระเทียม ๑ พริกไทย ๑ ขิง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้กินแก้ตานแก้ทราง ตกมูกตกโลหิต ถ้าแลเหม็นเน่าแซกยาดำกินลงดีนัก
ยาแก้ตานแก้ทราง ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ บาท ใบชุมเห็ดเทศ ๑ บาท ใบสวาด ๑ บาท ใบตานหม่อน ๑ บาท ขอบชะนางทั้ง ๒ สิ่งละ ๑ บาท ใบผักคราด ๑ บาท ขมิ้นอ้อย ๑ บาท กระทือ ๑ เฟื้อง ไพล ๑ เฟื้อง พริกไทย ๑ เฟื้อง ขิง ๑ เฟื้อง กระเทียม ๑ เฟื้อง รวมยา ๑๓ สิ่งนี้ทำให้เป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ตานแก้ทรางขะโมย ถ้าลงละลายน้ำใบตานหม่อนกิน ถ้าจะให้ผาย ละลายน้ำใบกระเพรา กิน ถ้าท้องขึ้น ละลายน้ำใบสวาดกิน ถ้าทรางขึ้นลิ้น แซกน้ำประสานทองกวาดหาย
ยาแก้ตานแก้ทราง ขนานนี้ท่านให้เอา ผลจันทนฺ ๑ เบ็ญกานี ๑ ฝิ่น ๑ ไคร้เครือ ๑ ผลประคำดีควาย ๑ สีเสียดเทศ ๑ เอาเสมอภาคสุราเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ตานแก้ทรางทั้งปวง แลตานขะโมยแลแปร ฝีร้ายให้เป็นดี
ภาค หนึ่งเอาหญ้าเกล็ดหอย ๑ ผลชิงช้าชาลี ๑ ดีงูเหลือม ๑ เอาเสมอภาคสุราเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ตานแก้ทราง ทาฝีก็ได้ดีนัก
ภาค หนี่ง เอาผลมะแว้งต้น ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบชุมเห็ดเทศ ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ พริกไทย ๑ ขิง ๑ ดีปลี ๑ ไพล ๑ เอาเสมอภาคบดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ตานแก้ทรางขึ้นปาก กินเข้ากินน้ำกินนมไม่ได้หายดีนัก
ภาค หนึ่ง เอาสมอเทศ ๑ มะขามป้อม ๑ ผลโหระพา ๑ เทียนเยาวภานี ๑ โกฐสอ ๑ เอาเสมอภาคทำแท่งไว้ ถ้าลงนัก ละลายสุรากิน ถ้าเป็นบิดละลายน้ำราชพฤกษ์กิน ถ้าทรางขึ้นลิ้นละลายสุรากินหายดีนักได้เชื่อ แล้ว
ภาค หนึ่ง เอาผลจันทนฺ ๑ หิงคุ์ ๑ พริกไทย ๑ ขิง ๑ กระเทียม ๑ ใบคนทีสอ ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ เอาเสมอภาคบดเป็นแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ไข้ตานไข้ทรางหายดีนัก
ยา ทาลิ้น ท่านให้เอา ใบหนาด ๑ เขี้ยวแรด ๑ เขี้ยวเสือ ๑ น้ำเต้าขม ๑ ประคำดีควาย ๑ สมุลแว้ง ๑ เอาเสมอภาคบดทำแท่งไว้ทาลิ้น แก้ทรางแดงทรางเหลืองหายดีนัก
ยาทาลิ้น ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ บาท ใบหนาด ๑ บาท ใบคนทีสอ ๑ บาท เขี้ยวเสือ ๑ เฟื้อง เขี้ยวแรด ๑ เฟื้อง เขาเนื้อ ๑ เฟื้อง กานพลู ๑ เฟื้อง ผลจันทนฺ ๑ เฟื้อง ไคร้เครือ ๑ บาท กฤษณา ๑ เฟื้อง กระดูกงูเหลือม ๑ เฟื้อง ชะเอมเทศสองไพ ยาทั้งนี้ทำเป็นจุณเอาน้ำมะนาวเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ทาลิ้น แก้คอ ดีนัก
ยาทาลิ้น ท่านให้เอาเปลือกสะเดา ๒ สลึง เปลือกสนุ่น ๒ สลึง พริกไทยล่อน ๓ เม็ด กระเทียม ๗ กลีบ หว้านหางช้าง ๑ สลึง ใบกระเพรา ๑ สลึง น้ำประสานทอง ๒ สลึง บดทาลิ้นทรางหล่น ทันใจดีนัก
ยาทาลิ้น ท่านให้เอาเปลือกสะเดา ๑ เปลือกสนุ่น ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบตานหม่อน ๑ งาช้าง ๑ กระเทียม ๑ สังข์ ๑ น้ำประสานทอง ๑ เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำฝักส้มป่อยเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำครำ แก้ทราง เหลือง, แดง, ไฟ, หายดีนัก
ยาแก้เสมหะแก้ใจ ท่าน ให้เอาจันทนฺหอม ๑ กฤษณา ๑ โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐพุงปลา ๑ เกสรสารภี ๑ เอาเสมอภาคทำผง เอาเล็บมือนาง (ต้นไม้) ต้มเป็นกระสายบดทำเม็ดไว้เท่าเมล็ดพริกไทย ถ้าเด็กตั้งแต่ขวบ ๑ ถึง ๔ ขวบก็ดีให้กิน ๗ เม็ด ถ้าเด็ก ๑๐ เดือนลงมาถึง ๓ เดือนให้กินแต่ ๕ เม็ด ละลายน้ำแตงกวาก็ได้ น้ำขันทศกรก็ได้ น้ำผึ้งรวงก็ได้ น้ำดอกมะลิ ก็ได้ ถ้าเด็กเดือน ๑ รำหัดพิมเสนกล่ำ ๑ ถ้าเด็กขวบ ๑ รำหัดพิมเสน ๒ กล่ำ ดีนักอย่าสนเห่ห์เลยได้เชื่อแล้ว
ยาชื่อแสงอาทิตย์ขนาน นี้ ท่านให้เอา ชาดก้อน ๑ ชาดหรคุณ ๑ กำมะถันแดง ๑ มูลแมงสาบ ๑ น้ำประสานทอง ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคบดทำแท่งไว้ละลายสุราทาลิ้น ถ้ามิฟัง ละลายน้ำมะนาวหายดีนัก
ยาสำหรับตานทรางทั้งปวง ท่านให้เอารากชะเอมเทศ ๑ รากเล็บมือนาง ๑ รากส้มป่อย ๑ รากพิลังกาสา ๑ รากระงับพิษ ๑ รากโคกกระออม ๑ พิศนาด ๑ รากไคร้เครือ๑ สมุลแว้ง ๑ กะชาย ๑ ชะลูด ๑ อบเชย ๑ รากมะแว้งเครือ ๑ กระถินแดง ๑ ผลจันทนฺ ๑ กานพลู ๑ จันทนฺเทศ ๑ สน ๑ กรักขี ๑ แก่นอินทนิล ๑ รวมยา ๒๐ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคกระทำให้เป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินสำหรับตานทรางดีนัก
ยาต้มแก้ตานทรางแลตานขะโมย ผอมเหลืองแลผอมแห้งขนานนี้ท่านให้เอา ตาลทั้ง ๕ สมอทั้ง ๓ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ แห้วหมู ๑ เปลือกสำโรง ๑ ผักเสี้ยนผี ๑ หอมแดง ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๔ บาท มะกรูด ๓ ผล มาผ่า ๗ ซีก ผลขี้กาขาว ๓ ใบ ผลขี้กาแดง ๓ ใบ สานส้ม ๒ สลึง ยาดำ ๑ บาท ฝักราชพฤกษ์เป็นกระสาย ต้ม ๓ เอา ๑ กิน ถ้าจะให้ลงแซกดีเกลือกินตามธาตุหนักเบาดีนักได้เชื่อแล้ว
ยาแก้ตานทรางทั้งปวงขนานนี้ ท่านให้เอาโกฐสอ ๑ สลึง โกฐพุงปลา ๑ สลึง โกฐเชียง ๑ บาท โกฐหัวบัว ๑ บาท โกฐก้านพร้าว ๑ บาท รากไคร้เครือ ๑ สลึง ผลผักชี ๑ สลึง ผลโหระภา ๑ สลึง เบ็ญกานี ๑ สลึง สมอไทย ๑ สลึง สมอพิเภก ๑ สลึง มะขามป้อม ๑ สลึง น้ำประสานทอง ๑ สลึง สานส้ม ๑ สลึง ชะเอม ๒ สลึง รวมยา ๑๕ สิ่งนี้ ทำให้เป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสายบดทำแท่งไว้ ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำเปลือกมะเดื่อ น้ำเปลือกแคก็ได้ ถ้าจะแก้บิดละลายน้ำกระทือกิน ถ้าจะแกรากละลายน้ำสมอน้ำผึ้งก็ได้พิมเสนรำหัดกิน ถ้าจะแก้สอึก ละลายน้ำร้อนเอาพิมเสนเกลือรำหัดกิน ถ้าจะให้ผายละลายน้ำใบกะพังโหมกิน เอาเกลือรำหัดทาทั้งขึ้นทั้งล่อง ละลายน้ำใบกระเพรากิน ถ้าจะแก้ตานขะโมยให้ไส้พอง ละลายน้ำใบชุมเห็ดขมิ้นอ้อยกิน ถ้าจะแก้ตานทรางขึ้นลิ้นละลายน้ำขมิ้นอ้อยทาลิ้น ถ้าผู้ใหญ่เป็นลมละลายน้ำส้มส้าแซกเกลือกินหายดีนัก
ยาชื่อรัศวงมหาทิคุณ ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เทียนขาว ๑ เทียนตาตั๊กแตน ๑ หระดาน ๑ ไคร้เครือ ๑ กานพลู ๑ ตรีผลา ๑ โกฐสอ ๑ สมุนละแว้ง ๑ ตรีกฏุก ๑ น้ำประสานทอง ๑ ชะเอมเทศ ๓ ส่วน รวมยา ๑๗ สิ่งนี้ทำให้เป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำขันทศกรแซก เกลือดีงูรำหัดกินเวลาละ ๑ เฟื้อง แก้ผอมเหลืองแลกินเข้ามิได้ดีนัก
ยาแก้มูกเลือแลแก้ทรางขึ้นในอก ท่านให้เอาใบกะพังโหม ๑ ไคร้เครือ ๑ กะถินแดง ๑ บดด้วยสุรากินหาย
ภาคหนึ่งแก้มูกเลือด ท่านให้เอา จันทนฺหอม ๑ บาท กฤษณา ๑ บาท ชะเอมเทศ ๑ บาท โกฐสอ ๕ สลึง โกฐก้านพร้าว ๑ สลึง โกฐหัวบัว ๑ สลึง งาช้าง ๑ สลึง ผลจันทนฺ ๒ สลึง ดีปลี ๑ สลึง ดอกจันทนฺ ๒ สลึง พิมเสน ๓ กล่ำ ยาทั้งนี้ทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุราดีงูรำหัดกินดีนัก
ยาแก้มูกเลือด เอากระเทียม ๑ สลึง เทียนดำสลึงเฟื้อง ใบกระเพรา ๑ บาท ขมิ้นอ้อย ๑ บาท บดละลายสุรากิน
ยาแก้มูกเลือด ขนานนี้ท่านให้เอา ตานขโมย ๑ จันทนฺแดง ๑ จันทนฺขาว ๑ เบ็ญกานี ๑ เนรภูสี ๑ น้ำประสานทอง ๑ กานพลู ๑ ดีงูเหลือม ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบสวาด ๑ ใบแมงลัก ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ตานทรางตกมูกตกเลือด แลถ่ายอุจาระเป็นฟองหายดีนัก
ยาต้มแก้ตกมูกตกเลือดแลดากคาทวารอยู่ ก็ดี ท่านให้เอายาเข้าเย็น ๓ บาท รากเล็บมือนาง ๓ บาท กระดูกงูเหลือม ๓ บาท ต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้ตานทรางแลตานขโมยพุงโร แก้น้ำเหลืองแลตกมูกตกเลือดดีนัก
ยาแก้ปวดท้อง แลให้อุจจาระเสียเรื้อรังมา แลปัสสาวะหยดย้อย ท่านให้เอา ใบคนทีสอ ๔ บาท ใบกระเพรา ๑ บาท ใบตานหม่อน ๑ บาท ขมิ้นอ้อย ๑ สลึง ใบสะเดา ๑ เฟื้อง กระเทียม ๒ สลึง กระชาย ๒ สลึง พริกไทย ๒ สลึง หอมแดง ๒ สลึง ผลจันทนฺ ๑ เฟื้อง ดีปลี ๑ เฟื้อง ยาทั้งนี้ทำเป็นจุณ บดด้วยหยัดสุรา กินตามกำลัง ดีนัก
ยาประจำท้อง ท่านให้เอา ใบตานหม่อน ๒ สลึง ใบกระเพรา ๒ สลึง ใบสวาด ๖ สลึง ใบผักคราด ๑ สลึง ยาดำ ๒ สลึง กานพลู ๒ สลึง ดีปลี ๑ เฟื้อง เอาเสมอภาคละลายเหล้ากินดีนัก
ยาประจำท้อง เอาใบสวาด ๑ บาท ใบกระเพรา ๒ สลึง ใบตานหม่อนสลึงเฟื้อง ใบผักคราด ๒ สลึง ผลจันทนฺ ๑ เฟื้อง ดอกจันทนฺ ๑ เฟื้อง กานพลู ๑ เฟื้อง ดีปลี ๑ เฟื้อง ใบกะเม็ง ๒ สลึง ยาดำ ๓ สลึง บดด้วยสุรากินเช้าเย็น
ยาแก้นอนมิหลับ ท่านให้เอา จันทนฺหอม ๒ สลึง โกฐทั้ง ๕ สิ่งละ ๑ เฟื้อง เกสรสารภี ๑ สลึง รากบัวหลวง ๑ เฟื้อง ผิวไม้สีสุก ๑ เฟื้อง การะบูร ๒ กล่ำ เบี้ยผู้ ๑ เฟื้อง ลิ้นทเล ๑ สลึง ทำเป็นจุณเอาน้ำมะพร้าวนาฬิเกเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้กินให้ชื่นใจ ให้นอนหลับแลแก้ระหายน้ำดีนัก
ยาแก้หละ ท่านให้เอา มูลแมลงสาบ ๑ พิมเสน ๑ จันทนฺขาว ๑ มะกล่ำตาช้าง ๑ เทียนขาว ๑ กฤษณา ๑ เอาเสมอภาคบดทำแท่งเท่าเมล็ดพริกไทยทาหละหายดีนัก
ยาผายพิษตานทรางทั้งปวง ท่านให้เอา เนรภูสี ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ ผลราชดัด ๑ เอาเสมอภาค ยาดำเท่ายาทั้งหลายบดด้วยน้ำเปลือกมะรุม ทำแท่งไว้เท่าเมล็ดพริกไทย กิน ๗ เม็ด นอนหลับดีนัก
ยา ล้อมตับดับพิษ ท่านให้เอา เนระภูสีขาว ๑ เนระภูสีแดง ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ หว้านเปราะ ๑ หว้านนางคำ ๑ หญ้าเกล็ดหอย ๑ หางจรเข้ ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ กฤษณา ๑ ผลประคำดีควาย ๑ รากไคร้เครือ ๑ กำมะถันแดง ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๑๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคกระทำให้เป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินดีนัก
ยาล้อมตับดับพิษ ขนานนี้ท่านให้เอา หว้านกีบแรด ๑ สลึง หว้านร่อนทอง ๑ สลึง สังกระณี ๑ สลึง โกฐสอ ๑ สลึง โกฐเขมา ๑ บาท จันทนฺแดง ๑ สลึง จันทนฺขาว ๑ สลึง งาช้าง ๑ สลึง หวายตะค้า ๑ สลึง เนรภูสี ๑ สลึง เถาหญ้านาง ๑ สลึง ดีงูเหลือม ๑ สลึง รวมยา ๑๒ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน ล้อมตับดับพิษแลแก้ตานขโมยซึ่งให้ตกมูกตกเลือดนั้นหาย
ยาล้อมตับดับพิษ ขนานนี้ท่านให้เอา สมอไทย ๑ สลึง งาช้าง ๑ สลึง กรามแรด ๑ สลึง กรามช้าง ๑ สลึง เขี้ยวหมี ๑ สลึง เขี้ยวเสือ ๑ สลึง เขี้ยวจรเข้ ๑ สลึง เขากุย ๑ สลึง เขาฟาน ๑ สลึง จันทนฺทั้งสอง ๑ สลึง รากไคร้เครือ ๑ สลึง เปลือกเงาะ ๑ สลึง เปลือกขี้อ้าย ๑ สลึง หางกราย ๑ สลึง หว้านกีบแรด ๑ สลึง หมากสง ๑ สลึง สานส้ม ๒ สลึง ผลตะบูน ๒ สลึง ใบมะผู้ ๗ สลึง ใบมะเมีย ๑ บาท ใบฝ้ายแดง ๒ สลึง ใบเทียน ๓ บาท ใบทับทิม ๓ บาท ใบมะเฟือง ๒ สลึง ขมิ้นอ้อย ๑ สลึง กฤษณา ๑ สลึง ชะลูด ๑ เฟื้อง อบเชย ๑ สลึง กำยาน ๑ สลึง เบ็ญกานี ๑ สลึง กานพลู ๑ สลึง เนรภูสี ๑ สลึง หว้านเปราะ ๑ สลึง สีเสียดเทศ ๑ สลึง ผลจันทนฺ ๑ สลึง พริกหอม ๑ สลึง ชันตะเคียน ๑ สลึง ครั่ง ๑ สลึง รวมยา ๓๙ สิ่งนี้กระทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรา กินแก้ตานทรางแก้ฝีดาษฝีดวง เป็นยาล้อมตับดับพิษวิเศษนัก
ยาแก้ตานขโมย ขนาน นี้ท่านให้เอา ใบสวาด ๖ สลึง ใบตานหม่อน ๓ สลึง ใบคนทีสอ ๑ บาท ใบกระเพรา ๑ บาท กระเทียม ๑ สลึง หอมแดง ๒ สลึง ขมิ้นอ้อย ๒ สลึง ยาดำ ๑ บาท พริกหอม ๑ สลึง ดีปลี ๑ สลึง ผลช้าพลู ๑ สลึง บรเพ็ชสลึงเฟื้อง รากเจ็ตพังคี ๑ สลึง กระชาย ๑ บาท กานพลู ๑ สลึง ผลจันทนฺ ๑ สลึง ผลปราย ๑ สลึง เลือดแรด ๑ บาท รวมยา ๑๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้ตานทรางแลตานขโมยผอมเหลืองยังแต่ร่าง แลอุจาระให้เป็นเหมือนโขนงเนื้อ ให้ลงแดง เพราะตานขโมยนั้นกินหัวตับ ถ้าได้กินยานี้หาย
ยาแก้ตานขโมย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบสวาด ๑ บาท ใบกะเม็ง ๒ สลึง ใบฝ้ายแดง ๒ สลึง ใบน้ำเต้า ๒ สลึง ใบตานหม่อน ๑ บาท ใบขี้กาแดง ๒ สลึง ขอบชะนาง ๒ สลึง ใบกระเพรา ๒ สลึง ยาดำ ๑ บาท รวมยา ๙ สิ่งนี้ทำเป็นจุณสุรา เป็นกระสายบดทำแท่งไว้ละลายสุรากินดีนัก
ยากวาดแก้ดูดนมมิได้ เอาไคร้เครือ ๑ เชือกเถามวก ๑ กฤษณา ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวแรด ๑ เขากวาง ๑ ชะเอมเทศ ๑ ดีงูเหลือม ๑ บดละลายสุรากวาดดีนักได้เชื่อมาแล้ว
ยาแก้ดูดนมมิได้ ขนานนี้ท่านให้เอา ใบนมพิจิตร์ ๑ บาท ใบกระเพรา ๑ บาท กระเทียม ๒ สลึง ชะมด ๑ เฟื้อง พิมเสน ๑ เฟื้อง ลิ้นทเล ๒ สลึง น้ำประสานทอง ๒ สลึง บดละลายน้ำมันเนยทาลิ้น ถ้าจะกินละลายสุรากินแก้ทรางทั้งปวงหาย
ยาทาท้องท่าน ให้เอา ขี้เท่า ลูกวัว ๒ สลึง เจตพังคี ๑ สลึง ผลมูกมันสลึงเฟื้อง แก่นมะทราง ๑ สลึง มูลหนูหริ่ง สลึงเฟื้อง เปลือกไข่เน่า ๑ ไพล ๑ สลึง บดด้วยสุรา ทาใต้สะดืออุจจาระเดินดีนัก
ยาทาท้องแก้ลง ขนาน นี้ท่านให้เอา ใบฝ้ายแดง ๑ ใบสมี ๑ กระทือ ๑ ใบกระทุ่มขี้หมู ๑ ใบตะกู ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ฝิ่น ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดด้วยน้ำท่า ทาท้องน้อยดีนัก
ยาทาท้อง ท่านให้เอา รากทนดี ๑ ข่าแก่ ๑ หิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑ รง ๑ ฝนทาแก้อุจจาระ ปัสสาวะไม่ออกดีนัก
ยาทาท้องแก้ท้องขึ้น เอาหว้านน้ำ ๑ รากเจตภังคี ๑ ไพล ๑ ผลสะบ้าไทย ๑ มูลแมลงสาบ ๑ บดทาท้องหายดีนัก
ยาต้มประสระน้ำนม ท่านให้เอา ตรีกะฏุก ๑ ตรีผลา ๑ เจตมูลเพลิง ๑ รากช้าพลู ๑ สะค้าน ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ รากพนมสวรรค์ ๑ รากกรรณิกา ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ต้ม ๓ เอา ๑ กินดีนัก
ยาต้มประสระน้ำนม ขนานนี้ท่านให้เอา ตานหม่อน ๑ สลึง ตานขะโมย ๑ สลึง เจตมูล ๑ สลึง ขิงแห้ง ๑ สลึง ดีปลี ๑ สลึง รากช้าพลู ๑ สลึง สะค้าน ๑ สลึง ไคร้น้ำ ๑ สลึง ไคร้บก ๑ สลึง ไม้ประดู่ ๑ สลึง ไม้สัก ๑ สลึง ชุมเห็ด ๑ สลึง เถาหญ้านาง ๑ สลึง รากส้มป่อย ๑ สลึง รากกระพังโหม ๑ สลึง รากพุมเรียงป่า ๑ สลึง รากชงโค ๑ สลึง ผลประคำดีควาย ๒ สลึง รวมยา ๑๘ สิ่งนี้ต้ม ๓ เอา ๑ กินเป็นยาประสระน้ำนม ร้ายให้เป็นดี แลแก้ตานทรางตานขะโมยกินในกระดูกทำให้ผอมเหลือง แลแก้สอึกแก้หิวเหียน แก้เสมหะดีนัก
ยากวาดแก้ทรางแดง เอาเนระภูสี ๑ หอมแดง ๑ รากเข็มแดง ๑ พิมเสนบดทำแท่งไว้กวาดทรางแดงดีนัก
ยากวาดทรางแดงเขม่า เอาชาดก้อนประสระแล้ว ๑ แมลงมุมตายซาก ๑ มูลแมลงสาบ ๑ กะตังมูตร์ ๑ พิมเสน ๑ บดทำแท่งไว้ทาปากหายดีนัก
ยากวาดแก้ทรางไฟ ขนานนี้ท่านให้เอา หญ้าใต้ใบ ๑ จันทนฺแดง ๑ กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ ยาทั้งนี้ฝนด้วยสุราก็ได้น้ำผึ้งก็ได้ ทาลิ้นแก้ทรางแดงทรางไฟ แลให้ปากกุมารนั้นแดงให้ตัวร้อนให้ฝ่ามือฝ่าเท้าแดงนั้นหายดีนัก
ยาแก้ทราง ๑๒ จำพวก ขนานนี้ท่านให้เอา ฝ้ายแดง ๒ สลึง ใบกระเพรา ๒ สลึง ใบผักคราด ๒ สลึง ใบเทียน ๒ สลึง ใบสวาด ๒ สลึง ใบทับทิม ๒ สลึง ขมิ้นอ้อย ๒ สลึง ไพล ๒ สลึง ข่า ๒ สลึง ขิง ๒ สลึง ดีปลี ๒ สลึง หญ้าใต้ใบ ๒ สลึง ยาทั้งนี้บดทำแท่งไว้ ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำจันทนฺกิน ถ้าจะให้ผายไปหน ๑ ก็ดี ๒, , , หนก็ดี ละลายน้ำมะนาวกิน ถ้าจะประจำท้อง ละลายสุรากิน ถ้าจะทาปากละลายน้ำเกลือ เปลือกหมากสงก็ได้หายดีนัก ได้เชื่อแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
ยาแก้พิษในปากในคอกำเริบ เอาน้ำประสานทอง ๒ สลึง ดินประสิวขาว ๒ สลึง หินฟันม้า ๒ สลึง ชาดหรคุณ ๒ สลึง กะบัง ๒ สลึง สานส้ม ๒ สลึง พิมเสน ๑ เฟื้องทำเป็นจุณไว้ต้มน้ำเกลือไว้กวาดเสียก่อนแล้วจึงเอายาทาแก้ดูดนมมิได้ แลแก้พิษกำเริบทั้งปวงดีนัก
ยาชื่อสะปาทิคุณ ขนานนี้ท่านให้เอาผักคราด ๑ ใบกระเพรา ๑ น้ำประสานทอง ๑ ดินประสิวขาว ๑ สานส้มสะตุ ๑ ลิ้นทเล ๑ หญ้ายองไฟ ๑ พริกไทย ๑๑ เม็ด รวมยา ๘ สิ่งนี้ บดทำแท่งไว้แก้ทรางแดง, ทรางไฟ, ทรางขะโมย, ถ้าจะทาลิ้นละลายน้ำมะนาวกินแก้ดูดนมมิได้ดีนัก
ยาชื่อประสระดำ ขนานนี้ท่านให้เอา ผลประคำดีควาย ๑ บาท ขมิ้นอ้อย ๑ บาท ผลราชดัด ๑ บาท ไคร้เครือ ๑ บาท ดีงูเหลือม ๒ สลึง ยา ๕ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้เท่าเมล็ดฝ้าย ถ้าจะแก้บิดละลายน้ำมะนาวกิน ถ้าจะแก้มูกเลือดละลายน้ำใบสะแก กิน ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำข่า กิน ถ้าแก้พิษทั้งปวงละลายสุรากินดีนัก ได้เชื่อแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
ยาชื่อจักรนารายนฺ ขนานนี้ท่านให้เอาใบฝ้ายแดง ๑ ใบกะเพรา ๑ ใบสวาด ๑ ตรีกฏุก ๑ น้ำประสานทอง ๑ ยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดด้วยสุรา ถ้าเด็กเดือนหนึ่งก็เม็ด ๑ ถ้าเด็ก ๔ เดือน กิน ๒ เม็ด ให้กินตามกำลัง ถ้าขึ้นลิ้นละลายน้ำมะนาวทาดีนัก
ยาชื่อหอมจักรนารายนฺ ขนาน นี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐก้านพร้าว ๑ โกฐจุลาลัมภา ๑ โกฐน้ำเต้า ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เทียนขาว ๑ เทียนเข้าเปลือก ๑ เทียนตาตั๊กแตน ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนตากบ ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ จันทนฺทั้งสอง กฤษณา ๑ กะลำพัก ๑ ชลูด ๑ ขอนดอก ๑ ชะเอมทั้งสอง ๑ อบเชย ๑ รากไคร้เครือ ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ ผลช้าพลู ๑ ผลเอ็น ๑ ผลสมอเทศ ๑ ผลสมอไทย ๑ ผลมะขามป้อม ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ ดอกบุนนาค ๑ รวมยา ๓๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคกระทำให้เป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เทศเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ ถ้าจะกินให้ผายละลายน้ำฝักราชพฤกษ์ ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำเปลือกมะเดื่อ ถ้าจะแก้ท้องขึ้นละลายน้ำใบกะเพรากิน ถ้าจะแก้ตานขโมยไส้พอง ละลายน้ำใบตานหม่อนชุมเห็ดขมิ้นอ้อยก็ได้ ถ้าทรางขึ้นลิ้นละลายน้ำขมิ้นอ้อยพิมเสนรำหัดกวาด ถ้าจะแก้ทรางขึ้นในอกละลายน้ำใบมะกล่ำเครือกินแทรกดีงูเหลือม ถ้าจะแก้พิษทรางละลายน้ำดอกไม้เทศกินดีนักอย่าสนเท่ห์เลย
ยาชื่อหอมน้อย ขนาน นี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ เทียนเยาวภานี ๑ ชะเอมเทศ ๑ น้ำประสานทอง ๑ สานส้ม ๑ ผลโหระภา ๑ ผลผักชี ๑ ผลสมอไทย ๑ ผลสมอพิเภก ๑ ผลมะขามป้อม ๑ รวมยา ๑๒ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำให้เป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสายบดแช่หมักไว้สามวัน แล้วจึงเอาบดทำแท่งไว้ ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำเปลือกมะเดื่อ, เปลือกแค, ก็ ได้ ถ้าจะแก้มูกเลือดละลายน้ำปูนใสน้ำกระทือก็ได้ ถ้าจะแก้อาเจียรละลายน้ำผึ้งน้ำสมอก็ได้พิมเสนรำหัดกิน ถ้าทรางขึ้นลิ้นละลายน้ำขมิ้นอ้อยพิมเสนรำหัดกวาด ถ้าจะแก้คอแห้งละลายน้ำมะกล่ำเครือกิน ถ้าจะแก้พิษทรางละลายน้ำดอกไม้พิมเสนรำหัดกินดีนัก
ยาชื่อหอมใหญ่ ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ จันทนฺแดง ๑ จันทนฺขาว ๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ ชะเอมทั้ง ๒ เนรภูสี ๑ ผลเอ็น ๑ หว้านเปราะ ๑ สน ๑ กำยาน ๑ ใบพิมเสน ๑ ดอกคำ ๑ ดอกลำเจียก ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกสาระภี ๑ ดอกมะลิซ้อน ๑ ดอกมะลิลา ๑ ดอกกรรณิกา ๑ ดอกกะดังงา ๑ ดอกจำปา ๑ เกสรบัวหลวง ๑ เกสรสัตบงกช ๑ เกสรสัตบุษ ๑ เกสรบัวเผื่อน ๑ เกสรบัวขม ๑ การะบูร ๑ ชะมดสด ๑ ชะมดเชียง ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๔๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ทราง ถ้าจะแก้ไข้ละลายน้ำซาวเข้า เถาหญ้านาง น้ำดอกไม้เทศ จันทนฺก็ได้ ถ้าจะแก้คลั่งให้ทุรนทุรายละลายน้ำดอกไม้เทศ น้ำดอกมะลิก็ได้ เอาน้ำตาลกรวดน้ำตาลทรายรำหัดกิน ยาขนานนี้เป็นยาสูง ถ้าไข้แต่พอดีพอร้าย อย่าให้กินให้แต่ทาชะโลม ถ้ามิฟังจึงให้กินดีนักได้เชื่อแล้ว
ยาชื่อมหาจักรน้อย ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๒ สลึง โกฐพุงปลา ๒ สลึง เทียนทั้ง ๕ สิ่งละ ๒ สลึง ผลจันทนฺ ๒ สลึง ดอกกระวาน ๒ สลึง กานพลู ๒ สลึง สมอทั้ง ๓ สิ่งละ ๒ สลึง มะขามป้อม ๒ สลึง ผลผักชีล้อม ๒ สลึง ผลโหระภา ๒ สลึง ชะเอมเทศ ๒ สลึง ยาดำ ๒ สลึง พริกไทย ๒ สลึง ขิง ๒ สลึง ดีปลี ๒ สลึง กระเทียม ๒ สลึง น้ำประสานทอง ๒ สลึง สานส้ม ๒ สลึง ดินประสิวขาว ๒ สลึง รวมยา ๒๖ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ถ้าจะให้ผายละลายน้ำใบกระเพราก็ได้น้ำใบกะพังโหมก็ได้ ถ้าจะแก้ลง ละลายน้ำเปลือกมะเดื่อก็ได้ ถ้าจะแก้ท้องขึ้นละลายน้ำกระทือกิน ถ้าจะแก้อาเจียรละลายน้ำสมอต้มกิน ถ้าจะแก้ทรางขึ้นปากละลายน้ำขมิ้นอ้อยกวาดทรางหล่น ดีนัก
ยาชื่อทองแนบเนื้อ ขนานนี้ท่านให้เอาน้ำประสานทองกล่ำ ๑ ชาดหรคุณ ๓ กล่ำ หอยสังข์เผา ๓ กล่ำ จันทนฺแดง ๑ เฟื้อง กะลำภัก ๑ เฟื้อง ชะมดเชียง ๒ ไพ พิมเสน ๒ ไพ รวมยา ๗ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ เมื่อจะผึ่งแดดเอาใบตาลรองตากไว้ให้แห้ง เมื่อจะกินละลายน้ำดอกมะลิสด น้ำดอกไม้เทศก็ได้ แซกทองเงินก็ได้แก้กุมารดูดนมมิได้กินเข้ามิได้ดีนัก ท่านตีค่าไว้เป็นราคาตำลึงทอง
ยาทรางเปื่อยเน่า ท่าน ให้เอา พริกไทยสลึงเฟื้อง ขิงแห้ง ๒ สลึง กระเทียม ๑ บาท ดีปลี ๑ สลึง ขมิ้นอ้อย ๒ สลึง ไพล ๒ สลึง อุตพิต ๑ เฟื้อง บุก ๑ เฟื้อง บดละลายเหล้าทั้งกิน ทั้งทาหายดีนัก
ยาแก้ไอ เอาเปลือกผลมะตูม ๑ ดีปลี ๑ รากหนาด ๑ ฝนกับน้ำผึ้งกินหาย
ยาทาเท้าแก้บวม เอากระดูกงูเหลือม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เข้าหนียวกัญญา ๑ บดด้วยน้ำดอกไม้ทา ถ้ามิฟัง เอาน้ำใบเสนียด ถ้ามิฟังเอาน้ำใบหนาด
ยาชื่อน้ำดับไฟ ขนานนี้ท่านให้เอา ใบมะม่วงกะล่อน ๑ ใบมะลิ ๑ ใบสมี ๑ ใบตำลึงตัวผู้ ๑ ผักขวง ๑ ใบสะเดา ๑ ใบน้ำเต้า ๑ ใบโคกกะออม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำมะลิสดชะโลมดับพิษดีนัก
ยาทากระหม่อมแก้นอนไม่หลับ ขนานนี้ท่านให้เอาหรดานทอง ๑ สลึง ดอกลำโพงกาสลัก ๒ สลึง กันชาเทศ ๓ สลึง มูลโค ๒ สลึง ใบพิมเสน ๑ สลึง บดด้วยน้ำดอกไม้ทากระหม่อมแก้นอนมิหลับหายดีนัก
ยาแก้ทรางแดงทรางไฟ ขนานนี้ท่านให้เอา เขากวาง ๑ นอแรด ๑ เขี้ยวแรด ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวหมี ๑ กรามช้าง ๑ หนังกระเบนเผา ๑ หวายตะค้า ๑ ใบกะเพรา ๑ ใบสวาด ๑ ชะเอมเทศ ๑ แฝกหอม ๑ เนรภูสี ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ ดีปลี ๑ ฝิ่น ๑ รวมยา ๑๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาดีงูเหลือมเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ ถ้าจะให้เจียด เอาเสมอหนักทอง แก้ทรางทั้ง ๗ จำพวกและแก้ไข้ต่างๆดีนัก
ยาชื่อมหาระงับพิษ ขนานนี้ท่านให้เอา พริกไทย ๑ บาท ขิง ๑ บาท ดีปลี ๑ บาท ถ่านไม้สัก ๖ สลึง เมล็ดในมะนาว ๑ เฟื้อง ใบพลูแก ๒ สลึงเฟื้อง กระเทียม ๒ สลึงเฟื้อง ฝิ่น ๑ เฟื้อง รวมยา ๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวกินแก้พิษทั้งปวง ถ้าปวดศีร์ษะละลายน้ำท่าทั้งกินทั้งทาดีนัก
ยาชื่อสุรามฤตย์ ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกะเพรา ๑ กะตังมูตร์ ๑ น้ำประสานทอง ๑ มูลแมลงสาบ ๑ ลิ้นทะเล ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่าน้ำสุราก็ได้ แก้พิษทรางอันร้ายทั้งปวงดีนัก
ยาชื่อมหานิล ขนานนี้ท่านให้เอา กระดูกงูทับทาง ๑ สลึง พักแพวแดง ๑ สลึง สหัศคุณเทศ ๑ สลึง ข่าตาแดง ๑ สลึง พริกล่อน ๑ สลึง ขิงแห้งสลึงเฟื้อง ดีปลี ๑ สลึง กระวาน ๑ สลึง ผลตุมกาแดง ๑ สลึง ขมิ้นอ้อย ๑ สลึง ลิ้นทเล ๑ สลึง น้ำประสานทอง ๑ เฟื้อง ดินประสิวขาว ๑ เฟื้อง สานส้ม ๑ เฟื้อง รากดินขั้ว ๑ บาท ดีจรเข้ ๒ ไพ ดีงูเหลือม ๒ ไพ ดีงูเห่า ๒ ไพ รวมยา ๑๘ สิ่งนี้ทำให้เป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษทรางแดงและทรางทั้งปวงหาย
ยาชื่อมหานิลตัวผู้ ขนานนี้ท่านให้เอา น้ำประสานทอง ๑ หมึกหอม ๑ เกล็ดปลาช่อนเผา ๑ หนังกระเบนเผา ๑ หัวแมวดำเผา ๑ กระดูกงูเหลือมเผา ๑ กระดูกงูทับทางเผา ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคกระทำให้เป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้ฝีดาษฝียอดเดียว ถ้าจะแก้ตานทรางละลายน้ำดอกไม้กิน ถ้าจะทาปากแทรกพิมเสนทา ถ้ามิฟังเอาชาดหรคุณเทศ ๑ ชาดหรคุณจีน ๑ ขันทศกร ๑ กำมะถันแดง ๑ แทรกเป็นกระสายทาปากก็ได้ จุดฝีกาฬ ก็ได้ดีนัก
ยาชื่อสมมิตร ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐเชียง ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ โกฐหัวบัว ๑ โกฐกระดูก ๑ โกฐกักกรา ๑ โกฐกะกลิ้ง ๑ จันทนฺทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ กรักขี ๑ ชะลูด ๑ อบเชย ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกจำปา ๑ ดอกกระดังงา ๑ ดอกสารภี ๑ เกสรบัวหลวง ๑ เกสรสัตบุษ ๑ อำพันดอกไม้ ๑ อำพันทอง ๑ อำพันขี้ปลา ๑ ชะมดสด ๑ ชะมดเชียง ๑ พิมเสน ๑ ขอนดอก ๑ รวมยา ๓๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ แล้วจึงเอาดีจรเข้แช่น้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้เทศกินแก้ไข้กำเดา ทั้ง ๓ ฤดู แลแก้ใจขุ่นหมองดีนัก ได้เชื่อแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
ยาชื่อมหาวงษ์ ขนานนี้ท่านให้เอา งาช้างกำจัด ๑ บาท งาช้างกำจาย ๑ บาท งาช้างดี ๑ บาท กรามช้าง ๑ บาท กรามแรด ๑ บาท เขี้ยวแรด ๑ บาท นอแรด ๑ บาท เขี้ยวเสือ ๑ บาท เขี้ยวหมี ๑ บาท เขี้ยวจรเข้ ๑ บาท เขี้ยวปลาพยูน ๑ บาท เขากุย ๑ บาท เขาฟาน ๑ บาท เขาเลียงผา ๑ บาท เขาชุมภา ๑ บาท เขาสิงหนัด ๑ บาท เขาแพะ ๑ บาท เขาแกะ ๑ บาท เขากวาง ๑ บาท เขากระบือเผือก ๑ บาท เขากระบือดำ ๑ บาท เขาวัวเผือก ๑ บาท เขาวัวดำ ๑ บาท หินการังแดง ๑ บาท เนระภูสี ๑ บาท เบ็ญกานี ๑ บาท ผลจันทนฺ ๑ บาท ดอกจันทนฺ ๑ บาท กานพลู ๑ บาท หวายตะค้า ๑ บาท โกฐหัวบัว ๑ บาท อบเชย ๑ บาท สังกรณี ๑ บาท พิมเสน ๑ บาท ชะเอมเทศ ๑ บาท จันทนฺทั้งสองสิ่งละ ๒ บาท ดีงูเหลือม ๒ บาท กรุงเขมา ๑ สลึง อำพันทอง ๑ สลึง ใบกระเพรา ๒ สลึง ใบสวาด ๒ บาท ใบมะกล่ำเครือ ๘ บาท ใบไคร้หอม ๒ บาท ใบแมงลัก ๔ บาท กระทืบยอด ๔ บาท ใบกระพังโหม ๔ บาท ใบผักเสี้ยนผี ๔ บาท รวมยา ๔๘ สิ่งนี้ทำให้เป็นจุณเอาสุราเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ ถ้าจะแก้ทรางฝีมีพิษละลายสุราพิมเสนรำหัดกิน ถ้าจะแก้ฝีในคอละลายสุรา เอาชะเอมเทศ รากไคร้เครือแซกฝนกิน ถ้าจะแก้พิษงูละลายน้ำสุราแซกดีงูเหลือมพิมเสนรำหัดกิน ถ้าจะแก้สอึกทั้งเด็กผู้ใหญ่ละลายน้ำร้อนแซกหวายตะค้า พิมเสนรำหัดกิน ถ้าฝีมีพิษแซกเขากระบือเผือกกิน ถ้าจะแก้ทรางแดงแลละอองพระบาทละลายน้ำมะกล่ำเครือแซกน้ำประสานทองกิน ถ้ากินเข้ามิได้ละลายน้ำชะเอมกิน ถ้าจะให้ลงถอนทรางๆ ในคอในอกแลอุจจาระเป็นลูกมะระนั้น เอาน้ำผักเสี้ยนผีครึ่ง ๑ สุราครึ่ง ๑ แซกน้ำประสานทองกิน ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำจันทนฺทั้งสองกิน ถ้าทรางขึ้นลิ้น ละลายน้ำจันทนฺขาวแซกเบ็ญกานีกวาด ถ้าท้องขึ้นละลายน้ำผักเสี้ยนผีกินดีนัก ได้เชื่อแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
ยาชื่อชันปิดเรือ ขนานนี้ท่านให้เอา เบ็ญจทับทิม ๑ หมากแห้ง ๑ หวายตะค้า ๑ เปลือกเมล็ดมะขามขั้ว ๑ กำมะถันแดง ๑ น้ำประสานทอง ๑ ฝาง ๑ ไม้สัก ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ กระเพราทั้งสอง เนระภูสี ๑ จันทนฺทั้งสอง เขากระบือเผา ๑ เทียนดำ ๑ กระเทียมกรอบ ๑ รวมยา ๒๓ สิ่ง (ที่จริงรวมได้ ๑๘ สิ่ง) นี้เอาเสมอภาคทำให้เป็นจุณเอาน้ำสารพัดเขี้ยวงาเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำปูนใส น้ำจันทนฺกินก็ได้ ถ้ามิฟังเอาเปลือกมะเดื่อเปลือกแคแดงกินก็ได้ ถ้ามิฟังเอาน้ำกล้วยตานีละลายยานี้กินหายดีนัก
ยาแก้ตะพั้นตะบองราหูอักขมุขีก็ดี เอาดีจรเข้ดีหนึ่งที่สดแล้วจึงเอาพริกไทยป่นให้แหลกใส่ในดีจรเข้นั้น แล้วย่างไฟให้แห้ง แล้วเอาทาฝ่ามือฝ่าเท้าแลรักแร้หายดีนัก
ยาพอกท้องเด็กแก้ตะพั้น เอาใบเจ็ตมูล ๑ หิงคุ ๑ กำมะถัน ๑ บัลลังกฺศิลา ๑ ลิ้นทเล ๑ บดด้วยน้ำมูตรเด็กพอกท้องหายดีนัก
ยาชื่อนากพด ท่านให้เอา ใบหนาด ๑ พริกไทย ๑ เบี้ยจั่นเผา ๑ ขิง ๑ รังหมาร่าเผา ๑ แมลงมุมตายซาก ๑ ลำพัน ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้แก้ทรางทั้งปวงแก้ลอองพระบาทแก้ตะพั้นทั้งกินทั้งชะโลมดีนัก
ยาแก้ลอองพระบาท ท่านให้เอาใบนมพิจิตร ๑ น้ำประสานทอง ๑ หรดานทอง ๑ กระเทียม ๑ ขิง ๑ ดีปลี ๑ ดีงูเหลือม ๑ พิมเสน ๑ ยาทั้งนี้เอาสเมอภาคบดทำแท่งไว้ ถ้าจะให้ผายเอาใบกระเพราแซก ๓ ส่วน เมื่อจะกินละลายน้ำใบกระเพรากิน ถ้าจะแก้ทรางทั้งปวงละลายน้ำใบกระเทียม ทาลิ้นหายดีนักได้เชื่อแล้ว
ยาคาดข้อมือข้อเท้า เอาใบหนาด ๑ พลับพลึง ๑ ขิง ๑ ดีปลี ๑ กระเทียม ๑ ไพล ๑ หว้านน้ำ ๑ หิงคุ ๑ บดด้วยน้ำมะนาวคาดด้วยเหล้า ดีนัก
( กล่าวสมมุติปฐมจินดาผูก ๒ สิ้นฉบับแต่เพียงนี้ )
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น