ความนำ
เนื้อหาของพระคัมภีร์ชวดารเป็นการอธิบายถึงโรคลมและโรคเลือดตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย
เลือด (หรือโลหิต) และ ลม
ในความเชื่อของการแพทย์แผนไทยมีความสำคัญมากและถือว่าเกี่ยวเนื่องกัน
ทฤษฎีนี้เชื่อว่าชีวิตจะดำรงอยู่ได้ต้องอาศัยเลือดและลมเป็นประการสำคัญ
ความหมายของเลือดและลมจึงกว้างขวางและมีบทบาทในการวินิจฉัยโรคตามทฤษฎีของ
การแพทย์แผนไทย ซึ่งมักจะกล่าวว่า "เลือดลมไม่ปรกติ"
ก็ทำให้ร่างกายไม่ปรกติไปด้วย
ใน ทางการแพทย์แผนไทย "ลม" หมายถึง
ธาตุอย่างหนึ่งในธาตุทั้ง ๔ และ "ลม" ยังใช้แทนคำว่า โรค ได้
"ลม" ยังหมายถึงทิศทางการเคลื่อนไหว ระบบไหลเวียนของโลหิต
ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาท ส่วน "เลือด" ก็เช่นกันใช้ในความหมายอื่นๆ
ด้วยคือ ใช้เรียกอาการไม่ปรกติของร่างกาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับเลือดหรือโลหิต
"เลือด และลม"
ในทฤษฎีการแพทย์แผนไทยจึงมีความหมายค่อนข้างกว้างมาก
โดยเฉพาะในการวินิจฉัยโรคมักจะมีคำว่า เลือดและลม หรือ โลหิต นำหน้าเสมอ
จนมีคำกล่าวเป็นสำนวนว่า "โรคเลือดลมมี ๕๐๐ จำพวก"
และเมื่อได้ตรวจสอบโรคที่ใช้คำว่า เลือด (โลหิต) และ ลม แล้วพบถึง ๔๗๐ โรค
ซึ่งถ้าแยกย่อยออกไปอีกก็จะได้ถึง ๕๐๐ โรค ตามคำกล่าว
พระ คัมภีร์ชวดาร
นอกจากจะมีตำรายาแก้โรคเกี่ยวกับเลือดลมแล้ว ยังมีเนื้อหาให้ความรู้เกี่ยวกับ
"เส้น" ในร่างกายและ "การจับเส้นหรือการนวด"
ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยนั้น เชื่อว่าเพื่อให้เลือดลมเดินเป็นปรกติ
พระคัมภีร์ชวดาร
โลกเสฏฺฐญฺจ สัมพุทฺธํ สัทฺธัมฺมํ คณฺมุตฺตมํ
ปณาเมยฺย เวชฺชคันถํ นานาปุลลํ ภาสิสฺสามิ
ปณาเมยฺย เวชฺชคันถํ นานาปุลลํ ภาสิสฺสามิ
(อหํ) อันว่าข้า (ปณาเมยฺย) ไหว้แล้ว
ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐกว่าโลกทั้งปวง
อนึ่งโสดข้าไหว้พระธรรมกับหมู่พระอริยสงฆ์อันอุดม (ภาสิสฺสามิ) จักกล่าว (เว ชฺชคันฺถํ) ซึ่งคัมฺภีร์แพทย์ (นานาปุลฺลํ) อันไพบูลย์ต่างๆ
แลข้านี้โสดได้เห็นแล้วซึ่งโรคแห่งมนุษย์แลยาต่างๆ แลเลือกสรรแล้ว ในคัมภีร์แพทย์ทั้งหลายต่างๆ
(อาทิย) ถือเอาแล้ว (สาธิปฺปายํ) กับทั้งอธิบาย (อาจาริยัสฺส)
แห่งอาจารย์ (ปุพฺเพ) ในก่อน (ปวักขามิ) จักกล่าว (ชวตารคันฺถํ) ซึ่งคัมภีร์ชวดาร
(อุปฺปันฺนํ) อันบังเกิด (มัชฺเฌ) ในท่ามกลาง (เวชฺชานํ) แห่งหมอทั้งหลาย
(วินิจฉยํ) พึงพิพากษา (สภาเค) ในที่ประชุมโดยจะมีไปในเบื้องหน้า (เอวํ) ด้วยประการดังนี้
สิทธิการิยะ อาจารย์กล่าวไว้ว่ามนุษย์ทั้งหลาย จะเกิดสรรพโรคต่างๆ ตั้งแต่คลอดจากครรภ์มารดาตราบเท่าจนอายุขัย
อาศัยโลหิตแลลม
แลลำดับนั้นจักสำแดงซึ่งลมอันบังเกิดโทษให้ถึงพินาศฉิบหายไปเป็นอันมาก เหตุว่าแพทย์มิได้กำหนดเห็นแลกำหนดรู้อุปมาดุจดังบุคคลอันประมาท
ในท้องพระมหาสมุทรก็ฉิบหายเป็นเหยื่อแก่มัจฉาเป็นอันมาก
แลอาจารย์จะกล่าวไปในเบื้องหน้า (อุทฺธํ คมาวาตา จ อโธคมาวาตา จ) อันว่าลมทั้งสอง อุทธังคมาวาต
พัดขึ้นเบื้องบน อโธคมาวาต พัดลงไปจนปลายเท้าเป็นเบื้องต่ำ
แต่สะดือขึ้นมาจนศีรษะเรียกว่าเบื้องบน แลลมทั้งสองระคนกันเข้าเมื่อใด
โลหิตนั้นประดุจเดียวกันกับไฟ อันเกิดได้วันละ ๑๐๐ หน อาการทั้ง ๓๒
ก็พิกลจากภาคที่อยู่ เตโชธาตุก็มิปรกติ จึงมีคำถามเข้ามาว่า ;
*** เหตุประการใดจึงลมทั้งสองระคนกันเข้าได้ ให้โทษแก่มนุษย์ทั้งปวง?
แพทย์ ผู้ใหญ่จึงกล่าวแก้ว่า : มนุษย์ทั้งหลายบริโภคอาหารมิได้เสมอ บางจำพวกมากกว่าอิ่ม , บางจำพวกดิบ, บางจำพวกเน่า, บางจำพวกบูด, บางจำพวกหยาบ, บางจำพวกน้อยยิ่งนัก, บางจำพวกล่วงผิดเวลา, บางจำพวกอยากเนื้อผู้อื่นยิ่งนัก ๘ จำพวกนี้เป็นอาหารให้โทษใช่แต่เท่านั้น บุคคลบางจำพวก (อติสีตํ อจจุณฺหํ) ต้องร้อนแลเย็นยิ่งนัก เหตุดังนั้น ลมอโธคมาวาต จึงพัดขึ้นไปหาลมอุทธังคมาวาต บางทีลมอุธังคมาวาต พัดลงมาหาลมอโธคมาวาต จึงพัดโลหิตเป็นฟอง อาการ ๓๒ จึงเคลื่อนจากที่อยู่
*** จึงมีกะทู้ถามแพทย์ผู้ใหญ่ว่าเกิดเหตุใด จึงเป็นไข้เยียวยายากยิ่งนัก?
แพทย์ ผู้ใหญ่จึงวิสัชชนาว่า : อาศัยลมอันหนึ่ง ชื่อหทัยวาต เกิดขึ้นในน้ำเลี้ยงหัวใจ พยาธิมรณสัญกรรมบังเกิดขณะใด ลมบังเกิดขึ้นขณะนั้น (มระณํ นิยตํ ขยํ ชีวิตํ) ถ้าแลมนุษย์ผู้ใดมีความตายอันเที่ยง เป็นชีวิตขัยจนสิ้นไปแห่งชีวิตโดยแท้แล้ว เยียวยารักษามิหาย ถ้าเป็นปัจจุบันโทษยังมิตัด พึงให้รวมยาระงับลมในหทัยวัตถุเสียก่อน จึงให้แต่งยานี้ ;
ยาชื่อจิตรารมณ์ ท่านให้เอาตรีผลาสิ่งละ ๑ สลึง เปลือกผลส้ม ๘ ประการสิ่งละ ๑ สลึง ขอนดอก ๑ บาท กฤษณา ๑ บาท กะลำภัก ๑ บาท ชะลูด ๓ สลึง อบเชย ๑ บาท ชะเอมทั้ง ๒ สิ่งละ ๖ สลึง ดอกพิกุล ๓ สลึง ดอกบุนนาค ๒ สลึง สาระพี ๑ บาท ผลจันทน์ ๑ เฟื้อง ดอกจันทน์ ๑ เฟื้อง เทียนทั้ง ๕ สิ่งละ ๑ เฟื้อง โกฐสอ ๑ บาท โกฐพุงปลา ๒ สลึง เปราะหอม ๖ สลึง พริกไทยล่อน ๑ บาท จันทน์ทั้ง ๒ สิ่งละ ๓ สลึงเฟื้อง ชะมดเชียง ๑ บาท การะบูร ๑ บาท พิมเสน ๗ สลึง ผลสะเดาอ่อน ๑ ตำลึง กระแจะตะนาว ๑ บาท ดอกมะลิสดเท่ายาทั้งหลาย น้ำดอกไม้เทศเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้เท่าผลมะแว้ง ละลายน้ำร้อน น้ำผึ้ง น้ำส้มซ่า น้ำสุรา กระสายต่างๆ แซกน้ำตาลกรวดกินแก้ลมสวิงสวาย แลดวงจิตรให้ระส่ำระสาย แลให้วิงเวียนลมตรีโทษเกิดในหทัย แลดวงจิตรขุ่นมัว แลให้ร้อนในอก ในท้องในสันหลัง กินหายแล
*** เหตุประการใดจึงลมทั้งสองระคนกันเข้าได้ ให้โทษแก่มนุษย์ทั้งปวง?
แพทย์ ผู้ใหญ่จึงกล่าวแก้ว่า : มนุษย์ทั้งหลายบริโภคอาหารมิได้เสมอ บางจำพวกมากกว่าอิ่ม , บางจำพวกดิบ, บางจำพวกเน่า, บางจำพวกบูด, บางจำพวกหยาบ, บางจำพวกน้อยยิ่งนัก, บางจำพวกล่วงผิดเวลา, บางจำพวกอยากเนื้อผู้อื่นยิ่งนัก ๘ จำพวกนี้เป็นอาหารให้โทษใช่แต่เท่านั้น บุคคลบางจำพวก (อติสีตํ อจจุณฺหํ) ต้องร้อนแลเย็นยิ่งนัก เหตุดังนั้น ลมอโธคมาวาต จึงพัดขึ้นไปหาลมอุทธังคมาวาต บางทีลมอุธังคมาวาต พัดลงมาหาลมอโธคมาวาต จึงพัดโลหิตเป็นฟอง อาการ ๓๒ จึงเคลื่อนจากที่อยู่
*** จึงมีกะทู้ถามแพทย์ผู้ใหญ่ว่าเกิดเหตุใด จึงเป็นไข้เยียวยายากยิ่งนัก?
แพทย์ ผู้ใหญ่จึงวิสัชชนาว่า : อาศัยลมอันหนึ่ง ชื่อหทัยวาต เกิดขึ้นในน้ำเลี้ยงหัวใจ พยาธิมรณสัญกรรมบังเกิดขณะใด ลมบังเกิดขึ้นขณะนั้น (มระณํ นิยตํ ขยํ ชีวิตํ) ถ้าแลมนุษย์ผู้ใดมีความตายอันเที่ยง เป็นชีวิตขัยจนสิ้นไปแห่งชีวิตโดยแท้แล้ว เยียวยารักษามิหาย ถ้าเป็นปัจจุบันโทษยังมิตัด พึงให้รวมยาระงับลมในหทัยวัตถุเสียก่อน จึงให้แต่งยานี้ ;
ยาชื่อจิตรารมณ์ ท่านให้เอาตรีผลาสิ่งละ ๑ สลึง เปลือกผลส้ม ๘ ประการสิ่งละ ๑ สลึง ขอนดอก ๑ บาท กฤษณา ๑ บาท กะลำภัก ๑ บาท ชะลูด ๓ สลึง อบเชย ๑ บาท ชะเอมทั้ง ๒ สิ่งละ ๖ สลึง ดอกพิกุล ๓ สลึง ดอกบุนนาค ๒ สลึง สาระพี ๑ บาท ผลจันทน์ ๑ เฟื้อง ดอกจันทน์ ๑ เฟื้อง เทียนทั้ง ๕ สิ่งละ ๑ เฟื้อง โกฐสอ ๑ บาท โกฐพุงปลา ๒ สลึง เปราะหอม ๖ สลึง พริกไทยล่อน ๑ บาท จันทน์ทั้ง ๒ สิ่งละ ๓ สลึงเฟื้อง ชะมดเชียง ๑ บาท การะบูร ๑ บาท พิมเสน ๗ สลึง ผลสะเดาอ่อน ๑ ตำลึง กระแจะตะนาว ๑ บาท ดอกมะลิสดเท่ายาทั้งหลาย น้ำดอกไม้เทศเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้เท่าผลมะแว้ง ละลายน้ำร้อน น้ำผึ้ง น้ำส้มซ่า น้ำสุรา กระสายต่างๆ แซกน้ำตาลกรวดกินแก้ลมสวิงสวาย แลดวงจิตรให้ระส่ำระสาย แลให้วิงเวียนลมตรีโทษเกิดในหทัย แลดวงจิตรขุ่นมัว แลให้ร้อนในอก ในท้องในสันหลัง กินหายแล
ยาชื่อกล่อมอารมณ์ แก้ลมปัจฉิมที่สุดลมตรีโทษหทัยวาตมาบังเกิดดุจหม้อข้าวเดือด
ชื่อว่าลมทักขิณคุณ ท่านให้เอาผลกันชาเทศ ๑ ถ้ามิได้ผลเอาใบกันชาเทศก็ได้ กฤษณา ๑
กะลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ ชะลูด ๑ อบเชย ๑ ชะเอมทั้ง ๒ ดอกส้ม ๘ ประการ ดอกขิง ๑ ดอกข่า
๑ ดอกขมิ้น ๑ ดอกกะทือ ๑ ดอกไพล ๑ เทียนทั้ง ๕ โกฐสอ ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาก ๑
ดอกสาระพี ๑ ผลผักชีทั้ง ๒ มหาหิงคุ์ ๑ ใบกะท่อม ๑ กะเทียม ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒
สลึง ดอกมลิ ๒ ตำลึง จันทน์ทั้ง ๒ สิ่งละ ๒ สลึง พิมเสน ๕ สลึง
กานพลูกึ่งยาทั้งนั้น การบูรเท่ายาทั้งนั้น น้ำผึ้งเป็นกระสายเคล้าปั้นเท่าผลหวาย
น้ำกระสายยักใช้ตามโรคนั้นเถิด
จัก แสดงไปใหม่เล่า
อันว่าลมเกิดในทิศเบื้องต่ำ คือลมอำมพฤกษ อำมพาธ ลมทั้ง ๒ นี้บังเกิดปลายแม่เท้าไปตราบเท้าเบื้องบน
หวาดหวั่นไหวทั้ง ๖ สรีระกายย่อมถึงแก่พินาศเป็นอันมาก
โดยอธิบายในคัมภีร์ทั้งหลายต่างๆ ในคัม์ภีร์ชวดารว่าจะได้สมควรหามิได้ อำมพฤก อำมพาธทั้ง
๒ นั้น เป็นที่ตั้งเป็นฐานแห่งลมทั้งหลาย อันบังเกิดจรได้ละ ๑๐๐ ละ ๑๐๐๐
แพทย์จะได้หยั่งรู้หามิได้ กำหนดได้แต่อำมพฤก อำมพาธ ก็เรียกว่าอำมพฤก อำมพาธ
มีครุวรรณา ดุจปืนเป็นที่ตั้งแห่งดินประสิวลูกกระสุนแลเพลิง จึงแล่นออกจากลำกล้อง
ประหารชีวิตสรรพสัตว์ทั้งปวงให้วินาศฉิบหาย อำมพฤก อำมพาธเหมือนลำกล้อง
สิ่งอันประกอบเหมือนลมอันจรนั้นแล
อัน ว่าลมอันมีพิษนั้นมี ๖ จำพวก
เราจะกล่าวไปในเบื้องหน้า คือลมกาฬสิงคลี ๑ ลมชิวหาสดม ๑ ลมมหาสดม ๑ ลมทักขิณโรธ ๑
ลมตติยาวิโรธ ๑ ลมอีงุ้มอีแอ่น ๑ นอกกว่าลมหกจำพวกนี้ก็มี คือลมอินทร์ธนู ๑
ลมกุมภัณฑยักษ์ ๑ ลมอัศมุขี ๑ ลมราทธยักษ์ ๑ ลมบาทจิตร ๑ ลมพุทธยักษ์ ๑
แลลมจำพวกเหล่านี้ บังเกิดแก่มนุษย์ผู้ใด
มนุษย์ผู้นั้นตกเข้าอยู่ในเนื้อมือพระยามัจจุราช เยียวยาเป็นอันยากนัก
ลมกาฬสิงคลีนั้น ถ้าจับให้หน้าเขียวให้ขอบตาเขียว ลางทีจับหัวใจให้ใจสั่น
ลางทีให้ถอนหายใจฮึดฮือ ลางทีให้ดิ้นดุจตีปลาให้ผุดเป็นวงดำ วงแดง วงเหลือง วงเขียว
เท่าใบพุทราเท่าแว่นน้ำอ้อยกำหนด ๓ วัน
ลมชิวหาสดม เมื่อแรกจับให้หาวให้เรอแลให้เหียน
แลขากันไกรแข็งอ้าขบลงมิได้ ให้นิ่งแน่ไปมิรู้สึกปลุกมิตื่น กำหนด ๓ วัน ๗ วัน
ลมมหาสดมจับนั้น ให้หาวนอนเป็นกำลัง ให้หวาดหวั่นไหวอยู่แต่ในใจ
ให้นอนนิ่งแน่ไปมิรู้สึกกายแล
ลมทักขิณโรธ นั้น เป็นไข้อันใดๆ ก่อน ให้จับมือ ให้เท้าเย็น ให้จักษุมัว
ห้ามมิให้วางยาผาย ให้ดิ้นรนยุด มิได้อยู่ เจรจามิได้ ลิ้นกระด้างคางแข็ง
แพทย์จะแก้ๆ ให้จงดี
ลมตติยาวิโรธ นั้นให้มือให้เท้าเย็น เป็นลูกกลิ้งอยู่ในท้อง
ให้จุกร้องดังสัตว์ตอดสัตว์กัด บางทีปวดแต่แม่เท้าขึ้นมาจนถึงหัวใจ
นิ่งแน่ไปดุจดังพิษงูเห่า
ลมอีงุ้มอีแอ่นนั้น เมื่อล้มไข้เหมือนสันนิบาต
เมื่อจับนั้นอีงุ้มงอไปข้างหน้า อีแอ่นงอไปข้างหลัง
ถ้าลั่นเสียงเผาะเมื่อใดตายเมื่อนั้น
ลมอินทร์ธนู เมื่อล้มไข้เหมือนลากสาต เป็นวงล้อมสะดือดำ สะดือแดง
สะดือเขียว สะดือเหลือง เท่าวงน้ำอ้อยงบ แต่ชายโครงตลอดจนหน้าผาก
พิษนั้นให้อื้ออึงคนึงอยู่ในใจ ให้เพ้อพกดังผีเข้าอยู่ ถ้าหญิงเป็นซ้าย ชายเป็นขวาอาการตัด
ลมกุมภัณฑยักษ์นั้น ถ้าล้มไข้ลงดุจอย่างสันนิบาต
เมื่อจับให้ชักมือกำชักเท้างอมิได้สมปฤดี มิเรียกมิรู้สมปฤดีเลย กำหนด ๑๑ วัน
ลมอัศมุขีนั้นเป็นทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็ก
ให้ดิ้นร้องแล้วชักแน่ไปมิได้สมปฤดีเลย
ลมราทธยักษ์ เมื่อล้มไข้ลงดุจอย่างสันนิบาต เมื่อจับให้มือกำชักเท้างอ
ลิ้นกระด้างคางแข็ง กำหนด ๑๑ วัน
ลมบาทจิตร เมื่อล้มไข้ลงดุจอย่างสันนิบาต แรกจับให้ละเมอเพ้อพกว่านั่นว่านี่
ทำอาการดุจปิศาจเข้าอยู่ ลางทีว่าบ้าสันนิบาตก็ถูก เพราะเหตุจิตรระส่ำระสาย กำหนด
๑๐ วัน
ลมพุทธยักษ์ให้ ชักกระสับกระส่าย ให้ขบฟันเหลือกตา ให้มือกำเท้างอ
ปากเบี้ยวจักษุแหก แยกแข้งแยกขาหาสมปฤดีมิได้ ลมจำพวกเหล่านี้เยียวยายากนัก
เป็นปัจฉิมที่สุดโรค แล้วพิจารณาดูทวารหนักทวารเบา ถ้ายังอุ่นอยู่ให้แก้ต่อไป
ประการหนึ่งให้ดูผิวเนื้อ นิ้วมือกดลงแล้วยกขึ้นดูหาโลหิตมิได้
รอยนิ้วกดแล้วยกขึ้นเป็นรอยเขียวซีด อาการตัดแล
อนึ่ง ในคัมภีร์มหาโชตรัต คัมภีร์มหาไชยรัต ว่าโลหิตให้โทษแก่สตรีคลอดบุตร แลชายต้องบาดโลหิตตีขึ้นไป ถึงแก่วินาศเป็นอันมาก แลโลหิตทำพิษตีขึ้นดังนี้ ในคัมภีร์ชวดารว่า แต่กำลังโลหิตไม่ให้ตีขึ้นไปได้ ต่ออาศัยลมจึงตีขึ้นไปได้ อุปมาเหมือนคลื่นอันอาศัยลมๆ กล้า แล้วซัดท่วมขึ้นไปบนฝั่งและภูเขา อันโลหิตตีขึ้นไปให้ชายให้หญิงถึงแก่พินาศนั้น ก็อาศัยลมจำพวกเหล่านี้ โลหิตจึงเป็นฟอง ดังบุคคลเขี้ยวด้วยเพลิงละร้อยละพันหนมีไออันฟุ้งขึ้นไป ด้วยกำลังวาโยธาตุ ยังหทัยยังดียังตับยังม้ามให้เศร้าหมองเชื่อมมึน มีหัวใจระส่ำระสายซบเซา ก็บังเกิดลมสัตถะกะวาท ลมหทัยวาทกำเริบ กระทำให้จักษุไม่เห็น โสตประสาทมิได้ยิน ชิวหา แลนาสิก มิรู้จักรส กลิ่นสิ่งใด หาสติสมปฤดีมิได้ มีหทัยวัตถุก็แตกออก ถึงแก่พินาศเพราะด้วยกำลังลม พัดเอาโลหิตตีขึ้นไปมีไออันร้อนประดุจลมอันพัดน้ำ กระทำให้เป็นคลื่นตีล้นตลิ่งขึ้นไปนั้นแล
อนึ่ง ในคัมภีร์มหาโชตรัต คัมภีร์มหาไชยรัต ว่าโลหิตให้โทษแก่สตรีคลอดบุตร แลชายต้องบาดโลหิตตีขึ้นไป ถึงแก่วินาศเป็นอันมาก แลโลหิตทำพิษตีขึ้นดังนี้ ในคัมภีร์ชวดารว่า แต่กำลังโลหิตไม่ให้ตีขึ้นไปได้ ต่ออาศัยลมจึงตีขึ้นไปได้ อุปมาเหมือนคลื่นอันอาศัยลมๆ กล้า แล้วซัดท่วมขึ้นไปบนฝั่งและภูเขา อันโลหิตตีขึ้นไปให้ชายให้หญิงถึงแก่พินาศนั้น ก็อาศัยลมจำพวกเหล่านี้ โลหิตจึงเป็นฟอง ดังบุคคลเขี้ยวด้วยเพลิงละร้อยละพันหนมีไออันฟุ้งขึ้นไป ด้วยกำลังวาโยธาตุ ยังหทัยยังดียังตับยังม้ามให้เศร้าหมองเชื่อมมึน มีหัวใจระส่ำระสายซบเซา ก็บังเกิดลมสัตถะกะวาท ลมหทัยวาทกำเริบ กระทำให้จักษุไม่เห็น โสตประสาทมิได้ยิน ชิวหา แลนาสิก มิรู้จักรส กลิ่นสิ่งใด หาสติสมปฤดีมิได้ มีหทัยวัตถุก็แตกออก ถึงแก่พินาศเพราะด้วยกำลังลม พัดเอาโลหิตตีขึ้นไปมีไออันร้อนประดุจลมอันพัดน้ำ กระทำให้เป็นคลื่นตีล้นตลิ่งขึ้นไปนั้นแล
ถ้า ลม ๕ จำพวกเหล่านี้มิได้พัดโลหิตๆ
ก็มิได้ให้โทษ อนึ่งให้แพทย์พึงพิจารณา ว่าลมนั้นบังเกิดเพื่อในเส้น แลเนื้อ แลโลหิต
แลกระดูก แลผิวหนัง แลหัวใจ พึงพิจารณาลมนั้นก่อน
แล้วจึงพิจารณายาที่จะทราบไปในที่นั้นๆ ให้ควรแก่โรคลม
ถ้าลมจำพวกใดบังเกิดขึ้นในเส้น ชอบนวดแลยาประคบ กินยาแก้ลมในเส้นจึงหาย
ถ้า ลมจำพวกใดบังเกิดแต่โลหิต
ให้ปล่อยหมอน้อยกอกศีศะกินยาในทางลมทางโลหิตจึงหายถ้าลมจำพวกใดบังเกิดในผิว หนัง
ชอบทายาแลรมแลกอกลมกินยาในทางลม แลรักษาผิวหนังให้บริบูรณ์จึงหายแล
แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า จะกล่าวยาขนานหนึ่งชื่อ
ยาวาตาพินาศ แก้ ลมร้าย เอาเบญจกูลสิ่งละ ๒ สลึง ผลคนทิสอ ๑ ตรีผลา ๑ ลำพัน ๑ เทียนทั้ง ๕ มหาหิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑ ใบมะตูม ๑ ใบสหัศคุณ ๑ ใบกระวาน ๑ ใบสลอด ๑ ผักชีล้อม ๑ ผักชีลา ๑ ผลโหระพาเทศ ๑ กะเทียม ๑ เอาสิ่งละ ๓ สลึงเฟื้อง ผิวมะกรูด ๗ ผล ดีเกลือ ๑ ตำลึง สมอไทยที่กินผลลงนั้น ๒ ตำลึง ผลสลอดเม็ดแก่ ๓ เม็ด บดด้วยน้ำส้ม ๘ ประการ จำเภาะหมักไว้สดๆ กินไปประจุลมร้ายทั้งปวง แลลมทั้งหลายดังกล่าวมานั้นแล
แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า จะกล่าวยาขนานหนึ่งชื่อ
ยาวาตาพินาศ แก้ ลมร้าย เอาเบญจกูลสิ่งละ ๒ สลึง ผลคนทิสอ ๑ ตรีผลา ๑ ลำพัน ๑ เทียนทั้ง ๕ มหาหิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑ ใบมะตูม ๑ ใบสหัศคุณ ๑ ใบกระวาน ๑ ใบสลอด ๑ ผักชีล้อม ๑ ผักชีลา ๑ ผลโหระพาเทศ ๑ กะเทียม ๑ เอาสิ่งละ ๓ สลึงเฟื้อง ผิวมะกรูด ๗ ผล ดีเกลือ ๑ ตำลึง สมอไทยที่กินผลลงนั้น ๒ ตำลึง ผลสลอดเม็ดแก่ ๓ เม็ด บดด้วยน้ำส้ม ๘ ประการ จำเภาะหมักไว้สดๆ กินไปประจุลมร้ายทั้งปวง แลลมทั้งหลายดังกล่าวมานั้นแล
เบญจขันธ์ เอาเบญจมูลเหล็ก ๑ เบญจเทียน ๑ เบญจโกฐ ๑ เบญจสมอ ๑ เบญจเกลือ
๑ ยาทั้งนี้ต้ม ๓ เอา๑ กินผายลมทั้งปวง อันบังเกิดในเส้นในเอ็นหายแล
เขียวประทานพิษ เอาพริกไทย ๑ ใบสะค้าน
๑ ใบดีปลี ๑ ใบมะตูม ๑ ใบสมี ๑ ใบลำพัน ๑ ใบสหัศคุณ ๑ ใบกระวาน ๑ ใบผักเสี้ยนทั้ง
๒ ใบวัลเปรียง ๑ ใบโหระพา ๑ ใบแมงลัก ๑ ใบกะเพรา ๑ ใบมะระ ๑ ใบผักกะโฉม ๑ ใบพรมมิ
๑ ใบผักกาด ๑ ใบมูลเหล็ก ๑ ใบคนทิสอ ๑ ใบมะกรูด ๑ ใบมะนาว ๑ ใบมะคำไก่ ๑ ใบมะผู้ ๑
ใบมะเมีย ๑ ใบมะยม ๑ ใบมะเฟือง ๑ ใบสลอด ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง กะทือ ๑ ไพล
๑ พริก ๑ ขิง ๑ หอม ๑ กะเทียม ๑ ไคร้หอม ๑ เปลือกกุ่ม ๑ เปลือกมะรุม ๑
เปลือกทองหลาง ๑ เจตมูล ๑ ผักแพวแดง ๑ กระดอม ๑ หัวแห้วหมู ๑ ผลพิลังกาสา ๑
ผักชีล้อม ๑ ผักชีลา ๑ เทียนทั้ง ๕ มะแว้งทั้ง ๒ มะเขือขื่น ๑ สมุลแว้งทั้ง ๒
เอาสิ่งละ ๗ สลึง เปราะหอม ๕ สลึง ใบสะเดากึ่งยา ใบพิมเสนเท่ายา เมื่อบดเอาแก่นสน
๑ กฤษณา ๑ แก่นปรู ๑ สักขี ๑ กะลำพัก ๑ ขอนดอก ๑ ชะลูด ๑ โกฐทั้ง ๕ เกสรบัวน้ำทั้ง
๕ เกสรดอกไม้สดทั้ง ๕ ดอกมลิสดเท่ายา ต้ม ๓ เอา ๑ เอาน้ำบดยานั้นปั้นเท่าเม็ดพุทธรักษา
กิน ๕ เม็ด ๗ เม็ด ถ้าลมกาฬสิงคลีละลายน้ำสุรา
ถ้าลมชิวหาสดมลมมหาสดมละลายน้ำมะกรูด น้ำมะนาว น้ำมะงั่ว
ถ้าลมทักขิณโรธละลายน้ำผึ้งน้ำข่า ถ้าลมตติยาวิโรธละลายน้ำขิงน้ำผึ้ง
ถ้าลมอีงุ้มอีแอ่นละลายน้ำเกลือน้ำส้มสายชูน้ำมะขามเปียก ถ้าลมอินทร์ธนูละลายน้ำเบญจกูลต้ม
ถ้าลมกุมภัณฑยักษ์ละลายน้ำร้อนน้ำขิงน้ำข่าก็ได้ ถ้าลมอัศมุขีละลายน้ำไพล
ถ้าลมราทธยักษ์ละลายน้ำร้อนน้ำผึ้ง ถ้าลมบาทจิตร์ละลายน้ำจันทน์หอมน้ำหญ้าแห้วหมู
ถ้าลมพุทธยักท์ละลายน้ำผึ้งน้ำขิงน้ำไพล ลมนอกกว่านี้ก็แก้ได้ ทั้งกินทั้งทาแก้สรรพลมทั้งหลายลมกระไษย
ลมริศดวง ลมกาฬวิงเวียน ลมโฮกเหียนแลลมต่างๆ น้ำกระสายต่างๆ ตามแต่จะใช้
ยาเหลือง
แก้ลมพิษงูเห่าแก้แต่ต้นจนที่สุด เอาตุกต่ำ ๑ สุพรรณถันเหลือง ๑ สุพรรณถันแดง ๑
ชาตหรคุณ ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ข่า ๑ กะทือ ๑ พริก ๑ ขิง ๑ กะเทียม ๑ เปล้าน้อย ๑
พาดไฉน ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนทั้ง ๕ ผลผักชีทั้ง ๒ เสมอภาค
สหัศคุณกึ่งยาไพลเท่ายา ตำเปนผงไว้ แก้ลมทั้งหลายต่างๆ แก้ลมแก้พิษต่างๆ แก้ทราง
อันเกิดแต่ลมเสมหะ แก้ลมริศดวง แก้ลมเถาลมดาลก็ได้
น้ำกระสายน้ำผึ้งน้ำอ้อยน้ำสุราน้ำส้มก็ได้ ตามควรแก่โรคเถิด แก้สรรพลมแล
ลม
อันใดนิ่งแน่ไปยาใดแก้มิฟัง ท่านให้เอา ผักเสี้ยนทั้ง ๒ ใบละหุ่งแดง ๑ ใบลำโพง ๑
บดพอกแต่สะดือจนน่าอกแล้วเอาพริกไทย ๑ เจตมูลเพลิง ๑ ข่า ๑ พริกเทศเท่ายา
ตำพอกฝ่าเท้าทั้ง ๒ แล้ว เผาเหล็กนาบ เอาหอม ๑ ไพล ๑ มะกรูด ๓ ผล ตำพอกกระหม่อม
เผาเหล็กแดงอังเข้าให้ชิดอย่าให้ถึงยา แล้วเอาปากกัดเข้าที่ศีศะแม่เท้าให้หนักๆ
ถ้าร้องโอยแล้วมิเปนไร หายแล
ขนานหนึ่งแก้ลมมหาสดม ลมอำมพาธคู่กัน เมื่อจับนั้นให้ลิ้นหดเข้า ให้แก้ด้วยยานี้ เอาผักคราด ๑
แมงลัก ๑ ข่า ๑ สารส้ม ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ พรมมิ ๑ บดปั้นแท่งไว้ทาลิ้นหด
ขนานหนึ่งแก้ลมราทยักษ์ ลมปัฏฆาฏคู่กัน แลลมพิษก็ได้ ให้เอายานี้แก้ มหาหิงคุ์ ๑ ว่านน้ำ ๑ ผลช้าพลู
๑ ขิง ๑ ผักแพวแดง ๑ เทียนเยาวภานี ๑ โกฐสอ ๑ บดละลายน้ำร้อน แก้ลม ๘ ประการ
แต่ต้นจนปัจฉิมที่สุด แก้ลมพัดเสมหะในอกให้เป็นหืดไอ ลมนั้นให้เย็นไปทั้งกายก็ดี
เอาน้ำขิงละลายกินหาย ลมอติสารให้ปิดให้ลงละลายน้ำผึ้ง
ลมพัดให้แสบไส้เป็นก้อนในท้องแลฅอแห้ง ละลายน้ำส้มซ่าแซกเบญจกูลกินหายแล
ขนานหนึ่งชื่อชุมนุมวาโย
แก้ลมในเส้นแลผิวหนังในโลหิต ในกระดูกในเนื้อ แลอาการที่ต่างๆ เอาผลช้าพลู ๑
สะค้าน ๑ ดีปลี ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑ ตรีผลา ๑ ไพล ๑ ข่า ๑ กระทือ ๑ กระชาย ๑
คนทิสอทั้งใบทั้งผล เข้าข้า ๑ สมุลแว้ง ๑ ดองดึง ๑ ผิวมะกรูด ๑ มะนาว ๑
สหัศคุณทั้ง ๒ เปล้าทั้ง ๒ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนทั้ง ๕ โกฐสอ ๑ สารส้ม ๑
เกลือสินเธาว์ ๑ น้ำประสานทอง ๑ กรุงเขมา ๑ ใบเสดา ๑ ใบเปราะหอม ๑ เอาสิ่งละ ๒
สลึง พริกไทย ๔ บาท กะเทียม ๕ บาท ขิงสด ๘ บาท ผลสลอด ๓ สลึง เอาน้ำส้ม ๘ ประการ
เปนกระสาย บดปั้นแท่งเท่าผลมะแว้งละลายน้ำผึ้งรวงพิมเสนรำหัดกินบำบัดลม ๑๐๐ จำพวก
ดังกล่าวมาแต่ต้นนั้นหายแล
ลมจำพวกหนึ่งนั้น ปถวีธาตุกำเริบ
ลมพัดอาโปธาตุเป็นฟอง สำแดงโทษบวมทุกสะฐาน เอาสำโรงทั้งเปลือก ทั้งราก ทั้งฝัก
เผาแช่เอาน้ำด่าง ทั้งกินทั้งทาหายแล
ถ้า ยังมิฟัง เอาผักเสี้ยนทั้ง ๒ ผลมะกรูด ๑
ผลมะนาว ๑ หอม ๑ กะเทียม ๑ ใบลำโพง ๑ พริก ๑ ขิง ๑ ยาทั้งนี้สิ่งละ ๑ บาท
สหัศคุณทั้ง ๒ สิ่งละ ๖ สลึง เทียนทั้ง ๕ สิ่งละ ๑ บาท เกลือ ๔ บาท ไพลเท่ายา
เอาน้ำมันหมู ๑ น้ำมันมะพร้าวนาฬิเก ๑ น้ำมันงูเหลือม ๑ น้ำมันปลาส้อย ๑ น้ำมันงา
๑ น้ำมันกระทุงลาย ๑ น้ำมันสลอด ๑ เอาเสมอภาคเขี้ยว กับสรรพยาทั้งนั้นให้แห้ง
เอามาบดพอกบ้างทาบ้าง แก้ลมบวมลมเมื่อยลมเหน็บชาลมแสบเสียวตามเส้นหายแล
ยาชื่อพระแสงจักร ให้เอาพริกล่อน ๑ สหัศคุณ ๑ เปล้าน้อย ๑ เบญจกูล ๑ ขิง ๑
เทียนทั้ง๕ ตรีผลา ๑ ไพล ๑ ดองดึง ๑ สมุลแว้งเท่ายา เจตมูลกึ่งยา สารส้มเท่ายา
บดพอกลมจับแต่แม่เท้าจนสีสะ แก้ลมกลิ้งในท้องลมมือตายเท้าตาย ๑ ลมจับเท้าเย็น ๑
อันมีพิษในกายหาย
ยาแก้ลมกล่อน อัณฑะเจ็บเมื่อยตายไปข้างหนึ่งทั้งกายก็ดีเอายาเข้าเย็น ๑
โพกพาย ๑ พรมคตตีนเต่า ๑ หางนกกะลิง ๑ กำลังวัวเถลิง ๑ หนวดนาคราช ๑
เอาเท่ากันต้มทา กล่อนลม หายแล
ขนาน หนึ่งเอา ผลผักคราด ๑ ผลชีล้อม ๑
เปล้าทั้ง ๒ จุกโรหินี ๑ ผลมะตูมอ่อน ๑ ผลแตงกวา ๑ กุ่มน้ำ ๑ บอระเพ็ด ๑ ตองแตก ๑
เอาเท่าๆ กัน ใบสลอดเท่ายา ตำผงละลายน้ำร้อน น้ำสุรา กินแก้ลมทั้งหลาย ลมขัดตะโพก
ลมพรรดึก ลมปวดท้อง ลมจุกอกลมขัดข้อ ลมดังกล่าวมาแต่ต้นนั้นก็หาย
ลม
จำพวกหนึ่งพัดในลำไส้ ให้เปนลูกกลิ้งขึ้นกลิ้งลงอยู่ในท้องให้จุกอก
เสียดแทงตามชายโครง ทั่วสารพางค์กายแลเสียดหัวใจ ท่านให้เอาเทียนดำ ๑ บาท สารส้ม ๑
บาท ขิง ๑ บาท กะเทียม ๑ บาท พริกล่อน ๑ บาท ดองดึง ๑ บาท กะลำพัก ๒ สลึง ขอนดอก ๒
สลึง ดีปลีเท่ายา ตำผงละลายสุรากินแล
หนึ่ง คู่กัน พริกไทย ๒ สลึง เกลือสินเธาว์ ๒
สลึง ดีปลี ๒ สลึง เบญจกูลสิ่งละ ๒ สลึง กะเทียมเท่ายา ตำผงละลายน้ำร้อนน้ำผึ้ง
แก้ลมกลิ้งขึ้นกลิ้งลงหายแล
ลมจำพวกหนึ่ง เข้าในไส้ใหญ่ไส้น้อย
มันให้ชักมือชักเท้าแข็งงอ จะเปิบเข้าก็มิได้ จะจับสิ่งอันใดๆ ก็มิได้
สมมุติเรียกว่าลมตะคริว เอาน้ำมันหมู ๑ บาท หัวดองดึง ๑ บาท พริกไทย ๒๐ บาท
ใส่หม้อฝังไว้ใต้ดิน ๓ วัน แล้วเอาขึ้นหุงให้คงแต่น้ำมัน จึงเอาการะบูร ๑ พิมเสน ๑
กระวาน ๑ กานพลู ๑ น้ำมันงูเหลือม ๑ ใส่ลงทาผึ่งแดดสำหรับรมเท้าตายหายแล
ขนานหนึ่งเอา เจตมูลทั้ง ๒
หัวกะดาดทั้ง ๒ หัวอุตพิด ๑ หัวกลอย ๑ พิลังกาสา ๑ สหัศคุณ ๑ ผักคราด ๑
เปลือกมูกมัน ๑ เข้ากับแก้ ๑ กะเทียม ๑ ช้าพลู ๑ ผลจันทน์ ๑ พริกไทยเท่ายาทั้งหลาย
บดคุลีการด้วยกันละลายน้ำผึ้งกินเท่าผลพุดทรา แก้ลมสารพัดทุกลม ทั้งริสดวง มงคร่อ หืด
ไอหายแล
ขนานหนึ่งชื่อประสรรณี แก้ลมบาทาทึก
อันให้สลบทั้งลงทั้งอาเจียร มิรู้ว่าสันนิบาตสองคลอง ให้มือเขียว ให้เท้าเขียว
ให้ชัก มิรู้ว่าป่วงให้ลงกำหนด ๓ วัน เอาพิศนาด ๑ ระย่อม ๑ ไคร้เครือ ๑
เนระภูษีทั้ง ๒ เบญจกานี ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ ว่านนางคำ ๑ กฤษณา ๑
กะลำภัก ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ ตุกต่ำ ๑ ดินถนำ ๑ น้ำประสารทอง ๑ ชาตจอแส ๑
สุพรรณถันเหลือง ๑ สุพรรณถันแดง ๑ ชาตก้อน ๑ ชาตหระคุณ ๑ สน ๑ สัก ๑ กรักขี ๑
มหาสดำ ๑ เทพธาโร ๑ จันทน์ทั้ง ๒ พริกหอม ๑ พริกหาง ๑ พริกล่อน ๑ พิกุล ๑ บุนนาก ๑
สาระภี ๑ มะลิ ๑ จำปา ๑ สังกะระนี ๑ สรรพโกฐ ๑ สรรพเทียน ๑ หิงทอง ๑ ยาดำ ๑
เบญจกูล ๑ ตรีผลา ๑ ผลผักชีล้อม ๑ ผักชีลา ๑ โหระพา ๑ กะเทียม ๑ ดองดึง ๑
เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง ชะมด ๑ พิมเสน ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง เปล้าน้อย
๒ สลึง ใบสลอด ๕ ตำลึง สหัศคุณ ๒ ตำลึง ใบมะตูมเท่ายา บดปั้นแท่งเท่าผลมะแว้งละลายน้ำผึ้ง
แก้ลมอาการดังกล่าวมาก็หาย แลลมหทัยวาตก็หายสิ้นแล
ขนานหนึ่งชื่อประสะการะบูร
แก้สรรพลมใหญ่ทั้งหลายแล ผายธาตุ เอาผลจันทน์ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ สะค้าน ๑ เปราะหอม ๑
เทียนขาว ๑ เทียนเยาวภานี ๑ ตรีกฎุก ๑ ตรีผลา ๑ ไพล ๑ ใบคนทิสอ ๑ หัวแห้วหมู ๑
ผิวมะกรูด ๑ สิ่งละเสมอภาค การะบูรเท่ายา ตำผงละลายน้ำร้อนกินเท่าผลพุดทรา
แก้ลมใหญ่ลมน้อยทั้งปวงหายแล
ยาตัดรากลมทั้งปวง เอาคราบงูมาเผาไฟให้ไหม้ แล้วใส่ลงในน้ำมันดิบ
ทาก็ได้กินก็ได้หายแล
ลมจำพวกหนึ่งสมมุติว่าลมพานไส้ ให้
อาเจียรให้จุกอก ถ้าเป็นไปถึงกำหนด ๗ เดือน มักเป็นตัวเสียดอยู่สีโครงซ้าย
ให้ผอมเหลืองพอใจอยากของสดของคาว ครั้นถึง ๓ ปีจะตาย ถ้าจะแก้เอาน้ำมะงั่ว, น้ำสุรา, น้ำมะนาว,
น้ำข่า, น้ำน้ำเต้าขม เอาสิ่งละจอกเคี้ยวให้เป็นยางมะตูมกินหาย
ยาแก้ลมอำมพฤกลมอำมพาธ ให้ มือให้เท้าตาย เอาน้ำมะนาว เอาน้ำมะงั่ว เอาน้ำมะกรูด
เปลือกทองหลางใบมน ๑ ไพล ๑ ข่า ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ กุ่มทั้ง ๒ กะเทียม ๑ รากเจตมูล ๑
พริกไทย ๑ ผักเสี้ยนผี ๑ เกลือ ๑ การะบูร ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ เอาเท่าๆ
กันตำผงน้ำกระสายตามควร
ขนานหนึ่งแก้ลมออกตามหูตามตา เอาทลายหมากที่เป็นเขาควาย ๒ สลึง บอระเพ็ด ๒ สลึง ผักแพวแดง
๒ สลึง ดีปลี ๒ สลึง แห้วหมู ๒ บาท ใบสลอด ๒ บาท ใบมะตูม ๒ บาท กรุงเขมา ๒ สลึง
ยาทั้งนี้ตำผงละลายน้ำผึ้งกิน จำเพาะแก้ลมออกหูออกตาหายแล
ลมอันหนึ่งชื่อลมสูบพิษขึ้นในลำไส้
ให้เวียนหัวให้อาเจียรให้จุกอก ให้ปากหวานแลเปรี้ยว ถ้าเป็นแก่บุคคลผู้ใด
ครั้นแก่เข้ากลายเปนตัว เข้าเสียดโครงข้างซ้าย ครั้นแก่หนักเข้าให้ผอมเหลือง
ถ้าจะแก้ให้เอาหญ้าปากควายตำบิดน้ำจอก ๑ น้ำบวบขมจอก ๑ น้ำมะกรูดจอก ๑
เขี้ยวให้เปนยางมะตูม เอาฝิ่น ๑ สลึง มหาหิงคุ์ ๑ บาท คุลีการด้วยกันกินหายแล
ลมอันหนึ่งชื่อลมตุลาราก
บังเกิดแต่ฅอหอยให้เหม็นคาว ฅอเฝ้าถ่มแต่เขฬะบ่อยๆ จะหายใจก็ขัดอก
ถ้าเกิดแก่บุคคลผู้ใดได้ ๕ เดือน เสียจักษุจึงหาย ถ้าจะแก้เอาหน่อไม้ตาตับเต่า ๑
ฝ้ายแดง ๑ กานพลู ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ ดีปลี ๑ ตำผงละลายน้ำผึ้งกินหายแล
ยาแก้ลมกระไษยลมพานไส้ เอาแก่นสน ๑ แก่นคูน ๑ แก่นมูลเหล็ก ๑ แก่นมะหาด ๑
เชือกเขาหนัง ๑ ยาทั้งนี้สิ่งละเท่าๆ กัน ดองด้วยสุราไว้ ๗ วันกินหายแล
ลมกระไษยจำพวกหนึ่งให้จุกอก แล้วมักกลายเป็นบิดให้เกิดโลหิตแลเสมหะ
ในลำไส้นั้นร้อนประดุจดังใจจะขาด ถ้าจะแก้เอามะกรูด ๑ มะนาว ๑ ส้มป่อย ๑ กำแพงทลาย
๑ หญ้าเกล็ดหอย ๑ ใบหนาด ๑ ข่อยหยอง ๑ ไคร้น้ำ ๑ มูตรโค ๑ ผลมะเกลือ ๑ ขมิ้นอ้อย ๑
หัวบุก ๑ หัวกลอย ๑ เอาเสมอภาค น้ำมันงา ๑ ทนาน ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑
กานพลู ๑ ดีปลี ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ ปรุงหุงให้คงแต่น้ำมัน ทั้งกินทั้งทาแก้ลมกระไษยจุกอกแลเสียด
ลมกระไษยจำพวกหนึ่งให้ร้อนอก เกิดเพราะเสมหะ ถ้าจะแก้เอาเปลือกถั่วเขียว ๑ ผลพิลังกาสา ๑
ส้มกุ้ง ๑ มะรุม ๑ เอาเสมอภาค เผาไฟละลายน้ำสุรารับประทาน
ยาแก้ลมปะกัง เอาพริกไทย ๒ สลึง ขิงสด ๑ บาท ผิวมะกรูดสด ๖ สลึง หญ้าแพรก ๓
บาท สารส้ม ๘ บาท ตำพอกแก้ลมปะกังแลลมเข้าข้อ
ยานัดถุ์ลมปะกัง เอามะกรูดยอด ๑ มะนาวยอด ๑ ขิง ๑ พริกไทย ๑ หญ้าแพรก ๑
ตำเปนน้ำนัดถุ์
พระตำราหลวงเปนยาสุม เอาขิงสด ๑ พลูแก ๑ ผักเสี้ยนผี ๑ กำยาน ๑ อบเชย ๑
สุมแก้ปวดศีรษะ
ยาแก้ลมปะกัง เอาดินรังหมาร่า ๑ หญ้ารังกา ๑ ผักเสี้ยนทั้ง ๒
มูลนกพิราบขั้ว ๑ พริกไทยล่อน ๑ ขิง ๑ เอาเสมอภาค ตำพอกแก้ลมปะกัง
ขนานหนึ่งชื่อหงษ์ทอง เอาสังข์ ๑
เบี้ยผู้เผา ๑ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ ผิวมะกรูด ๑ ส้มกุ้ง ๑ กะเทียม ๑ ไพล ๑
เทียนทั้ง ๕ เกสรสาระพี ๑ พิกุล ๑ บุนนาก ๑ บัวหลวง ๑ จันทน์ทั้ง ๒ กานพลู ๑
หัวหอม ๑ อบเชยเทศ ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐก้านพร้าว ๑ เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง โกฐบัว ๒ สลึง
โกฐกระดูกสลึงเฟื้อง โกฐน้ำเต้า ๓ สลึง โกฐเชียง ๒ สลึงเฟื้อง โกฐกัดกรา ๓ สลึง
โกฐจุลาลำภาสลึงเฟื้อง โกฐสอ ๗ สลึง ชะเอมเทศ ๕ บาทสลึงเฟื้อง ทองคำเปลว ๕ แผ่น ทำผงนัดถุ์แก้ลม
๑๐๐ จำพวก
ขนานหนึ่งแก้สลบแก้ชัก เอาเชือกเถามวกทั้ง ๒ รากฟักเข้า ๑ รากครอบจักรวาฬ ๑
จันทน์ทั้ง ๒ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กะลำภัก ๑ ชะเอมเทศ ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ กฤษณา
๑ สรรพเกสร ๑ สรรพโกฐ ๑ สรรพเทียน ๑ เปราะหอม ๑ เอาเสมอภาค ใบกระวานเท่ายาทั้งหลาย
บดทำแท่งเท่าผลมะแว้ง กินมื้อละ ๕ เม็ด แก้ลมสันนิบาตแลลมทั้งปวง
ยาสุมลมกำเดาขึ้นให้วิงเวียน ให้จักษุลายจักษุมืด จักษุฝ้าแลขาว ให้สีสะหนักซุนแลเจ็บจักษุ
โทษลมระคนกำเดา ถ้าจะแก้เอามะกรูด ๓ ผล ไพล ๑ บาท ต้มให้สุก ดินประสิว ๑ บาท
หัวหอมโทน ๔ บาท ตำเคล้าส้มมะขามเปียกบดพอกหาย
ขนาน หนึ่งคู่กัน เอาใบละหุ่งแดง ๑
ใบลำโพงกาสลัก ๑ มะกรูด ๑ ผล ดองดึง ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท
ต้มด้วยน้ำส้มมะขามเปียก
แซกดินประสิวเขี้ยวให้งวดเอาหัวหอมกึ่งยาไพลเท่ายาทั้งหลายบดสุม
ลมหนึ่งผูกธาตุให้เปนพรรดึก ครั้นนานไปก็กลายเปนเสมหะกลัด เข้า ให้ผอมแห้งกายเหลือง
ครั้นนานต่อไปอีกก็กลายเปนหอบ เป็นไอ กินเข้ากินนมมิได้ อาโปธาตุเปนกำลังให้บวม
แพทย์มิรู้ว่าเป็นริศดวง ถ้าจะแก้ให้เอาน้ำบวบขม ๑ น้ำมะขามเปียก ๑
น้ำเถาวัลเปรียง ๑ น้ำหญ้าไทร ๑ เอาเสมอภาค กานพลู ๑ มหาหิงคุ์ ๑ เทียนทั้ง ๕
สหัศคุณ ๑ รากส้มกุ้งทั้ง ๒ เบญจกูล ๑ ฝักส้มป่อย ๑ ตรีผลา ๑ ตำผงใส่ในน้ำยากวนพอปั้นได้
รับประทานเท่าผลพุดทรา
ภาค หนึ่งเอา เบญจกูล ๑ เถาวัลเปรียง ๑
ตรีผลา ๑ กระเทียม ๑ ใบมัดกา ๑ น้ำอ้อย ๓ งบ ข่า ๗ ท่อน ใบสลอดเท่ายา
ต้มด้วยน้ำท่าครึ่งหนึ่ง น้ำมะพร้าวนาฬิเกครึ่งหนึ่งรับประทาน
พระตำราหลวงแก้ปวดมวนสวิงสวาย เอาเบญจกูลสิ่งละ ๑ สลึง โกฐก้านพร้าว ๑ สลึง
เปลือกกุ่มสิ่งละ ๑ สลึง โกฐพุงปลา ๒ สลึง ดอกบุนนาก ๒ สลึง ดอกลำดวน ๒ สลึง
โกฐเชียง ๒ สลึง เทียนทั้ง ๕ สิ่งละ ๒ สลึง การะบูร ๑ เฟื้อง ตำผงละลายน้ำผึ้ง
น้ำร้อนน้ำส้มซ่าก็ได้ รับประทานทวีตามกำลังวัน
พระตำราหลวงแก้โลหิตแห้งให้ร้อนให้เย็น เอาขมิ้นอ้อย ๑ ไคร้เครือ ๑ ว่านน้ำ ๑ โกฐสอ ๑ เปราะหอม ๑
ดีปลี ๑ เทียนขาว ๑ ขิงแห้ง ๑ อบเชย ๑ ตำผงละลายน้ำผึ้งรับประทาน
พระตำราหลวงชื่อปฐมสักรัง บำรุงโลหิต เอาเทียนทั้ง ๕ กานพลู ๑ แห้วหมู ๑ ใบกระวาน ๑
ผลเอ็น ๑ กระเช้าผีมด ๑ โกฐสอ ๑ แฝกหอม ๒ เกสรบัวหลวง ๑ เกสรสัตบุศย์ ๑ เกสรจงกลนี
๑ เกสรสัตบงกช ๑ เกสรบุนนาก ๑ จันทน์ทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ขอนดอก ๑
ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง ผลจันทน์ ๑ ตรีกฎุก ๑ เจตมูลเพลิง ๑ สะค้าน ๑ เอาสิ่งละ
๑ สลึง ทำผงรับประทานแซกน้ำตาลกรวด น้ำตาลทราย น้ำส้มซ่าก็ได้ แก้ริศดวงแห้ง
แก้หอบพักบำรุงโลหิตแลเจริญอาหาร
พระตำราหลวงฉบับหนึ่งชื่อมหาสมมิทธิ์ เอาเกสรสัตบงกช ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกสัตบุศย์ ๑ ดอกสันตวา ๑
เกสรปาริกชาต ๑ ดอกบัวขม ๑ ดอกบัวเผื่อน ๑ ดอกจงกลนี ๑ โกฐสอ ๑ โกฐหัวบัว ๑
โกฐเชียง ๑ กฤษณา ๑ จันทน์ขาว ๑ ชะมด ๑ ภิมเสน ๑ สรรพยาทั้งนี้เอาเสมอภาค
ทำผงบดด้วยน้ำดอกไม้ รับประทานก็ได้ชะโลมก็ได้
พระตำราหลวงเป็นยาดมขนานหนึ่ง เอาไพล ๑ ผิวมะกรูด ๑ ข่าทั้ง ๒ สิ่งละน้อยๆ
แซกยานัตถุ์พิมเสนดม
พระตำราหลวงเป็นยานัดถุ์ขนานหนึ่ง เอาน้ำประสารทอง ๑ โกฐสอ ๑ โกฐเชียง ๑ โกฐพุงปลา ๑ กานพลู ๑
เบี้ยผู้เผา ๑ ชาตหอระคุณ ๑ เปลือกสมุลแว้ง ๑ เกสรบุนนาก ๑ อบเชย ๑
สรรพยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง ตรีกฎุก ๒ สลึง ชะมดพิมเสนพอควร ทำระแนง
ผงห่อผ้าบางๆ รมก็ได้ แก้ปวดสีสะ แก้ไข้สันนิบาต แก้พิษในสีสะเพื่อโลหิตพิการ
แก้ลมวิงเวียน แก้ริศดวงในลำฅอก็ได้
ยานัดถุชื่อธนูกากะ ขนานนี้ เอาตรีกฎุกสิ่งละเฟื้อง กฤษณา ๑ แก่นจันทน์เทศ ๑
ขอนดอก ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ ผลเอ็น ๑ กะลำภัก ๑ น้ำประสารทองเทศสตุ ๑ ลิ้นทะเล ๑
เกลือกะตัง ๑ แก้วแกลบ ๑ ศิลายอน ๑ สดือลูกอ่อน ๑ มหาหิงคุ์ ๑ การะบูร ๑ เทียนดำ ๑
สรรพยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง ทำเปนจุณนัดถุ
ยาแก้ลักปิดลักเปิด เอาผ้าดำมะเกลือชุบลงในน้ำผลพลับตากให้แห้ง
แล้วเผาไฟใฟ้ไหม้รับประทาน
ยาต้มแก้ฝีเกล็ดแรด ขนานนี้ เอาตะขบทั้ง ๕ เหล็กตะปูตรึงโลง ๕ ตัวต้มกิน
เมื่อจะรับประทานนั้นเอา ปรอท ๑ สลึง ระคนลงด้วย รับประทานให้ได้ ๗ ครั้ง ฝีเกล็ดแรดมิไดเปนเลย
ยาทาแก้ฟันแลเหงือกเปนบุพโพโลหิต เอาเบี้ยจั่น ๓ เบี้ย หางปลาแห้งเผา ๓ หาง น้ำประสารทองสตุ ๑
เฟื้อง บดกับน้ำมันงาดิบทาตามรายฟัน
จะ ว่าด้วยโรคสำหรับบุรุษหรือสัตรีก็เหมือนกัน แต่จะว่าด้วยบุรุษนั้นก่อน ถ้าผู้ใดเป็นโทษสัณฑฆาฏ แลกล่อนแห้งมักให้ผูกพรรดึกแลลมเสียดแทง ให้เปนลูกเป็นก้อนเปนดานในท้อง ให้เมื่อยขบทั่วสารพางค์ มักให้เจ็บบั้นเอว ให้มือเท้าตายเปนเหน็บชา มักขัดหัวเหน่าน่าตะโพก ตึงสองราวข้างไปจนตลอดทวารหนัก ปัสสาวะเปนโลหิต ให้ปวดสีสะวิงเวียนหน้าตา ปากเบี้ยวตาแหกเสียงแห้งเจรจาไม่ไคร่ได้ยิน จักษุมือหูหนัก แลจุกเสียดท้องขึ้นแน่นน่าอกเสพย์อาหารไม่มีรศ โรคทั้งนี้เปนเพื่อวาตะ, เสมหะ, โลหิต, กำเริบ เมื่อจะเป็นนั้นให้เหม็นเนื้อตัวแลอาหารถอย บางทีให้จับสบัดร้อนสท้านหนาว มักอยากของเปรี้ยวหวานแลเย็น เป็นทั้งนี้เพราะโลหิตแห้งติดกระดูกสันหลัง บุรุษแลสัตรีเป็นเหมือนกันจะแก้ท่านให้แต่งยานี้
จะ ว่าด้วยโรคสำหรับบุรุษหรือสัตรีก็เหมือนกัน แต่จะว่าด้วยบุรุษนั้นก่อน ถ้าผู้ใดเป็นโทษสัณฑฆาฏ แลกล่อนแห้งมักให้ผูกพรรดึกแลลมเสียดแทง ให้เปนลูกเป็นก้อนเปนดานในท้อง ให้เมื่อยขบทั่วสารพางค์ มักให้เจ็บบั้นเอว ให้มือเท้าตายเปนเหน็บชา มักขัดหัวเหน่าน่าตะโพก ตึงสองราวข้างไปจนตลอดทวารหนัก ปัสสาวะเปนโลหิต ให้ปวดสีสะวิงเวียนหน้าตา ปากเบี้ยวตาแหกเสียงแห้งเจรจาไม่ไคร่ได้ยิน จักษุมือหูหนัก แลจุกเสียดท้องขึ้นแน่นน่าอกเสพย์อาหารไม่มีรศ โรคทั้งนี้เปนเพื่อวาตะ, เสมหะ, โลหิต, กำเริบ เมื่อจะเป็นนั้นให้เหม็นเนื้อตัวแลอาหารถอย บางทีให้จับสบัดร้อนสท้านหนาว มักอยากของเปรี้ยวหวานแลเย็น เป็นทั้งนี้เพราะโลหิตแห้งติดกระดูกสันหลัง บุรุษแลสัตรีเป็นเหมือนกันจะแก้ท่านให้แต่งยานี้
ยาแก้โรคสำหรับบุรุษ ขนานนี้ เอาเถาสะค้าน ๑ ผักแพวแดง ๑ หัวดองดึง ๑ ว่านน้ำ ๑
มหาหิงคุ์ ๑ เนื้อในฝักราชพฤษ ๑ โกฐสอ ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ กันชา ๑
หัวอุตพิด ๑ ชะเอมเทศ ๑ ดีปลี ๑ แก่นแสมทะเล ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค พริกไทยกึ่งยา
แต่ว่าผ่อนตามกำลัง ทำผงแล้วเอาน้ำใบกะเม็ง ๑ น้ำผลประคำดีควาย ๑
เอาเท่ากันเคล้ายาให้ได้ ๗ ครั้ง ผึ่งให้แห้งแล้วบดกับน้ำผึ้งรับประทานหนัก ๑ สลึง
แก้โรคดังกล่าวมาแล้วแต่หลัง
ขนาน หนึ่ง เอาเปลือกมูลเหล็ก ๑ สลึง
รากส้มกุ้งทั้ง ๒ ราก โคกกระออม ๑ รากช้าพลู ๑ รากผักเสี้ยนทั้ง ๒ รากทรงบาดาน ๑
แก่นแสมทั้ง ๒ แก่นมะเกลือ ๑ รากเจตมูลเพลิงแดง ๑ แก่นมะหาด ๑ จุกกะเทียม ๑ กรักชี
๑ มหาหิงคุ์ ๑ การะบูร ๑ ผลจันทน์ ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑ บาท พริกไทย ๑๐ สลึง
ดีปลี ๑๐ สลึงเฟื้อง กะเทียม ๑๐ สลึงเฟื้อง ทำผงแล้วจึงเอาเถาวัลเปรียงสดมาทุบบีบเอาน้ำคลุกกับยาผงให้แห้ง
๗ ครั้ง แล้วจึงบดด้วยน้ำผึ้ง รำหัดเกลือสินเธาว์
รับประทานแก้โรคดังกล่าวมาแล้วนั้น
ยาบำรุงโลหิต เอารากเจตมูลเพลิง ๑ รากช้าพลู ๑ สะค้าน ๑ รากดีปลี ๑ ขิง ๑
โกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ผลสมอทั้ง ๓
ชะลูด ๑ อบเชย ๑ จันทน์ทั้ง ๒ สน ๑ กรักขี ๑ เปล้าทั้ง ๒ แก่นแสมทั้ง ๒ กฤษณา ๑
กะลำภัก ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง ขมิ้นเครือ ๑ เถามวก ๑ กำลังวัวเถลิง ๑
เกสรพิกุล ๑ เกสรบุนนาก ๑ เกสรสารภี ๑ เกสรบัวหลวง ๑ ดอกข่า ๑ ครั่ง ๑ ฝางเสน ๑
เอาสิ่งละ ๑ บาท ต้มรับประทาน
ยาต้มแก้สันนิบาตโลหิต ให้เจ็บให้ไอให้เสียงแหบ แลเป็นเม็ดดังเม็ดทราย
แต่ลำฅอลงไปจนถึงช่องอุจจาระปัสสาวะให้คันระคายบางทีให้ลงบางทีให้ผูก
ให้ฟกบวมทั่วสารพางค์กาย ถ้าแลเส้นประธานทับจักรแล้วแก้ไม่ได้
ถ้าห่างจักรอยู่ถึงจะหอบไอเสียงแห้ง ฟกบวม แลสันนิบาต ๗ จำพวก แก้ลมอุทธังคมาวาต
แลลมอโธคมาวาตก็ดี ยานั้นคุลีการ เป็นยาดับพิษลมพิษเสมหะอันร้อน
นอนมิหลับบริโภคอาหารมิได้ ให้แต่งยาต้มรับประทานเวลาเช้า เอาหีบลม ๑
หนังหมูเถื่อน ๑ รากเจ็ตมูลเพลิงแดง ๑ รากช้าพลู ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท ข่า ๕ บาท ดอกคำ
๑๐ สลึง เทียนดำ ๒ บาท ผลกระดอม ๑ ก้านสะเดา ๑ ผลสมอเทศ ๑ ผลสมอไทย ๑ ผลสมอพิเภก ๑
ยาเข้าเย็นเหนือ ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท ดอกบัวแดง ๑ ดอกบัวขาว ๑ ดอกบัวขม ๑
ดอกบัวเผื่อน ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาก ๑ ดอกสารภี ๑ เอาสิ่งละ ๖ สลึง
ต้มด้วยน้ำเถาวัลเปรียงแซกดีเกลือตามกำลังวัน รับประทานชำระเม็ดยอดตกสิ้น
แล้วจึงประกอบยามหาสมมิทใหญ่ แก้ไข้แก้ลมให้รับประทานเป็นคู่กับยาต้ม
ยามหาสมมิทใหญ่ เอาดอกบัวแดง ๑ ดอกบัวขาว ๑ ดอกลินจงขาว ๑ ดอกลินจงเขียว ๑
ดอกมลิลา ๑ ดอกมลิซ้อน ๑ ดอกจำปา ๑ ดอกกะดังงา ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค
๑ ดอกการะเกด ๑ ดอกลำเจียก ๑ ดอกมะกรูด ๑ ดอกมะนาว ๑ ดอกส้มโอ ๑ ดอกส้มซ่า ๑
ดอกสะเดา ๑ ดอกพยอม ๑ ดอกโยทะกา ๑ ดอกกุ่มน้ำ ๑ ดอกกุ่มบก ๑ ดอกมหาหง ๑ ดอกข่า ๑
จันทน์แดง ๑ จันทน์ขาว ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ใบพิมเสน ๑
อบเชยเทศ ๑ อบเชยไทย ๑ ชะลูด ๑ ชะเอมทั้ง ๒ รากระย่อม ๑ รากไคร้เครือ ๑ ค้อนกลอง ๑
ทองพันชั่ง ๑ พิศนาด ๑ กรุงเขมา ๑ เนระภูสี ๑ เบญจกานี ๑ เทียนทั้ง ๗ โกฐทั้ง ๑๑
กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ ชมดเชียง ๑ ชะมดสด ๑ พิมเสน ๑ อำพันทอง ๑ อำพันมูลปลา
๑ หญ้าฝรั่น ๑ รวมยา ๗๘ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดด้วยน้ำดอกไม้เทศ
ปั้นเป็นเม็ดเท่าเมล็ดพริกไทยผึ่งไว้ในร่มจนแห้ง น้ำกระสายยักใช้ตามควรกับโรค
แก้ลมจุกเสียด ลมแน่นในอกในท้อง ท้องรุ้งพุงมาร แลไส้เลื่อน แก้หืดแก้หอบแก้โลหิต
แก้เสมหะแก้ลมทั้ง ๑๐๘ จำพวก แก้ชักสดุ้งแก้จักษุมืด จักษุมัว แลหูหนักเสียงแห้งผอมเหลือง
แก้กาฬในอกแลลมอันมีพิษ แก้มะเร็งคุธราดแลลมกระไษยลมดานทคุณ
ลมชักปากเบี้ยวจักษุแหกมือตายเท้าตายแลเหน็บชา
ไอจามเมื่อยขากันไกรลิ้นกระด้างคางแข็ง ลมปัฏฆาฏราทยักษ์ แลลมกะทกทั่วสารพางค์กาย
ลมอาเจียรให้บวมมือบวมเท้า ลมอัศวาต ลมจับหัวใจให้คลั่งเพ้อไปต่างๆ ยานี้อาจบำรุงธาตุทั้ง
๔ ให้บริบูรณ์
ยาสมมิทน้อย แก้ไข้ดำแดงแลแก้กาฬภายใน
เข้าเกสรดอกไม้เหมือนกันกับมหาสมิทใหญ่ ยกออกเสียแต่เครื่องร้อนแลเทียนทั้ง ๕
กับดอกไม้ที่มีรศอันร้อนนั้นด้วย แลเอาโกฐหัวบัว ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐจุลาลำพา ๑
โกฐก้านพร้าว ๑ โกฐกระดูก ๑ คุคุ ๑ มหาสดำ ๑ แลเครื่องหอมรสเย็นหวานหอม
เอามาบดเป็นยาสมมิทแก้ไข้พิษ
ยาหอมสรรพคุณ เอาโกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ สมอทั้ง ๓ มะขามป้อม ๑ เบญจกูลทั้ง
๕ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ แห้วหมู ๑ เกสรบัวหลวงแดง ๑
เกสรบัวหลวงขาว ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาก ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกมลิทั้ง ๒ ดอกจำปา ๑
ดอกกะดังงา ๑ ดอกบัวเผื่อน ๑ ดอกบัวขม ๑ ดอกสามหาว ๑ ดอกละหุ่งแดง ๑
ดอกว่านหางช้าง ๑ ดอกสลิด ๑ กรุงเขมา ๑ ชะลูด ๑ อบเชย ๑ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ อำพัน ๑
ชะมด ๑ พิมเสน ๑ ดีงูเหลือม ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค บดด้วยน้ำมะนาว วันเดียวทำให้แล้ว
รับประทานแก้ลมจับลิ้นกระด้างคางแขง แก้พิษลมพิษไข้เพื่อโลหิตแลเสมหะ
แก้นอนมิหลับให้กระสับกระส่าย น้ำกระสายยักใช้ตามควรกับโรค
ขนานหนึ่งชื่อฝนแสนห่าสิงคาทิจร
แก้สันนิบาต ๗ จำพวก อันเปนเพื่อเสมหะโลหิต แลเพื่อรับประทานของคาว
เป็นเพื่อทำการหนักเพื่อสิงคาทิจร คือน้ำมูกตกลงมาแต่เบื้องบนอากาศธาตุ
จึงให้ไอเสียงแห้งให้หอบให้สอึก เอาเมล็ดพรรณผักกาด ๑ ผลผักชี ๑ ขิงฝอย ๑ ข่า ๑
กะทือ ๑ ไพล ๑ ใบคนทิสอ ๑ ใบหนาด ๑ ผลพิลังกาสา ๑ ดีปลี ๑ จันทน์ทั้ง ๒ เปล้าทั้ง
๒ เนระภูสี ๑ อบเชย ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ โกฐทั้ง ๕
เทียนทั้ง ๕ เนื้อในฝักราชพฤกษ์ ผลประคำดีควาย ๑ ผักโขมหิน ใบกะเพรา ๑
รากมูลกาทั้ง ๒ ผลกระดอม ๑ การะบูร ๑ พิมเสน ๑ สมอทั้ง ๒
ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณนัดถุ์ก็ได้ รับประทานแก้โลหิตละลายน้ำส้มป่อย แก้ป่วง
ละลายน้ำสุรา แก้ลมละลายน้ำอ้อยแดง แก้เสมหะละลายน้ำมะนาว
แก้สะอึกละลายน้ำขิงก็ได้น้ำส้มซ่าก็ได้ แก้จุกเสียดลมขึ้นตามเท้าละลายน้ำข่า
ยาแก้บวมทั่วสารพางค์กาย แก้ริศดวง ๙ ประการ ให้ไอนอนมิหลับ เอาหัวดองดึง ๑ หัวบุกรอ ๑
รากมะนาว ๑ ใบมะนาว ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท รากส้มกุ้ง ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน
๑ กานพลู ๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท ขิงแห้ง ๖ สลึง ดีปลีเท่ายาทั้งหลาย
ทำผงละลายสุรารับประทาน
สิทธิการิยะ ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาพยาธิใหญ่น้อยแลเกลื้อนกลาก
พรรในมะเร็งคุธราดก็ดี ท่านให้พิจารณาธาตุกำเนิดแลปีเดือนวันยามผู้ไข้นั้น
จะเป็นด้วยธาตุสิ่งอันใดให้โทษ จึงประกอบยาแก้ตามโทษนั้น
สิทธิการิยะ ยาประจุไข้ ๑๐ จำพวก แก้บวม ๑๐ จำพวก
แลเมื่อยขบเหน็บชาเปนตะคริวมือตายเท้าตาย เป็นป้างท้องรุ้งพุงมาร
จุกกระผามม้ามย้อย แลท้องขึ้นเปนลูกกลิ้งอยู่ในท้อง แลแม่พยาธิทั้งปวง เอาพริกไทย
๑ ขิงแห้ง ๑ ดีปลี ๑ แห้วหมู ๑ ผลพิลังกาสา ๑ ผลมะตูมอ่อน ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑
ส่วน รากเจตมูลเพลิง ๑ กรุงเขมา ๑ เถาสะค้าน ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๓ ส่วน บอระเพ็ด
๕ ส่วน รากมวกหลวง ๔ ส่วน ผลสลอด ๔ ส่วน ยา ๑๒
สิ่งนี้บดด้วยน้ำร้อนปั้นเม็ดเท่าเมล็ดพริกไทย รับประทาน ๑ เม็ด ลง ๑ ครั้ง รับประทานทวีตามกำลัง
ถ้ามิลงให้รับประทานน้ำร้อนจึงลง ถ้าลงหนักไปให้อาบน้ำทาแป้ง
รับประทานเข้าต้มจึงหยุด
ยาต้มแก้โรคเรื้อนกินกระดูกให้ขัดในข้อ เอากระดูกช้าง ๑ กระดูกแพะ ๑ กระดูกกระบือเผือก ๑
กระดูกสุนักข์ดำ ๑ เถาโคคลาน ๑ บ้าช้าหมอง ๑ หญ้าหนวดแมว ๑ ยาเข้าเย็นเหนือ ๑
ยาเข้าเย็นใต้ ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคดองสุราก็ได้ต้มก็ได้
รับประทานแก้พยาธิแลโรคเรื้อน
ยาเผาพยาธิใหญ่ เอารากเจตมูลเพลิงแดง ๑ ผลสลอด ๑ ปูนขาว ๑ ดินประสิวขาว ๑
เมล็ดในมะนาว ๑ หัวดองดึง ๑ จุณสี ๑ สารปากนก ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค
บดด้วยน้ำมะนาวทา เผาพยาธิใหญ่
น้ำมันใส่พยาธิ เอาเปลือกพิกุล ๑ เปลือกสมี ๑ เปลือกโพกพาย ๑ ผักบุ้งขัน ๑
หัวบุก ๑ หัวกลอย ๑ หัวกะดาดแดง ๑ หัวกะดาดขาว ๑ หัวอุตพิด ๑ เปลือกสะเดา ๑
เปลือกหว้า ๑ เปลือกเลี่ยน ๑ เปลือกกรวย ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละเสมอภาคตำบิดเอาน้ำ
แล้วจึงเอาน้ำมันดิบเท่ายาหุงให้คงแต่น้ำมัน แล้วเอายางตะเคียน ๑ ยาดำ ๑
สีเสียดไทย ๑ สีเสียดเทศ ๑ ปรุงลงทั้งกัดทั้งเรียกเนื้อ
ยา สูบแก้ริศดวงในฅออันงอกขึ้นมานั้น เอาหอระดาร ๑ ดีปลี ๑ พริกไทย ๑ ลำโพงกาสลัก ๑ หัวหอม ๑ มะเขือขื่น ๑ ตำเอาน้ำชุบกระดาษผึ่งแดดให้แห้ง ๓ หน มวนยาสูบ
ยา สูบแก้ริศดวงในฅออันงอกขึ้นมานั้น เอาหอระดาร ๑ ดีปลี ๑ พริกไทย ๑ ลำโพงกาสลัก ๑ หัวหอม ๑ มะเขือขื่น ๑ ตำเอาน้ำชุบกระดาษผึ่งแดดให้แห้ง ๓ หน มวนยาสูบ
(พระคัมภีร์ชวดารจบบริบูรณ์แต่เพียงนี้)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น