พระคัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๑
นมัสฺสิต๎วา จ เทวินฺทํ เทวราชสักฺกํ อิว
ชีวกโกมารภัจฺจํ โลกนาถํ ตถาคตํ
ปฐมจินฺตารคันฺถํ ภาสิสฺสํ ฉันฺทโสมุขํ
สํเขเป็น กิตฺตยิตํ ปุพฺเพ โลกาน นาถัตฺถันฺติ
พระคัมภีร์ปฐมจินดาผูก
๓ บริเฉท ๑ ว่าด้วยกุมารเกิดวันอาทิตย์เป็นลักษณะแห่งทรางเพลิงเจ้าเรือนทรางกรายเป็นทรางจร, หละชื่ออุไทยกาล
ลอองชื่อเปลวไฟฟ้า โดยสังเขป
จะกล่าวบัดนี้
ชีวกโกมารภัจก็เข้าสู่สำนักนิ์แห่งพระฤาษีสิทธิผู้มีนามชื่อว่า “นาไลยดาบศ” ก็
ไต่ถามซึ่งพยาธิทุกข์ มีประการต่างๆ
พระนาไลยดาบศเมื่อวิสัชนาซึ่งพยาธิทุกข์นั้นกล่าวแล้วด้วยประการดังนี้
อันว่ากุมารกุมารีก็ดีเกิดมาแล้วก็จะเป็นที่ตั้งแห่งพยาธิ ต่างๆ
ทรางเกิดแก่กุมารกุมารีนั้นมีลักษณะ ๓ ประการก็แจกออกเป็น ๑๔
ประการด้วยประการดังนี้ อันว่าลักษณะ ๓ ประการนั้นคือ ทรางกำเนิดจรแม่ซื้อ เป็น ๓
ประการดังนี้ที่แจกออกเป็น ๑๔ ประการ นั้นคือว่าทราง ๗ วันเป็นทรางกำเนิด
ทรางจรแซกอีก ๗ จำพวก เข้ากันเป็น ๑๔ จำพวกดังนี้
อันลักษณะแม่ซื้อนั้นเล่าคือแม่ซื้อกำเนิด ๗ จำพวกแม่ซื้อจรอิก ๒๔
จำพวกเข้ากันเป็น ๓๑ จำพวกด้วยกันดังนี้ลักษณะสะพั้นนั้นเล่า คือสะพั้นกำเนิดนั้น
๑๒ จำพวก สะพั้นจรราหู ๗ จำพวกเข้ากันเป็น ๑๙ จำพวกด้วยกันดังนี้
แลลักษณะโรคาพยาธิจะบังเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลายนั้นก็มีปรากฎอยู่ดุจดัง
กล่าวมานี้
อัน ว่าลักษณะกำเนิดทราง ซึ่งจะบังเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลายนั้น
ตั้งปฏิสนธิในครรภ์มารดาได้ ๓ เดือน ก็แตกออกเป็นปัญจสาขา แล้ว ทรางก็กระทำตั้งขึ้นด้วยยอด
๑ ตามลักษณะทรางกำเนิด ๗ วันนั้น ถ้าว่าตั้งข้างขึ้นตั้งเหนือสดือ
ถ้าตั้งข้างแรมตั้งใต้สดือ ถ้าเป็นหญิงตั้งข้างซ้าย ถ้าเป็นชายตั้งข้างขวา
จึงบังเกิดติดต่อกันมาจนกำหนดคลอด ถ้าจะตั้งทรางอันใดก็พึงให้พิเคราะห์ดู
เภทอาการแห่งมารดาซึ่งว่ามาแต่หลังนั้นเถิด
ลำดับ นี้พระอาจารย์เจ้า จะกล่าวในลักษณะกำเนิดทราง ๗ วัน
อันจะมาบังเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลายนั้น
ให้แพทย์พิเคราะห์ดูสำคัญประเภทแลอาการให้รู้แจ้ง ดุจไนยอันกล่าวไปข้างน่านั้นเถิด
บัดนี้จะกล่าวด้วยลักษณะกุมารกุมารีเกิดวันอาทิตย์
กำเนิดแห่งทรางเพลิงเป็นเจ้าเรือนแห่งกุมารผู้นั้นก่อนเป็นอาทิ (ลักษณะ
ทรางเพลิงนี้มีแจ้งอยู่ในน่า ๑๖๒ แห่งเล่มนี้แล้ว
แต่ต้นฉบับกล่าวซ้ำกันแลถ้อยคำต่างกันบ้างจึงได้คัดมาพิมพฺไว้อิก
แล้วแต่ผู้ศึกษาจะเลือกกำหนดเอาเถิด) อันว่าลักษณะทรางเพลิงนั้น มีแม่ ๔ ยอด
มีบริวาร ๔๐ ยอด เมื่อคลอดจากครรภ์มารดานั้น เขม่าขึ้นแต่ในเรือนเพลิง ครั้นได้ ๗
วันแล้วก็หายไป ด้วยแม่ทรางเพลิงจะมาบังเกิด ในฝ่าเท้าแห่งกุมารผู้นั้น
ถ้าเป็นชายแม่ทรางเพลิงขึ้นฝ่าเท้าขวา ๓ ยอด ซ้าย ๑ ยอด
ถ้าเป็นหญิงแม่ทรางเพลิงขึ้นฝ่าเท้าซ้าย ๓ ยอด ขวา ๑ ยอด แลบริวาร ๔๐
ยอดนั้นก็มาขึ้นหน้าแข้ง อยู่ข้างละ ๔๐ ยอด (น่าจะเป็นข้างละ ๒๐ ยอด)
ครั้นออกจากเรือนเพลิงได้ ๓ เดือนแล้ว
แม่ทรางที่ฝ่าเท้าก็เลื่อนขึ้นมาตั้งอยู่นาภียอด ๑ เมื่อได้ ๔
เดือนจึงกระทำให้หลังเท้าฟกขึ้นสักหน่อย
ให้เมื่อยข้อเท้ากินเข้าให้ระคายคอให้นอนนานตื่น ครั้นได้ ๖ เดือน แม่ทรางจึงขึ้นอิกยอด
๑ เป็น ๒ ยอดเข้ากันจึงเป็นเม็ดพรึง ขึ้นมาข้างนอกเนื้อ สีดุจผลหว้าห่ามอยู่ไปได้
๖, ๗, ๘, ๙,
๑๐ วันแล้วก็ดาด จมหายไป ครั้นได้ ๘ เดือนแม่ทรางขึ้นมาในนาภี
อิกยอด ๑ บรรจบกันเข้าเป็น ๓ ยอดบริวารขึ้นอยู่ที่ข้อเข่าตลอดถึงข้อเท้า ครั้นได้
๙ เดือนแม่ทรางก็เลื่อนขึ้นมานาภีอิกยอด ๑ เป็น ๔ ยอดด้วยกัน จึงบริวาร ๔๐
ยอดนั้นก็กระจายกันออกไปขึ้นกลางแข้งขาแลข้อเข่า
จึงตั้งยอดแดงดังผลมะไฟแล้วก็ดำด้วนลง ขอบแดงออกไปดังดุจเพลิงไหม้
แลหนังนั้นก็พองเลื่อนเข้าหากัน ด้วยว่าสุกออกพร้อมกัน
แล้วก็กระทำให้ปวดแต่เท้าตลอดถึงลำแข้ง ขา ตะโพก บั้นเอวก็ดี
ถ้าแลแพทย์เห็นดังนี้แล้วอย่าให้รักษาเลย ด้วยแม่ทราง ๔
ยอดในนาภีนั้นเปื่อยออกดังหัวบุก
แล้วก็เปื่อยออกมาลามลงถึงหัวเหน่าแลปากทวารหนักแลกระเพาะอาจม
แล้วก็ลามขึ้นมาถึงตับปอดแลไส้ใหญ่น้อยแล้วก็ลามไปรอบนาภี แล้วจึงกระทำให้ตกมูกเลือด
หนอง แล้วให้ลงเป็นน้ำส่าเหล้า น้ำล้างเนื้อ ไข่เน่า คาวปลาก็ดี
ด้วยแม่ทรางนั้นข้ามมาตามไส้แก่อ่อนแล้ว เข้าจับหัวตับปอดใจจึงสำแดงออกมาตามทวาร
จึงบริวารนั้นกระทำให้เจ็บแสบร้อนนักดุจไฟไหม้อันมีพิษ
เมื่อจะสำแดงความตายนั้นให้ฝ่ามือเท้าแดงดังหยาดโลหิต อันว่าลักษณะทรางเพลิงแลเมื่อกำเนิดพร้อมกันดังนั้นแล้วเมื่อใด
ท่านกำหนดไว้แต่ใน ๘, ๙, ๑๐, ๑๑, วัน กุมารผู้นั้นจะถึงแก่มรณะเป็นอันเที่ยง
อันว่าลักษณะทรางเพลิงนั้น ถึงว่าร้ายก็จริงอยู่ แต่ว่าทรางนั้นขึ้นทีละยอด
ถ้าแลทรางขึ้นที่ใดก็กระทำให้กุมารเจ็บที่นั้น ถ้าแพทย์ประกอบยาชอบที่ เข้า
ทรางนั้นก็เลือนหายไป อันลักษณะทรางเพลิงนี้กำหนดร้ายอยู่แต่ใน ๙ เดือน ถ้าพ้น ๙
เดือนไปแล้วจนถึงอายุได้ ๑๘ เดือนจะทำอิกครั้ง ๑
จะทำให้ลงท้องคือทรางยอดเอกที่เกิดยอด ๑
แต่ยังอยู่ในครรภ์มารดานั้นจะมาประจำที่ต้นลิ้นได้ชื่อว่าปฐมกัลป์ จะให้ลิ้นไก่นั้นพองขึ้นแล้วจะทำให้ไอเป็นทีหลัง
ถ้าแลใส่ยาชอบจะถอยลงจับเอาขอบตาจะพาให้ตับหย่อน
ถ้ากินถึงชายตับจะให้ตับพองขึ้นคับชายโครง ถ้าเป็นดังนี้ยากนัก
อนึ่งถึงพ้นกำหนดที่คาดแล้วก็ดี ให้เกรงทรางจรจะมาแซก
อันว่าลักษณะทรางจรนั้นที่ตายก็มีดุจเดียวกัน ถ้าจะแก้ให้เอายาขนานนี้แก้ก่อน
ยาแก้ทรางเพลิง ขนานนี้ท่านให้เอา หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ เนระภูสี ๑ เทียนดำ
๑ เทียนแดง ๑ ชะเอมทั้ง ๒ ใบมะกล่ำเครือ ๑ รวมยา ๗สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑
กินแก้ตัวร้อนแก้ตานทรางทั้งปวง ถ้าจะบดทำแท่งไว้ก็ได้
ละลายสุรากินแก้ตกมูกเลือดหายดีนัก
ยาแก้ทรางเพลิง ขนานนี้ท่านให้เอาหญ้าเกล็ดหอย ๑ ใบสันพร้าหอม ๑ ใบพุงดอ ๑
เชือกเขาไฟ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณ
เอาน้ำผลประคำดีควายต้มเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่ากิน
แซกดีงูเหลือมทั้งกินทาหายดีนัก
ถ้า มิฟัง ขนานนี้ท่านให้เอา ลิ้นทะเล ๑ ฆ้องสามย่าน ๑ ขมิ้นอ้อย ๑
เข้าสารข้างครก ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดชะโลม แก้พิษทรางเพลิงหายดีนัก
ถ้า มิฟังขนานนี้ท่านให้เอาใบน้ำเต้า ๑ ใบระงับพิษ ๑ ใบกะทุงหมาบ้า ๑
ใบสวาด ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบเสนียด ๑ ใบมะเฟือง ๑ ผลกราย ๑ ผลพิลังกาสา ๑ ผลจันทนฺ ๑
ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนแดง ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๑๔
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่า
แซกน้ำประสานทองกินแก้สรรพพิษทั้งปวงดีนัก
( จบลักษณะทรางเพลิงแต่เท่านี้ )
สิทธิการิย ทีนี้จะกล่าวด้วยลักษณะทรางกราย ซึ่งเป็นทรางจรจะมาแซกทรางเพลิงเจ้าเรือน กับทั้งลักษณะหละอันชื่อว่าหละอุไทยกาลประจำวัน ลอองพระบาทอันชื่อว่าละอองเปลวไฟฟ้านั้น อันว่าประเภทหละอุไทยกาลนั้น แจ้งอยู่ในบริเฉท ๓ ลักษณะทรางแดงนั้นแล้ว ประเภทลอองเปลวไฟฟ้านั้น ก็แจ้งอยู่ในลักษณะทรางโจรบริเฉท ๗ โน้นแล้ว แต่ลักษณะทรางเพลิง บริเฉท ๑ บัดนี้จะกล่าวแต่ลักษณะทรางทรายซึ่งเป็นทรางจรนั้นต่อไป ในเมื่อทรางจรแลหละลอองทั้ง ๓ ประการนี้ เมื่อจะบังเกิดขึ้นแซงทรางเพลิงเจ้าเรือนนั้น บางทีต่อสิ้นกำหนดทรางเพลิงเจ้าเรือน แลทรางจรแลหละลอองจึงทำ ต่อไป จนกำหนดอายุได้ ๑๒ ปี บางทียังมิสิ้นกำหนดทรางเพลิงเจ้าเรือนแลทรางจรแลหละลอองก็ดี ให้แพทย์พึงรู้ดุจดังมีไปข้างน่านั้น
อันลักษณะทรางกรายเป็นทรางจรมาแซกทรางประจำ
คือทรางเพลิงกำเนิดวันอาทิตย์นั้นว่า เมื่อมารดามีครรภ์ได้ ๘, ๙, ๑๐,
เดือน กุมารนั้นจึงคลอดจากครรภ์มารดา แลกุมารผู้นั้นเลี้ยงง่าย
เมื่ออยู่ในเรือนเพลิงเขม่าแต่ควรบังเกิด ครั้นได้ ๙ วัน ๑๐ วันก็จะจมหายไป
ครั้นได้ ๑๔, ๑๕, วัน
จึงตั้งทรางเพลิงเจ้าเรือนนั้นก่อน เมื่อสิ้นกำหนดทรางเพลิงเจ้าเรือนแล้ว
ทรางกรายจึงผุดขึ้นมาจากกระดูกสันหลังจึงตั้งทราง
อัน ว่าลักษณะทรางกรายนั้นมีแม่ ๔ ยอด ขึ้นอยู่หัวเหน่า ๒ ยอด
ขึ้นอยู่ในนาภี ๒ ยอดมีบริวาร ๔๐ ยอด ครั้นอายุได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือน
จึงทรางบริวารนั้นก็กระจายออกมานอกเนื้อ
เป็นดุจยอดผดแล้วจึงทำให้กุมารผู้นั้นบิดตัวนอนสดุ้งอยู่ประมาณ ๓ วัน
แล้วก็จมลงไปขึ้นจับในลำไส้แก่ ครั้นได้ ๓ เดือนแม่ทรางที่ขึ้นอยู่ในหัวเหน่านั้น
ก็เลื่อนขึ้นมาตั้งในนาภีอีกยอด ๑ เป็น ๓ ยอดด้วยกันทั้งเก่า ครั้นเมื่ออายุได้ ๘
เดือน แม่ทรางที่ตั้งขึ้นอยู่ในหัวเหน่านั้น ก็เลื่อนขึ้นมาตั้งในนาภีอีกยอด ๑
เป็น ๔ ยอดด้วยกัน ทั้งเก่านั้น ในเมื่อแม่ทรางทั้ง ๔ ยอด
ขึ้นมาประชุมพร้อมกันในนาภีแล้วเมื่อใดก็ทำให้ ตัวร้อนให้ลงให้ราก ให้ระหายน้ำ
ให้กินเข้านมมิได้ ครั้นอายุกุมารได้ขวบ ๑ กับ ๗, ๘, เดือน จึงบริวาร ๔๐
ยอดนั้นก็แบ่งกันมาขึ้นประจำอยู่หัวเหน่า ๑๐ ยอด ขึ้นประจำอยู่นาภี ๑๐ ยอด
ขึ้นประจำกระเพาะเข้า ๑๐ ยอด ขึ้นประจำอยู่ลิ้น ๑๐ ยอด เป็น ๔๐ ยอด ด้วยกันดังนี้
ถ้าแพทย์ผู้ใดแก้มิฟัง วางยามิถอย แลยานั้นมิชอบแก่โรคๆ นั้นแก่ขึ้น ครั้นอายุได้
๒ ขวบกับ ๓ เดือน จึงทำให้ตกมูกเลือดแล้วให้แปรเป็นไปต่างๆ
ถ้าแพทย์จะรักษาให้พิจารณาดูทรางจรนี้ให้แม่นแท้
ถ้าแลสิ้นกำหนดทรางเพลิงเจ้าเรือนแล้วรู้มิถึงก็จะว่าทรางอันอื่นแซกนั้นหา
มิได้เลยคือทรางกรายนี้เองจรแซกสำหรับ
ทรางเพลิงนั้นอันเกิดขึ้นในกระดูกสันหลังแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดานั้น
ให้แพทย์พึงสัญญารู้โดยสังเขปดังนี้
ยาแก้ทรางเพลิงเจ้าเรือน ทรางกรายเป็นทรางจรขนานนี้ ท่านให้เอารากรางแดง ๑ รากรางดำ ๑
เปลือกสมอพิเภก ๑ รากผักหวาน ๑ รากถั่วภู ๑ เปลือกประคำไก่ ๑ เปลือกมะม่วงคัน ๑
ผลมะแว้งทั้ง ๒ เปลือกมะเดื่อ ๑ เปลือกแคแดง ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาน้ำสิ่งละจอก
จึงเอาน้ำใส่ลงพอสมควรหุง ให้คงแต่น้ำมันแล้วจึงปรุงผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑
เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ ฟองไก่ ๓ ฟอง เอาแต่ฟองแดงรวมยา ๕ สิ่งนี้ปรุงลงในน้ำมัน
ให้กินตามกำลัง แก้ทรางเพลิงเจ้าเรือนทรางกรายเป็นทรางจรหายวิเศษนัก
ยาแก้ลงทรางเพลิงทรางกราย ขนานนี้ท่านให้เอารากก้างปลาแดง ๑ รากเล็บมือนาง ๑ รากชุมเห็ดเทศ ๑
รากชุมเห็ดไทย ๑ รากสลอดน้ำ ๑ รากตานดำ ๑ รากตานหม่อน ๑ เปลือกมะเดื่อ ๑
เปลือกแทงทวย ๑ เปลือกพุดทรา ๑ เปลือกกระทุ่มขี้หมู ๑ จันทนฺทั้ง ๒ ใบประคำไก่ ๑
ใบชิงช้าชาลี ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาค
ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่ากินแก้ทรางเพลิง
ทรางกรายทรางจรแลทรางอันกระทำให้ลงท้องนัก
ถ้ากินยาอันใดมิหยุดให้กินยาขนานนี้หยุดสิ้น เป็นมหาวิเศษนัก
พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้ว่า อย่าให้เสียยาอันชื่อว่าเบ็ญจตาน
ให้แก้ด้วยเบ็ญจตานด้วยเถิด
พระ อาจารย์กล่าวมาในลักษณะเกิดมาในวันอาทิตย์
เป็นกำเนิดแห่งทรางเพลิงเจ้าเรือน กระทำโทษ กำเนิดทรางกรายเป็นทรางจร มาแซก
กระทำโทษประจำทรางเพลิงเจ้าเรือน กำเนิดหละอันชื่อว่าหละอุไทยกาล กระทำโทษประจำทรางเพลิง
กำเนิดละอองอันชื่อว่าละอองเปลวไฟฟ้า กระทำโทษประจำทรางเพลิง
( จบบริบูรณ์ตามลักษณะโดยสังเขปดังนี้ )
พระ คัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๒ ว่าด้วยลักษณะกุมารเกิดวันจันทร์ เป็นลักษณะแห่งทรางน้ำ เป็นทรางเจ้าเรือน ทรางฝ้ายเป็นทรางจร หละแสงพระจันทร์ละอองแก้ววิเชียร โดยสังเขป
สิทธิการิยะ พระอาจารย์เจ้าจะกล่าวลักษณะกุมารกุมารีเกิดวันจันทร์นั้นต่อไป
กำเนิดแห่งทรางน้ำเป็นเจ้าเรือนแห่งกุมารกุมารีผู้นั้น
ให้แพทย์สำคัญพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
(ลักษณะ ทรางน้ำนี้ ต้นฉบับกล่าวซ้ำกัน ดังแจ้งอยู่ในน่า ๑๖๔ แห่งเล่มนี้ครั้ง
๑ แล้ว แต่เนื้อความต่างกันบ้างจึงได้คัดมาพิมพฺไว้อีก แล้วแต่จะกำหนดเอาเถิด)
อัน ว่าลักษณะทรางน้ำนั้นมีแม่ ๑๙ ยอด ในเมื่อครรภ์มารดาตั้งขึ้นได้
๓ เดือนนั้น มักให้มารดาปวดศีร์ษะแลเจ็บนมแลให้อยากของอันหวาน
แลให้เมื่อยแขนทั้งสองข้าง ให้หูหนักตาฟางมักให้เป็นลมมึนตึง
แลให้รากให้กระหายน้ำเป็นกำลังไป จนถึงกำหนดคลอด อันว่าแม่ทรางน้ำทั้ง ๑๙
ยอดนั้นมีสัณฐานยอดแต่ละยอดโตเท่าใบพุดทรา มีสีอันแดงดังผลผักปลังห่าม
ขึ้นที่ต้นแข้งขาแลกลางหลัง ขึ้นน่าแข้งแลแก้มทั้งสองข้าง
รายกันขึ้นละยอดจนอายุได้ ๒ ขวบกับ ๖ เดือน ย่อมแตกเป็นน้ำเหลืองเปื่อยไปรอบตัว
ครั้นแห้งลงก็หลบเข้าไปทำภายใน จึงกระทำให้หัวแลตัวร้อนแล้วก็ทำให้เจ็บท้อง
ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาให้แต่งยากระทุ้ง ให้กิน ให้ออก เสียให้สิ้นเชิงแล้ว
จึงวางยาทุเลา ให้กินไป ๔ เวลา ๕ เวลา จึงจะหายขาด อันลักษณะทรางน้ำนี้หาบริวารมิได้ท่านให้เกรงแต่ทรางจรกับทรางละออง
ถ้าผู้มาแขก นั้นร้ายอยู่แล้ว เจ้าเรือนก็พลอยฉิบหายด้วย ทรางจรนั้นคือทรางฝ้าย
จรสำหรับประจำทรางน้ำ หละชื่อแสงพระจันทร์ประจำทรางน้ำ
ละอองพระบาทชื่อละอองแก้ววิเชียรประจำทรางน้ำ อันว่าลักษณะ ๓ ประการนี้
ถ้าบังเกิดขึ้นแก่กุมารกุมารีผู้ใดก็ดุจราหูมาทับลักษณ์
( จบลักษณะทรางน้ำแต่เท่านี้ )
สิทธิการิยะ ทีนี้จะกล่าวลักษณะกำเนิดทรางฝ้าย ซึ่งเป็นทรางจรมาแซกประจำสำหรับทรางน้ำเจ้าเรือนนั้นต่อไป ให้แพทย์พึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะทรางฝ้ายนั้นหาเมล็ดยอดมิได้ จำเภาะขึ้นเพดาลุกะพุ้งแก้มไรฟัน
แลขึ้นลิ้นขาวดาษไปดังยวงฝ้าย มีใยดุจสีสำลีดีดแล้ว
จึงกระทำพิษให้ร้อนไปทั่วทั้งตัว ให้ปากนั้นร้อนให้ปากแห้งหาน้ำลายมิได้
แล้วให้หุบปากมิลงอ้าปากร้องอยู่ กินเข้ากินนมมิได้มักให้อาเจียรเป็นกำลัง
แล้วกระทำให้ลงท้องเหม็นดังไข่เน่า ถ้าแพทย์เห็นดังนี้แล้วให้พิจารณาดูให้แม่นแท้
คือทรางฝ้ายกระทำโทษดุจกล่าวมานี้
ยาแก้ทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบน้ำเต้า ๑ ขอบชะนางทั้งสอง ๑ ใบตานหม่อน ๑
ใบชุมเห็ด ๑ ใบระงับ ๑ ใบขี้กาแดง ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ หอมแดง ๑ พริกไทย ๑ กระเทียม ๑
ขิงแห้ง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้
กินแก้ทรางฝ้ายแลตานทรางทั้งปวง แลแก้ตกมูกตกเลือด ถ้าให้เหม็นโขง เน่าโขง
แซกยาดำลงกินหายดีนัก
ยาแก้ทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ ใบชุมเห็ด ๑ ใบสวาด ๑ ใบตานหม่อน ๑
ใบขอบชะนางทั้งสอง ๑ ใบผักคราด ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท กระทือหนักบาทเฟื้อง
ไพล ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ กระเทียม ๑ เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง รวมยา ๑๓
สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้ทรางฝ้ายแลทรางแดงทรางโจรทรางเพลิง
ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำใบตานหม่อนกิน ถ้าจะให้ผาย ละลายน้ำใบกระเพรากิน ถ้าจะแก้ท้องขึ้นละลายน้ำใบสวาดกิน
ถ้าทรางขึ้นลิ้นแซกน้ำประสานทองกวาด หายดีนัก
ยาชื่อเทพนิมิตร ขนานนี้ท่านให้เอา ใบสันพร้าหอม ๑ หมึกหอม ๑
ผลจันทนฺ ๑ ดีปลี ๑ กำมะถันแดง ๑ สานส้ม ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๘
สิ่นี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้แก้ทรางน้ำทรางฝ้าย แลทรางอันใดๆก็ดี
ซึ่งกระทำอกคอลิ้นนั้น ถ้าขึ้นลิ้นละลายน้ำมะนาวกวาดก็ได้กินก็ได้
ถ้าขึ้นในอกละลายสุรากิน ถ้าขึ้นคอแซกดีงูกวาดหายดีนัก
ยาทาปากแก้ทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอา ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ เปลือกมะรุม ๑
เปลือกทองหลางใบมน ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ สานส้ม ๑ หอม ๑ กำมะถันแดง ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง
กระเทียม ๑ ดีปลี ๑ เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง น้ำประสานทอง ๒ สลึง พริกไทย ๓ เมล็ด รวมยา
๑๒ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้แก้ทรางน้ำทรางฝ้าย
แลทรางทั้งปวงซึ่งขึ้นในอกแลลำไส้นั้น แก้ปวดแก้มวนแลตกมูกตกเลือด
แก้เขม่าขึ้นลิ้น แก้ทรางลามปาก ให้เปื่อยอุจจาระเหม็นเน่า
เอายานี้ฝนทาแซกหญ้ายองไฟ หน่อยหนึ่ง ฝนทาหายดีนักได้เชื่อ แล้วอย่าสนเท่ห์เลย
ยาชื่อมหาประการ ขนานนี้ท่านให้เอา สังกรณี ๑ ดีงูเหลือม ๑
ผลประคำดีควาย ๑ ตุมกาแดง ๑ ฤาษีผสมแล้ว ๑ ผลราชดัด ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๗
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำตุมกาแดงต้มเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้เท่าเมล็ดฝ้าย
แก้พิษทรางซึ่งกระทำให้อ้าปากมิออกนั้น เอายาขนานนี้กรอกเข้าไปเถิดหายดีนัก
ยาประจำท้องแก้ทรางฝ้ายแลทรางทั้งปวง ขนานนี้ท่านให้เอา พริกไทย ๑ ขิง ๑ ดีปลี ๑
กระเทียม ๑ สานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ เอาขมิ้นชันเท่ายาทั้งหลายรวมยา
๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำมะนาวเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวกินวิเศษนัก
ยาแก้ทรางน้ำทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ ใบตานหม่อน ๑ ใบฝ้ายแดง ๑
ใบกระพังโหม ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินหายวิเศษนัก
ยาน้ำมัน แก้ทรางน้ำซึ่งกระทำให้เปื่อยนั้น
ขนานนี้ท่านให้เอาน้ำเปลือกฝิ่นต้นจอก ๑ น้ำดีงูต้ม (ต้นฉบับว่าน้ำดีงูต้น) จอก ๑
น้ำรากถั่วภูจอก ๑ น้ำมันงาจอก ๑ หุงให้คงแต่น้ำมัน แล้วเอาผลเบ็ญกานี ๕ ผล
สีเสียดเทศ ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณปรุงลงในน้ำมัน
ทาทรางน้ำซึ่งเปื่อยทั้งตัวนั้น ถ้าจะกินแซกการะบูรหายดีนัก
ยาทาปากแก้ทรางน้ำทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอาการะบูร ๑ ใบมะไฟ ๑
น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ทาปาก
แก้ทรางน้ำหายดีนัก
พระ อาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้ว่า ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาทรางน้ำเจ้าเรือน
แลทรางฝ้ายเป็นทรางจรนั้น อย่าให้เสียยาชื่อว่าเบ็ญจตานแลประสระกระเพรานั้นเลย
จบลักษณะทรางฝ้ายซึ่งเป็นทรางจร
สำหรับประจำทรางน้ำนั้นแต่เพียงนี้โดยสังเขป
ลำดับนี้พระอาจารย์กล่าวด้วยลักษณะหละ อันชื่อว่าแสงพระจันทร์
ซึ่งประจำทรางน้ำเจ้าเรือนนั้นต่อไปดังนี้
อัน ว่าลักษณะหละแสงพระจันทร์นั้นไซ้
ใช่จะประจำอยู่แต่ทรางน้ำนั้นหามิได้ ขึ้นประจำอยู่ในทรางช้างเจ้าเรือนนั้นด้วย
ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยไนยดังนี้ อันลักษณะอาการแลประเภทหละแสงพระจันทร์
แจ้งอยู่ในลักษณะทรางบริเฉท ๖ โน้นแล้ว
ใน ลักษณะทรางน้ำบริเฉท ๒ นี้ พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้แต่สรรพยา
ซึ่งจะให้แก้หละแสงพระจันทร์นั้น ประจำสำหรับทรางน้ำเจ้าเรือนนั้นต่อไปดังนี้
ยากวาดแก้หละแสงพระจันทร์ ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนดำ ๑ สานส้ม ๑ ผลมะแว้งทั้ง ๒ ดีปลี ๑ รวมยา
๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณเอาน้ำสุราเป็นกระสาย
บดทำแท่งไว้กวาดหละแสงพระจันทร์หายดีนัก
ยาจุดหละแสงพระจันทร์ ขนานนี้ท่านให้เอาน้ำประสานทอง ๑ มูลตุกแก ๑ มูลแมลงสาบสิ่งละ ๒
กล่ำ เมล็ดในมะนาว ๗ เมล็ด รวมยา ๔ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสาย
บดทำแท่งแซกชะมดพิมเสน จุดหละแสงพระจันทร์หายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอาหัวสุนักข์ดำ ๑ กระดูกกา ๑ กระดูกแร้ง ๑
กระดูกงูเหลือม ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เผาไฟให้ไหม้ ลิ้นทะเล ๑ น้ำประสานทอง ๑ กานพลู ๑
พิมเสน ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาค เอารากดินเผาเท่ายา ทั้งหลาย
ทำเป็นจุณเอาสุราเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายสุราทาปาก แก้หละแสงพระจันทร์หายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ชาดหรคุณจีน ๑ มูลแมลงสาบ ๑ ลิ้นทะเล ๑
ฝักส้มป่อยขั้ว ๑ น้ำประสานทอง ๑ สานส้มสตุ ๑ จุณสีสตุ ๑ รวมยา ๗ สิ่งเอาเสมอภาค
ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเกลือทาปากแก้หละแสงพระจันทร์หายวิเศษนัก
ถ้ากุมารผู้ใดไม่ฟังยา ๔ ขนานนี้แล้ว อย่าให้รักษาทรางน้ำต่อไปเลย
( จบลักษณะหละแสงพระจันทร์แต่เท่านี้ )
ที นี้จะว่าด้วยละอองพระบาท อันชื่อว่าละอองแก้ววิเชียรนั้นต่อไป แลละอองจำพวกนี้บังเกิดเพื่อทรางน้ำ ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะละอองแก้ววิเชียรนั้น
ท่านให้พิจารณาดูในเพดาลุแลลิ้นแลกระพุ้งปากทั้ง ๒ ถ้าเห็นขาวเป็นดังกล้ามมะพร้าว
ยังไม่ได้ขูดนั้นชื่อว่าละอองพระบาท เกิดเพื่อหละแสงพระจันทร์กระทำให้ลง
ไปจนตาแข็งจะนับเวลามิได้ ส่วนลงให้ลงไป ส่วนท้องขึ้นก็ให้ขึ้นไปเป็นกำลัง
สมมุติว่าทั้งขึ้นทั้งล่อง แพทย์จะรักษายากนัก ถ้าแลพิจารณาเพดาลุแลลิ้น
แลกระพุ้งแก้มทั้งสองนั้นเห็นขาวเป็นมันเลือก ดุจมะพร้าวกะทิ
ชื่อว่าละอองแก้ววิเชียรเกิดเพื่อทรางน้ำ
กระทำให้เลือกไปทั้งปากจะกินเข้ากินนมมิได้ ถ้าแพทย์วางยาชอบจึงตกไป
ทีเดียวมิได้กลับขึ้นอีก ถ้าแลยามิชอบ เป็นแต่ประทัง อยู่
ถ้ากวาดข้างเย็นตกข้างเช้าขึ้น ดังเก่า
ถ้ากวาดข้างเช้าตกข้างเย็นขึ้นดังเก่าเป็นแต่ดังนี้ จึงกระทำพิษให้ร้อนนอนมิหลับ
มักหวาดสดุ้งบางทีทำให้ลงท้อง บางทีกระทำให้ผูก แล้วท้องขึ้นตาเหลือกตาช้อน
แล้วให้ไอเป็นกำลัง อันว่าละอองแก้ววิเชียรจำพวกนี้ ถ้าขึ้นแก่กุมารผู้ใดแล้วร้ายนัก
ถ้าแพทย์วางยามิชอบใน ๓ วัน รักษามิได้เลย ถ้าจะกวาดให้กวาดเมื่อตวันตกดิน
ละอองจึงจะตกห้ามมิให้กวาดเวลาเช้าไซ้
จะห้ามแต่ละอองแก้วิเชียรนั้นหามิได้ท่านห้ามไปทุกๆทรางทุกๆละอองทุกๆหละ
ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ โดยไนยดังกล่าวมานี้
ยาแก้ละอองแก้ววิเชียร ขนานนี้ท่านให้เอา รากมะกรูด ๑ รากมะนาว ๑ รากมะงั่ว ๑ รากพุดซ้อน ๑
รากมะลิ ๑ รากอันชันขาว ๑ รากระย่อม ๑ รากพิศนาด ๑ รากเจตภังคี ๑ รากกรามแดง ๑
รากกรามช้าง ๑ รากครามดี ๑ ข่าแก่ ๑ รวมยา ๑๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาค
ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายน้ำหยัดเหล้าทั้งทาทั้งกิน แก้ละอองแก้ววิเชียรหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ปู่เจ้าลอยท่า ๑ รากส้มกบ ๑ รากหางกะรอก ๑
รวมยา ๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำสุรากิน
แก้ละอองแก้ววิเชียรหายดีนัก
ยาทาปากแก้ละอองแก้ววิเชียร ละออง พระบาท เพื่อแสงพระจันทร์ขนานนี้ท่านให้เอา
ผิวไม้รวก ๑ เปราะหอม ๑ ลิ้นทเล ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาค
ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำปูนใส ทาปากกุมารหายดีนัก
ยาทาปากแก้ละอองแก้ววิเชียร ให้ตกขนานนี้ท่านให้เอา ชาดหรคุณ ๑ พิมเสน ๑
ใบนมพิจิตร ๑ ใบมะระ ๑ มูลแมลงสาบ ๑ ดีงูเหลือม ๑ เกลือ ๑ รวมยา ๗
สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้
ละลายน้ำมะนาวทาปากหายวิเศษนักได้เชื่อแล้ว
ยาชื่อฝนแสนห่า ขนานนี้ท่านให้เอา รากบัวหลวง ๑ ก้ามปูทะเล ๑
ลิ้นทะเล ๑ ใบฆ้องสามย่าน ๑ รากถั่วภู ๑ ดินสอพอง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาค
ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้า ชะโลมแก้ละอองแก้ววิเชียร
แลละอองพระบาทเพื่อ หละแสงพระจันทร์หาย
ยาสมานแก้ละอองแก้ววิเชียร ซึ่งกระทำให้เปื่อยนั้น ขนาน นี้ท่านให้เอา
พิมเสน ๑ น้ำประสานทอง ๑ ชาดหรคุณ ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาค
ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ ทาปากกุมารที่เปื่อยนั้นหายดีนัก
พระ อาจารย์เจ้าท่านกล่าวมาในลักษณะกุมารอันเกิดวันจันทร์
กำเนิดทรางน้ำเป็นเจ้าเรือนทำโทษ กำเนิดทรางฝ้ายเป็นทรางจรมาแซกทำโทษประจำทรางน้ำ
กำเนิดทรางฝ้ายเป็นทรางจรมาแซกทำโทษประจำทรางน้ำ
กำเนิดหละอันชื่อว่าหละแสงพระจันทร์ทำโทษประจำทรางน้ำ กำเนิดละอองอันชื่อว่าละอองแก้ววิเชียรทำโทษประจำทรางน้ำ
จบบริบูรณ์แต่เท่านี้
พระ คัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๓ ว่าด้วยกุมารเกิดวันอังคารเป็นลักษณะแห่งทรางแดง เป็นเจ้าเรือน ทรางกระแหนะเป็นทรางจร หละชื่ออุไทยกาล ละอองชื่อแก้วมรกฎ ลมชื่ออุทรวาต โดยสังเขป
(ลักษณะ ทรางแดงนี้ ต้นฉบับกล่าวซ้ำกันดังมีแจ้งอยู่ในน่า ๑๖๕
แห่งเล่มนี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เนื้อความตอนปลายแลตำรายาต่างกัน
จึงได้คัดแต่เฉภาะเนื้อความที่ต่างกันแลตำรายานั้นมาพิมพฺไว้ต่อไปดังนี้)
ให้ พิจารณาดูที่ชายโครงข้างขวาสูนย์กลาง ถ้าเส้น ดีอยู่ไม่ตาย
ถ้าไม่เห็นเป็นดังนี้ คือว่าลมกำเนิดบังเกิดติดต่อมาแต่ยังอยู่ในครรภ์
ชื่อลมอุทรวาต กระทำให้ร้องไห้ แต่ยังอยู่ในเรือนเพลิง ไปจน ๓ เดือน
เป็นกำหนดจึงจะหายไปเอง ถึงแพทย์จะให้ยาก็ไม่หาย
เมื่อถอยลงมาจากศีร์ษะแลลงทรวงอกนั้นแล้ว ลงมาตั้งอยู่ในนาภีจึงเรียกว่าลมกองใหญ่
พัดขึ้นมาตามนาภีตามเส้นชิดกระดูกสันหลังขึ้นมาในอกแลลำคอจนไปถึงช่องหูขวา
แลกระหม่อม ถ้าเป็นข้างขึ้นตาย ข้างแรมไม่ตาย แลประเภทดังนี้ คือต้องตะบองราหู
ก็ว่ากุมาทสังก็ว่า อักขมูขีก็ว่า แลสะพั้น ๗ จำพวกนี้หญิงชายก็ดีเป็นดุจเดียวกัน
อัน ว่าทรางแดงตัวผู้นั้น ถ้าขึ้นอกกระทำให้หอบพัก
ถ้าขึ้นไหล่รวบกระทำให้เจ็บหลังแขง ถ้าขึ้นคอกระทำให้กินเข้ากินนมมิได้ดังนี้
แลเมื่อจะสำแดงความตายนั้น ก็ผุดขึ้นรักแร้ข้างละยอดเท่าผลบัวจมอยู่ในเนื้อ
สีผุดออกมาตามผิวหนังดังสีควันเทียน แล้วไปขึ้นในกระหม่อมยอด ๑
จึงลามมาหน้าผากดุจกลีบจำปาแล้วก็คล้ำเข้าดังสีควันเทียน
เลื่อนลงมาหว่างคิ้วแล้วเมื่อใด ก็กระทำให้ตามืดหูหนัก แล้วก็ลามลงมาถึงปลายนาสิก
กระทำให้ปากนั้นชักเฟด ขึ้นก่อน เมื่อจะตายนั้นก็สำแดงออกทั่วสรรพางค์กาย
คิ้วนั้นให้ผุดขึ้นเป็นแว่นเป็นวง มีสีเหลือง แดง ขาว ดุจดังประทับตราลงไว้นั้น
คือว่าทรางแดงสำแดงความตาย ตัวผู้ก็ดีตัวเมียก็ดี ถ้าแพทย์แก้ไม่ฟัง ก็ตายดุจกัน
อย่าพึงสงไสยเลยดังกล่าวมานี้
พระอาจารย์เจ้าท่านจึงประกอบซึ่งสรรพยาไว้
ให้สำหรับแก้ทรางแดงตัวผู้ตัวเมียนั้น โดยลำดับดังกล่าวมานี้
ยาทาปากแก้ทรางแดง ขนานนี้ท่านให้เอา รากดินเผา ๑ เปลือกน้ำเต้าขมเผา ๑
เกล็ดปลาช่อนเผา ๑ น้ำประสานทองสตุ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดละลายน้ำมะนาวทาปากหาย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอารากละหุ่งแดง ๑ ผลประคำดีควาย ๑ เมล็ดในมะนาว ๑
ยาฝิ่น ๑ เอาสิ่งละ ๖ ส่วน ชาดหรคุณ ๒ ส่วน รวมยา ๕ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวทาปากแก้ทรางแดงหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา สังข์ ๑ น้ำประสานทอง ๑ ลิ้นทะเล ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ เปลือกไข่ฟัก ๑ พิมเสนเกล็ด ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวทาปากก็ได้กวาดก็ได้ แก้ทรางแดงหาย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา สังข์ ๑ น้ำประสานทอง ๑ ลิ้นทะเล ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ เปลือกไข่ฟัก ๑ พิมเสนเกล็ด ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวทาปากก็ได้กวาดก็ได้ แก้ทรางแดงหาย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา แฝกหอม ๑ หางปลาช่อน ๑ น้ำประสานทอง ๑
สมอร่องแร่ง ๑ ใบมะนาว ๑ ใบน้ำเต้า ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำท่าก็ได้ทาปากแก้ทรางแดง ถ้าจะให้ลงละลายน้ำมะขามเปียกแซก
ดีงูเหลือมกวาด ถ้าตัวร้อนน้ำซาวเข้ากวาด ถ้าจะแก้สอึกน้ำผลมะตูมต้มก็ได้
น้ำส้มส้าก็ได้ จะแก้ลงแดงละลายน้ำผลเบ็ญกานีกวาด ถ้าจะแก้ไอละลายน้ำมะนาวกับเกลือ
แลแซกหางนกยูงเผากวาด ถ้าจะแก้ทรางแดง ละลายน้ำมะนาวแซกพิมเสนกวาด หายดีนัก
ขนานหนึ่งแก้ทรางแดงทรางเหลือง ท่านให้เอางาช้าง ๑ มหาสดำ ๑ เปลือกนุ่น ๑
ใบกระเพรา ๑ ใบตานหม่อน ๑ กระเทียมกรอบ ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๗
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาฝักส้มป่อยต้มเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้
ถ้าจะแก้ทรางแดงละลายน้ำมะนาวกวาด ถ้าจะแก้ทรางเพลิงละลายน้ำครำ กวาดหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ผลเบ็ญกานีส่วน ๑ ผลประคำดีควาย ๒ ส่วน
น้ำประสานทอง ๓ ส่วน รวมยา ๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำส้มส้าทาลิ้น
แก้ทรางแดงขึ้นลิ้นหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ลิ้นทะเลปิ้ง ๑ รากดินเผา ๑ น้ำประสานทองสตุ ๑
บรเพ็ด ๑ ก้นหม้อแกง ๑ รวมยา ๕
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะงั่วกวาด
เมื่อจะกวาดยานี้เอาน้ำเกลือกวาดเสียก่อน จึงกวาดยานี้ดีนัก
ขนานหนึ่งแก้ทรางแดงทรางฝ้ายทรางกระดูก ท่านให้เอาเปลือกหอยพิมพะการัง ๑ หนังกระเบนเผา ๑
ลิ้นทะเลปิ้ง ๑ น้ำประสานทอง ๑ มูลแมลงสาบ ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ผลเบ็ญกานี ๑
ชาดหรคุณเทศ ๑ ชาดหรคุณจีน ๑ ชาดจอแส ๑ ฝาหอยโข่งเผา ๑ รังหมาล่า ๑ กระเทียมกรอบ ๑
ดีงูเหลือม ๑ พิมเสนเกล็ด ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวกวาดแก้ทรางทั้งปวงหายดีนัก ถ้ามิฟังยาเหล่านี้แล้ว
ให้แพทย์เร่งประกอบยาให้สูงขึ้นไปกว่านี้กุมารผู้นั้นจึงจะรอดชีวิตร
ยาชื่อปะขาวกวาดวัด ขนานนี้ท่านให้เอา มูลแมลงสาบ ๑ ชาดหรคุณ ๑ เทียนเยาวภานี ๑
ผลผักชีลา ๑ สมอไทย ๑ สานส้ม ๑ โกฐสอเทศ ๑ เอาสิ่งละส่วน ๑ รากไคร้เครือ ๑
ชะเอมเทศ ๑ กำมะถันแดง ๑ น้ำประสานทอง ๑ ลิ้นทะเล ๑ เบี้ยจั่นเผา ๑ บัลลังกฺศิลา ๑
หญ้าใต้ใบ ๑ กะตังมูตร ๑ รากดินเผา ๑ ผลโหรภาเทศ ๑ รากมะกล่ำเครือ ๑ รากส้มกุ้งน้อย
๑ เอาสิ่งละ ๒ ส่วน รวมยา ๒๐ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้
ถ้าจะแก้อาเจียรให้ละลายน้ำสมอไทยต้มกวาด
ถ้าจะแก้ทรางขึ้นลิ้นละลายน้ำขมิ้นอ้อยกวาด แลแก้ทรางทั้ง ๗ จำพวกหายดีนัก
ยาชื่อเทพมงคล ขนานนี้ท่านให้เอา มูลแมลงสาบ ๑ หญ้ายองไฟ ๑
ดอกบุนนาค ๑ เกสรบัวหลวง ๑ กฤษณา ๑ กลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ หวายตะค้า ๑ เทียนดำ ๑
น้ำประสานทอง ๑ จันทนฺทั้ง ๒ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ งาช้าง ๑ โกฐพุงปลา ๑
ชาดหรคุณ ๑ ดีงูเหลือม ๑ ดีจรเข้ ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ ทองคำเปลว ๑ รวมยา ๒๒
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้กวาดแก้ทรางแดง แก้ลิ้นกระด้างคางแขง
แลตาแขง ไม่มีน้ำตานอนแน่อยู่แล้วก็ดีกวาดหาย
ถ้าจะแก้ละอองพระบาทสีขาว ละลายน้ำดอกไม้กวาด
ถ้าจะแก้ละอองพระบาทสีเขียวละลายน้ำครำแลสุรากวาด
ถ้าจะแก้ละอองพระบาทสีแดงละลายน้ำหัวหอมกวาด
ถ้าจะแก้ละอองพระบาทสีเหลืองละลายน้ำขมิ้นอ้อยกวาดหายดีนัก
ยากวาดทรางแดง ขนานนี้ท่านให้เอา หอยสังข์เผา ๑ ชาดหรคุณไทย ๑ บัลลังกฺศิลา ๑
กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ เขาฟาน ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ เกสรบัวหลวง ๑ พิมเสน ๑
รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้
ทาปากแก้ทรางแดงหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอาศีร์ษะงูเห่า ๑ ศีร์ษะแร้ง ๑ ศีร์ษะกา ๑
หอยสังข์ ๑ รากดิน ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดินถนำ ๑ น้ำประสานทอง ๑ หมึกหอม ๑ นอแรด ๑
เขากุย ๑ มูลหมูเถื่อน ๑ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เขี้ยวเสือ ๑
เขี้ยวจรเข้ ๑ เขี้ยวแรด ๑ เขี้ยวหมู ๑ กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ รวมยา ๒๒
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาว
กวาดได้สารพัดทรางทั้งปวงหายวิเศษนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอากำมะถันแดง ๑ พิมเสน ๑ กฤษณา ๑ โกฐทั้ง ๕
เทียนทั้ง ๕ ดอกจันทนฺ ๑ ไคร้เครือ ๑ ชะเอมเทศ ๑ ชาดก้อน ๑ กำยาน ๑ โลทนง ๑
สีเสียดเทศ ๑ สานส้ม ๑ กรักขี ๑ สมอเทศ ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ เนรภูสีเทศ
๑ ตุมกาแดง ๑ รวมยา ๒๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดด้วยสุราทำเป็นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวทั้งกินทั้งทาทั้งกวาด
แก้ทรางแดงแลทรางทั้งปวงหายสิ้นดีนัก
อัน ว่าแพทย์ทั้งหลายใด ถ้าจะรักษาทรางแดงสืบต่อไปเมื่อน่า ห้ามอย่าให้วางยาละลายเข้าสลอด
แลยาอันระคน ปนไปด้วยน้ำมันและยาอันเผ็ดร้อนเป็นเที่ยง ให้วางยาแต่สุขุม
ให้รักษาดุจไข้สันนิบาต ซึ่งมีพิษอันร้อนอย่าให้เสียยาอันชื่อว่าเบ็ญจตานเลย
กุมารผู้นั้นจึงพ้นจากพระยามัจจุราช รอดจากความมรณะ
ยาชื่อประสานทอง ขนานนี้ท่านให้เอา ชะมดสด ๑ ชะมดเชียง ๑
เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง พิมเสน ๑ สลึง กรุงเขมา ๑ อำพัน ๑ ดอกบุนนาค ๑ น้ำประสานทอง ๑
ลิ้นทะเลปิ้งไฟ ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง ตรีกฏุก ๑ โกฐทั้ง ๙ เทียนทั้ง ๕ ผลจันทนฺ ๑
ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ จันทนฺทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ เปราะหอม
๑ ผลราชดัด ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ พระยารากขาว ๑ ปลาไหลเผือก ๑ ตุมกาทั้ง ๒ คุคะ ๑
มหาสดำ ๑ มหาละลาย ๑ รากระย่อม ๑ รากไคร้เครือ ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑
หว้านน้ำ ๑ แสนประสระต้น ๑ แสนประสระเครือ ๑ สุรามฤตย์ ๑ อบเชยเทศ ๑ เอาสิ่งละ ๑
บาท ทองคำเปลว ๒๐ แผ่น รวมยา ๖๑ สิ่งนี้กระทำให้เป็นจุณแล้วเอาดีงูเหลือม ๑
ดีจรเข้ ๑ ดีตะพาบน้ำ ๑ ดีหมูเถื่อน ๑ ดีปลาช่อน ๑ ดีนกยูง ๑ ดีทั้ง ๖ นี้แซก
เอาน้ำเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้แก้พิษทรางแลแก้ไข้สันนิบาต ละลายน้ำดอกไม้กิน
ถ้าจะแก้พิษฝีดาษ พิษฝีดวงเดียว พิษงูร้าย ละลายสุรากินหายทุกสิ่งประสิทธิ์ดีนัก
ยาชื่อสมมิทกุมารน้อย ขนานนี้ท่านให้เอาแก่นสน ๑ ผลจันทนฺ ๑
ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ อบเชย ๑ สมุลแว้ง ๑ จันทนฺชะมด ๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก
๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ ชะมดเชียง ๑ หญ้าฝรั่น ๑ ผลผักชีลา ๑ สังกรณี ๑ เอาสิ่งละ ๑
สลึง โกฐทั้ง ๙ พิมเสน ๑ อำพันทอง ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง เทียนทั้ง ๕ เอาสิ่งละ ๑ บาท
กำยาน ๕ สลึง รวมยา ๓๓ สิ่งนี้กระทำให้เป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้แก้พิษทรางจับหัวใจ แลทรางขึ้นตับขึ้นปอด
แลขึ้นทรวงอกให้ตกมูกตกโลหิตให้เชื่อมมึนกำลังน้อยให้อิดโรย ใช้น้ำกระสายดังนี้
ถ้าจะแก้ระส่ำระสายละลายน้ำดอกไม้น้ำจันทนฺกิน ถ้าจะแก้ราก ละลายผลยอต้มกิน
ถ้าจะแก้หอบระหวย กำลังน้อยนัก ละลายน้ำรากถั่วภูต้มกิน ถ้าจะแก้คลั่ง
ละลายน้ำแก่นสนต้มกิน ถ้าจะแก้กินเข้ามิได้ละลายน้ำขันทศกรกิน ถ้าจะแก้เชื่อม
แก้มึนละลายน้ำชะเอมต้มกิน ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำเปลือกมะรุมต้มกิน
ยาขนานนี้ใช้ได้ทุกประการดีนัก
พระ อาจารย์เจ้ากล่าวไว้ว่า บุคคลที่เกิดมาในโลกย์นี้หญิงชายก็ดี
จะบังเกิดโรคาพยาธิทั้งปวงนั้น ก็อาไศรยแก่ธาตุทั้ง ๔ ถ้ามิบริบูรณ์แล้วก็
ย่อมให้ธาตุนั้นแปรปรวนไปก่อน โรคทั้งปวงนั้นจึงบังเกิดขึ้นต่างๆ ต่อเมื่อภายหลัง
ให้ แพทย์แต่งยาบำรุงรักษาธาตุขนานนี้ ท่านให้เอารากตานดำ ๑
รากตานขโมย ๑ เปลือกสันพร้านางแอ ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ ตรีผลา ๑ หญ้าใต้ใบ ๑
เทียนเยาวภานี ๑ เปลือกตะขบ ๑ น้ำประสานทอง ๑ สานส้ม ๑ จันทนฺทั้ง ๒ รวมยา ๑๓
สิ่งนี้ เอาเสมอภาคใบกระเพราเท่ายา ทั้งหลาย แล้วกระทำให้เป็นจุณบดปั้นแท่งไว้
ละลายสุรากินประจำท้องแก้ธาตุทั้ง ๔ ดียิ่งนัก
ยาชื่อปฉันธาตุ ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีกะฏุก ๑ กระเทียม ๑
เอาสิ่งละ ๕ สลึง เทียนทั้ง ๕ สิ่งละ ๑ บาท หว้านเปราะ ๑ แห้วหมู ๑ เปลือกมูกมัน ๑
เอาสิ่งละ ๒ บาท รวมยา ๑๒ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้
ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำใบกระเพรากิน ถ้าจะแก้ไอละลายน้ำมะแว้งเครือกิน
ถ้าจะแก้ปวดมวนละลายน้ำผลเบ็ญกานี ผลทับทิมต้มก็ได้ ละลายน้ำครั่งต้มก็ได้
กินแซกดีงูเหลือมด้วยประเสริฐนัก
ยาประจำธาตุ ยาดำ ๑ ใบกระเพรา ๒ ใบตานหม่อน ๒ ใบสวาด ๓ รวมยา ๔ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ
บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแต่เช้า ท่านห้ามไม่ให้กินในเวลาบ่าย
ตั้งแต่อายุเด็กได้เดือน ๑ ขึ้นไปจนถึงขวบ ๑ ให้กินตามกำลังเด็ก ดีนัก
ยาประจำธาตุ ขนานนี้ท่านให้เอา ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑
ขมิ้นอ้อย ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท กะชาย ๒ สลึง ใบกระเพรา ๑ ใบคนทีสอ ๑ ใบตานหม่อน ๑
เอาสิ่งละ ๒ บาท รวมยา ๙ สิ่งนี้ทำเป็นจุณเอาน้ำหยัดเหล้า
เป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินเวลาเย็น ห้ามไม่ให้กินเวลาเช้าแต่อายุเดือน ๑
ไปจนถึงขวบ ๑ กินทวีขึ้นไปตามกำลัง
ยาแก้โทษน้ำนม ขนานนี้ท่านให้เอา ชะเอมเทศ ๑ จันทนฺเทศ ๑ น้ำตาลทราย ๑ เอาสิ่งละ ๑
สลึง โกฐสอเทศ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐก้านพร้าว ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ เอาสิ่งละ ๒
สลึง รวมยา ๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวน้ำผึ้งน้ำท่าประสมกัน
ฝนยานี้ให้กุมารกินแก้โทษน้ำนมต่างๆ แลแก้พิษทรางในลำคอในทรวงอก
แก้ไอแก้สอึกแลแก้รากวิเศษนัก
อนึ่ง ยารักษาทรางแดงขึ้นที่ขั้วตับนั้น ย่อมกระทำให้ลงเป็นโลหิต ๔
วัน ๕ วันก่อน แลให้ไอเป็นกำลังแลตาเหลืองให้จับเป็นเวลา
แลให้ตับหย่อนลงไปตามชายโครงข้างขวา ถ้าจะแก้ท่านให้เอา ผลเบ็ญกานี ๑ กระเทียม ๒
ฝางเสน ๓ รวมยา ๓ สิ่งนี้บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำปูนใส กินตามกำลังกุมารนั้นเถิดดีนัก
แล้วจึงแต่งยาพอกตามชายโครงให้ตับหดขึ้นไป ขนานนี้ท่านให้เอาหน่อไม้ ๑ เขม่าเหล็ก
๑ ปูนขาว ๑ บดพอกชายโครงราว ๓ วัน หายดีนัก
ถ้า ไม่หดหาย ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีผลา ๑ มะขามป้อม ๑ รากไอ้เหนียว ๑
รากเล็บมือนาง ๑ เปลือกไข่เน่า ๑ แห้วหมู ๑ บรเพ็ด ๓ องคุลี ผลมูลกาผล ๑ ผ่า ๒ เอา
๑ เทียนดำ ๒ สลึง เทียนขาว ๒ สลึง น้ำประสานทอง ๒ สลึง ยาดำ ๑ ผลมะตูม ๑
เกสรบัวหลวง ๑ ดอกบุนนาค ๑ ฝักราชพฤกษ์ ๑ ขมิ้นอ้อย ๓ ชิ้น สานส้ม ๑
ใบกระเพราเท่ายาทั้งหลาย เอาสุราครึ่งน้ำครึ่ง ต้ม ๓ เอา ๑ กินหาย
( จบลักษณะทรางแดงแต่เพียงนี้ )
สิทธิการิยะ ทีนี้จะกล่าวลักษณะกำเนิดทรางกระแหนะ ซึ่งเป็นทรางจร แซกทรางแดงเจ้าเรือน นั้นต่อไป ให้แพทย์พึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะทรางกระแหนะนั้น มีแม่ ๓ ยอด มีบริวาร ๓๐ ยอด
ทรางอันนี้ขึ้นแซม ๑ ยอด ๒ ยอด ก็ดี มีสัณฐานยอดนั้นเหลืองกลางยอดนั้นหวำ
ขึ้นปลายลิ้นยอด ๑ มีบริวารขึ้นด้วย ๑๐ ยอด ขึ้นต้นคางยอด ๑ มีบริวารขึ้นด้วย ๑๐
ยอด บางทีขึ้นต้นลิ้นขึ้นทรวงอกก็มี ยอด ๑ บริวารขึ้นด้วย ๑๐ ยอด
อันว่าลักษณะบริวารขึ้นนั้นเมื่อเข้าล้อมแม่นั้นแล้ว ก็ตั้งเป็นเปลวออกไปดังอุณาโลม
แล้วกระทำพิษให้กุมารนั้นดูดนมมิได้ ให้ลิ้นกระด้างคางแขงให้เท้ามือกำ ครั้นได้ ๕
เดือน แม่ทรางซึ่งอยู่ในปลายลิ้นต้นคางต้นลิ้นแลทรวงอกนั้น
ก็เลื่อนลงไปตั้งอยู่ในนาภีพร้อมกันทั้ง ๓ ยอด จึงกระทำให้ลงมูกลงโลหิต
เป็นน้ำล้างเนื้อ เป็นน้ำชานหมาก แล้วให้เป็นเสมหะโลหิตเน่า
ให้ซูบผอมกินอาหารมิได้ให้ปวดมวนนัก
ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาให้พิจารณาดูลักษณะทรางกระแหนะ
ซึ่งจรมาแซกนั้นให้แม่นแท้ดุจกล่าวมานี้
ยากวาด ชื่อเจียรไนเพ็ชร์ ขนานนี้ท่านให้เอา มูลแมลงสาบขั้ว ๑
รากดินขั้ว ๑ หนังกระเบนเผา ๑ น้ำประสานทองสตุ ๑ แววนกยูงเผา ๑ ศีร์ษะงูเห่า ๑
กะดองปูทเล ๑ กะดองปูนา ๑ กะตังมูตร ๑ เปลือกไข่ฟัก ๑ ลิ้นทเล ๑ ผลเบ็ญกานี ๑
กำมะถันแดง ๑ เบี้ยผู้เผา ๑ หมึกหอม ๑ ชาดก้อน ๑ ชะมดเชียง ๑ อำพันทอง ๑ ทองคำเปลว
๑๐ แผ่น ๑ รวมยา ๑๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวกวาดทรางกระแหนะ
หายวิเศษนัก
ยาชื่อตรีผลาเตร็ด ขนานนนี้ท่านให้เอา สมอไทย ๑ สมอพิเภก ๑
มะขามป้อม ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ตรีกฏุก ๑
ผลผักชี ๑ ผลโหระภา ๑ สิ่งละ ๒ สลึง ผลเบ็ญกานี ๑ สีเสียดเทศ ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท
รวมยา ๑๒ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำท่าแล้วจึงเอาฝิ่น ๑ ดิน ๑
ขมิ้นอ้อย ๑ รำหัดกินแก้พิษทรางกระแหนะ ซึ่งเลื่อนลงไปทำโทษในนาภี
แลทรางนั้นขึ้นตามลำไส้แลตับแลปอด แลให้เป็นบิดปวดมวน
แล้วให้ลงเป็นโลหิตมูกเลือดเสลดเน่าหาย
ยาชื่อสังขสมุทไทย ขนานนี้ท่านให้เอา สังข์หนาม ๑ ฝุ่น ๑
ชาดผง ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ เกสรบัวหลวง ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ รวมยา ๘
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำรากบัวหลวงก็ได้ น้ำรากมะกอกก็ได้
กินแก้กระหายน้ำทรางกระแหนะดีนัก
ยาสมานลิ้นเปื่อย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบหว้าอ่อนใส่ปากหม้อนึ่งให้สุก ผลเบ็ญกานี ๑
มูลโคแห้ง ๑ น้ำประสานทอง ๑ สีเสียดเทศ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำหมากสง ทาปากทาลิ้นกุมารหายดีนัก
( จบลักษณะทรางกระแหนะซึ่งจรมาแซกทรางแดงแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะกล่าวถึงลักษณะหละอันชื่อว่าอุไทยกาล ซึ่งจะบังเกิดขึ้นสำหรับทรางแดงนั้นต่อไปโดยสังเขปดังนี้
อันว่าลักษณะหละอุไทยกาล เมื่อจะบังเกิดนั้นให้ชัก
เท้ากำมือกำแล้วมักให้กระทืบเท้าร้องไห้ แลให้อุจาระปัสสาวะมิออก
ยาแก้หละอุไทยกาล ขนานนี้ท่านให้เอา พิมเสน ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ สะค้าน ๑ กระเทียม ๑
บดทำแท่งไว้ละลายน้ำนมโคทาปากกุมารหาย
ยาจุดหละทรางกระดูก ขนานนี้ท่านให้เอา กระดูกงูเหลือม ๑ กระดูกงูทับทาง ๑ ชาดหระคุณจีน
๑ เข้าขั้ว ๑ มูลแมลงสาบขั้ว ๑ มูลหนูหริ่งขั้ว ๑ หวายตะค้า ๑ รวมยา ๗
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวจุด หายดีนัก
ยาจุดหละ ขนานนี้ท่านให้เอา ฝาง ๑ จันทนฺทั้ง ๒ พิมเสน ๑
บดละลายน้ำมะเกลือจุดหาย
ยาจุดหละ ขนานนี้ท่านให้เอา กะปิเผา ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ พริกไทยขั้ว ๗ เมล็ด
กานพลู ๑ จันทนฺทั้ง ๒ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาค
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำจะหละหาย
( จบลักษณะหละอุไทยกาล ซึ่งบังเกิดสำหรับทรางแต่เพียงนี้
)
ทีนี้จะกล่าวลักษณะละอองแก้วมรกต เมื่อจะบังเกิดขึ้นนั้นร้ายนัก มักให้หน้าเขียวหน้าดำ แลให้ชักเท้ากำมือกำอ้าปากมิออก ให้ลิ้นกระด้างคางแขง ถ้าแก้มิฟัง กุมารผู้นั้นจะตายเป็นเที่ยง ถ้าจะแก้ท่านให้เอา จันทนฺทั้ง ๒ เนระภูสี ๑ ไคร้เครือ ๑ ดีงูต้น ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ หวายตะค้า ๑ หวายตะมอย ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ ทั้งกินทั้งชะโลม แก้ละอองแก้วมรกตหายวิเศษนัก
ยาแก้ละอองแก้วมรกต ขนานนี้ท่านให้เอา ปู่เจ้าพุงแก ตับเต่าทั้ง ๒ สีหวดน้อย ๑
ฉัตร์พระอินทร์ ๑ ปู่เจ้าสมุงกุย ไคร้เครือ ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑ เนระภูสี ๑
จันทนฺทั้ง ๒ งวหมู ๑ รากหญ้านาง ๑ รากประคำดีควาย ๑ โคนไม้ไผ่ป่า ผักแพวแดง ๑
รวมยา ๑๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้
น้ำซาวเข้ากินก็ได้ แก้ละอองแก้วมรกตหาย
ยาแก้จับแก้มัว ขนานนี้ท่านให้เอา จันทนฺชะมด ๑ จันทนฺคันนา ๑ ผลผักชี ๑ พรรณผักกาด
๑ รากหญ้านาง ๑ ไพล ๑ กระชาย ๑ ชะเอมเทศ ๑ รวมยา ๘
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ ถ้าจะแก้คลั่ง ละลายน้ำดอกไม้กิน
ถ้าจะแก้จับ ละลายน้ำสมอต้มกิน ถ้าจะแก้หอบ ละลายน้ำรากถั่วภูต้มกิน ถ้าจะแก้ราก
ละลายน้ำผลยอต้มแซกน้ำผึ้งกินหาย
อัน ว่าลักษณะทรางแดงนี้ มีโทษมากนักยิ่งกว่าทรางทั้งปวง
พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้ ให้แพทย์ผู้ฉลาดพิจารณาดูโรค
ซึ่งจะผันแปรไปเป็นประการใดๆก็ดี ให้แพทย์นั้นประกอบยาผันแปรไปตามโรคนั้นเถิด
พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวมาในลักษณะกุมารอันเกิดวันอังคาร เป็นกำเนิดแห่งทรางแดง
กระทำโทษเป็นเจ้าเรือนกำเนิดทรางกระแหนะ เป็นทรางจรมาแซก กระทำโทษประจำทรางแดงนั้น
กำเนิดหละประจำทรางแดง ชื่อว่าหละอุไทยกาล กำเนิดละอองพระบาทประจำทรางแดง
ชื่อว่าละอองแก้วมรกต
( จบแต่เพียงนี้ตามลักษณะโดยสังเขป )
พระ คัมภีร์ปะฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๔ ว่าด้วยกุมารเกิดวันพุฒเป็นลักษณะแห่งทรางสกอเป็นเจ้าเรือน ทรางกระตังเป็นทรางจร หละชื่อเนียรกันถีชื่อเนียรเพลิง ละอองชื่อแสงเพลิง ลมชื่อสุนทรวาต โดยสังเขป
( ลักษณะทรางสกอนั้นมีแจ้งอยู่ในเล่มนี้แล้ว )
อนึ่งถึงสิ้นกำหนดทรางสกอเจ้าเรือนนั้นแล้วก็ดี ให้ระวังละอองพระบาท
แลทรางจรสำหรับทรางสกอนั้นต่อไป
บัดนี้จะว่าด้วยลักษณะทรางกระตัง ซึ่งเป็นทรางจรมาแซก
สำหรับทรางสกอเจ้าเรือน ให้แพทย์พึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าทรางกระตังนั้น มีแม่ ๓ ยอดมีบริวาร ๓๐ ยอด เมื่อกุมารอยู่ในเรือนเพลิงเขม่าหามีไม่
ครั้นได้เดือนหนึ่งออกจากเรือนเพลิงแล้วเขม่าจึงขึ้น ครั้นสิ้นเขม่าแล้ว
แม่ทรางจึงราย กันขึ้นๆ ในนาภียอด ๑ บริวาร ๑๐ ยอด ขึ้นในคอยอด ๑ บริวารขึ้นด้วย
๑๐ ยอด ครั้นกุมารได้เดือน ๑ กับ ๑๕ วัน บริวาร ๑๐ ยอด ซึ่งขึ้นอยู่ในนาภีนั้น
ก็รายกันขึ้นมาในลำไส้อ่อนลำไส้แก่จนถึงทรวงอก ทรางบริวาร ๑๐
ยอดซึ่งขึ้นอยู่ในทรวงอกนั้น ก็ถอยลงไปขึ้นในกระเพาะน้ำกระเพาะเข้า แลทรางบริวาร
๑๐ ยอด ซึ่งขึ้นอยู่ในคอนั้นก็รายกันออกไปขึ้นเพดาลุบ้าง
ขึ้นริมฝีปากบ้างแลขิ้นลิ้นขึ้นกระพุ้งแก้มบ้าง หนาสามชั้นดุจดังหญ้ายองไฟ
ถ้าขึ้นพร้อมกันทั้งสามแห่งดังกล่าวมานี้ ทรางที่ขึ้นในลำไส้ก็ทำให้ปนบิด
ทรางที่ขึ้นในกระเพาะน้ำนั้นทำให้ขัดเบา ทรางที่ขึ้นในกระเพาะเข้านั้นก็ทำให้
จุกเสียดมิให้อยากอาหารนอนไม่หลับ ทรางที่ขึ้นในคอนั้นทำให้คอแห้งร้องไห้มิออก
ทรางที่ขึ้นในเพดาลุนั้นทำให้ปวดศีร์ษะหายใจขัดดูดนมมิได้
อันว่าลักษณะทรางกระตังนี้ถ้าบังเกิดแก่กุมารกุมารีผู้ใดห้ามมิให้วางยารุ ผาย
แลทรางจำพวกนี้บางทีขึ้นแซกทรางเจ้าเรือน บางทีต่อสิ้นกำหนดทรางเจ้าเรือนแล้ว
จึงทำต่อไปจนอายุกุมาร ๑๒ ขวบ อันว่าเภท ทรางกระตังนี้ย่อมจะสู้ยา บางทีกวาดแต่เช้าถึงเที่ยงจึงหล่น
ไปจนรุ่ง ครั้นรุ่งเช้ากลับขึ้นมาดังเก่า ย่อมทำให้ท้องขึ้นตัวร้อนแสยงขน
ครั้นถึงถ้วน ๓ เดือนแล้ว
แม่ทรางแลบริวารซึ่งรายไปขึ้นทุกแห่งนั้นก็รายกันมาขึ้นอยู่ในนาภีทั้งสิ้น
จึงเข้าไปขึ้นในลำไส้สองยอดบ้างสามยอดบ้าง ทำให้กุมารร้องไห้บิดตัว ถ้ากุมารได้ ๖
เดือน ๗ เดือน แพทย์จะรักษานั้นให้แต่งยาพอก จึงจะหาย เมื่ออายุได้ ๑๑ เดือน
จะทำให้ลงท้อง แลท้องขึ้นกระหายน้ำให้วิปริตต่างๆ
เมื่อรู้ย่างรู้เดินไส้พุงกระฉ่อน จึงทำให้ตกมูกเลือดอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าแพทย์จะรักษาให้แต่งยาชะโลมสำหรับตัวร้อนด้วย อันว่าทรางจำพวกนี้มิใช่ทรางตัดวางยา
ผิดรู้ไม่ถึงจึงเสียที ถ้าแพทย์จะวางยาให้พิจารณาให้แม่นแท้ดุจกล่าวมานี้เถิด
ยาแก้ทรางสกอเจ้าเรือน ทรางกระตังเป็นทรางจร ขนานนี้ท่านให้เอา ใบหญ้านาง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑
ใบเนระภูสี ๑ ใบกรอบแกรบ ๑ ใบสันพร้านางแอ ๑ ใบหมากผู้ ๑ รวมยา ๖ สิ่งเอาเสมอภาค
เอาน้ำหญ้าปากควายเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้า
ชะโลมแก้ร้อนภายนอกภายในหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ใบมระ ๑ ใบฝ้ายเทศ ๑ ใบผักขวง ๑ ใบระงับพิษ ๑
ใบน้ำเต้า ๑ ใบชุมเห็ดเทศ ๑ ใบเพกา ๑ ใบการ่อน ๑ ใบฟักเข้า ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๐
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้าชะโลมหาย
ยาซึ่งแก้พิษทรางนั้นให้กินยาเบ็ญจตาลก่อน
ถ้ามิฟังให้แต่งยาเหลืองสรรพคุณให้กินต่อไป
ยาชื่อเหลืองสรรพคุณ ขนานนี้ท่านให้เอา ใบคนทีสอ ๑ ใบหนาด ๑
ใบกระเพรา ๑ ใบผักคราด ๑ ใบหญ้าใต้ใบ ๑ ใบฆ้องสามย่าน ๑ ใบหางจรเข้ ๑ ใบหว้านน้ำ ๑
ใบหว้านหางช้าง ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ กะทือ ๑ กะชาย ๑
ตรีกฏุก ๑ ข่าลิง ๑ ข่าหอม ๑ ข่าตาแดง ๑ กำมะถันเหลือง ๑ ลิ้นทเล ๑ ครั่ง ๑
โหราเท้าสุนักข์ ๑ โหราอำมฤตย์ ๑ มูลแมลงสาบ ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เทียนดำ ๑
เทียนแดง ๑ เนรภูสี ๑ ดินประสิวขาว ๑ สานส้ม ๑ น้ำประสานทอง ๑ ฝักส้มป่อย ๑ หอม ๑
กระเทียม ๑ ไคร้หอม ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ใบผักเสี้ยนผี ๑ ใบเทียน ๑ ใบทับทิม ๑ รวมยา
๔๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณเอาสารพัดดี
แช่น้ำเป็นกระสายบดแช่ไว้กินแก้ทรางสกอทรางกระตังกระทำพิษต่างๆหาย
ยาแก้เชื่อมแก้มึน ขนานนี้ท่านให้เอา จันทนฺทั้งสอง ๑ กฤษณา ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑
ดอกบุนนาค ๑ เกสรบัวหลวง ๑ เกสรสัตบุตย์ ๑ ชาดจอแส ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๑๑
สิ่งนี้ เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำค้างเป็นกระสายบดใส่ใบลานตากให้แห้งหนหนึ่ง
แล้วจึงเอามาบดกับน้ำดอกไม้อิกทีหนึ่ง ปั้นแท่ง ไว้กินแก้ทรางสกอทรางกระตังทรางโจร
จับทรวงอกให้ซึมให้มึนระส่ำระสาย แลให้กระหายน้ำหอบพัก หายดีนัก
ยาชื่อพัดวาลวิชนี ขนานนี้ท่านให้เอา ใบหญ้าไทร ๑
จันทนฺทั้งสอง ๑ กรักขี ๑ แก่นไข่เน่า ๑ ชะเอมเทศ ๑ รวมยา ๖
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้ทำเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้าชะโลมหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ใบคนทีสอ ๑ ใบสะเดา ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ แก่นสน ๑
กรักขี ๑ ดินประสิวขาว ๑ โกฐสอเทศ ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้าน้ำเถาตำลึงก็ได้ชะโลมหายดีนัก
ยาแก้กุมารท้องขึ้นเวลาค่ำ ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนขาว ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑
ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง หญ้าใต้ใบ ๒ สลึง ใบตานหม่อน ๑ ใบสวาด ๑
ยาดำ ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท มหาหิงคุ์ ๒ บาท เนรภูสี ๑ ดีปลี ๑ ใบชุมเห็ดเทศ ๑
ใบกระเพรา ๑ เอาสิ่งละ ๔ บาท รวมยา ๑๔ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำซาวเข้าเป็นกระสาย
บดปั้นเม็ดไว้เท่าเมล็ดนุ่น ถ้ากุมารนั้นอ่อนได้เดือน ๑ ให้กินเม็ด ๑
ให้กุมารกินทวีขึ้นตามอายุขึ้นไปเถิดดีนัก
ยากวาดทรางสกอ ขนานนี้ ท่านให้เอาผลมะแว้งเครือ ๑ ตรีกฏุก ๑ กระเทียม ๑ กำมะถันแดง
๑ ผิวมะกรูด ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ สานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ รวมยา ๑๑
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำประสานทองเท่ายาทั้งหลาย บดปั้นแท่งไว้
ถ้าจะกวาด ทรางละลายน้ำมะนาวกับเกลือ รำหัดกวาดแซกพิมเสนด้วย ถ้าจะแก้ ราก
ละลายน้ำผลยอต้มกิน ถ้าจะแก้คอแห้งละลายน้ำชะเอมกิน ถ้าจะแก้ขัดเบา แก้เป็นนิ่วก็ดี
ละลายน้ำแตงกวากินหายดีนัก
ยากวาดทรางสกอ ทรางกระตัง ขนานนี้ท่านให้เอาแววนกยูงเผา ๑ หางปลาช่อนเผา ๑ มูลแมลงสาบเผา ๑
หัวตะใคร้ ๑ เปลือกแมงดา ๑ ตรีกฏุก ๑ หญ้ายองไฟ ๑ ดินประสิวขาว ๑ เกลือสินเธาว์ ๑
ดอกผักคราด ๑ กระเทียม ๑ ลิ้นทะเล ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
เอาน้ำมะนาวเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้กวาดทรางสกอทรางกระตังหายดีนัก
( จบลักษณะทรางสกอเจ้าเรือนทรางกระตังเป็นทรางจรแต่เพียงนี้
)
ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะหละอันชื่อเนรกันถี นิลเพลิงก็ว่าหละจำพวกนี้เกิดเพื่อทรางสกอ ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะหละ เนรกันถี นิลเพลิงนั้น เมื่อแรกจะบังเกิดขึ้นนั้น
เห็นเขียวดังใบไม้สด แล้วเป็นสายโลหิตผ่านไปอยู่ใน ๕ วัน จะให้ลงท้องๆขึ้น
แล้วให้ฝีปาก แห้งคอแห้ง
ยาแก้หละเนรกันถี นิลเพลิง ท่านให้เอา ใบน้ำเต้า ๑ ใบผักไห่ ๑ ใบประดู่ ๑
ผลประคำดีควาย ๑ ใบฟักเข้า ๑ ใบจันทนฺหอม ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาค
บดปั้นแท่งไว้ละลายสุราชะโลมหาย
ยา แก้หละชื่อ เนรกันถี นิลเพลิง ขนานนี้ท่านให้เอาเทียนดำ ๑ ใบหนาด
๑ ดินประสิวขาว ๑ พริกไทย ๑ ดอกจันทนฺ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายสุราทาปากกุมารหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา แมลงสาบตายทราก ๑ น้ำประสานทอง ๑ ใบกระเพรา ๑ กระวาน ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดทำแท่งไว้ ละลายสุราทาปากกุมารหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา แมลงสาบตายทราก ๑ น้ำประสานทอง ๑ ใบกระเพรา ๑ กระวาน ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดทำแท่งไว้ ละลายสุราทาปากกุมารหายดีนัก
( จบลักษณะหละอันชื่อว่าเนรกันถี นิลเพลิงแต่เพียงนี้
)
ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะละอองอันชื่อว่าแสงเพลิง นั้นต่อไปให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะละอองแสงเพลิงนั้น บังเกิดขึ้นเพื่อทรางสกอ
เมื่อแรกเกิดนั้นกระทำให้กระขาวข้างกระพุ้งปาก อยู่วันหนึ่งกับคืนหนึ่ง
ก็ให้คล้ำเขียวเข้าดังใบไม้ แล้วทำพิษ ให้เชื่อมมึน
ให้ลงท้องให้อุจจาระเขียวดังใบไม้ ด้วยเหตุว่าละอองนั้นลั่นลงไป
จับเอาไส้อ่อนแลขั้วดี ถ้าจะแก้ละอองหมู่นี้ ท่านให้เอามะนาวทั้งผลทั้งใบทั้งราก
ตาไม้ไผ่ ๑ บรเพ็ด ๑ ฝาง ๑ หอม ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑ เจตภังคี ๑ รวมยา ๑๐
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำปูนใสทาปาก
ถ้าจะกินละลายสุรากินหาย
ถ้า มิฟังขนานนี้ ท่านให้เอาใบครามทั้ง ๓ ใบรักขาว ๑ ใบพลูแก ๑
ใบกระเพรา ๑ ผักแพวแดง ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ เมล็ดในมะกรูด ๑ เมล็ดในมะงั้ว ๑
เมล็ดทั้ง ๓ สิ่งนี้ขั้วให้เกรียม รากดิน เผา ๑ ฝักส้มป่อยปิ้ง ๑ ตรีกะฏุก ๑
กระเทียม ๑ นอแรด ๑ งาช้าง ๑ เขากวาง ๑ ดีงูเหลือม ๑ ฝิ่น ๑ รวมยา ๒๐
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสาย
บดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่าทาปากกุมารหาย ถ้ามิฟังแพทย์จะยายากนัก
ด้วยลิ้นขาวไปขึ้นอยู่ต้นลิ้นไก่นั้น จะกระทำให้กายสูบผอมตัวเหลืองดังขมิ้นทา
เมื่อจะตายนั้นจึงขาวออก ให้แพทย์พึงรู้ดังนี้เถิด
( จบลักษณะละอองอันชื่อว่าแสงเพลิงแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะลมอันชื่อว่าสุนทรวาต เกิดเพื่อทรางสกอนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะสุนทรวาตนั้น ตั้งขึ้นมาแต่สะดือแลท้องน้อย
มักให้เจ็บท้องแลท้องขึ้นก่อนแล้ว จึงทำให้ลงท้องนัก มักให้นอนหลับไป
ให้ชักเท้ากำมือกำให้ท้องขึ้นให้หน้าเขียว
ยาประสระแก้ลม ๗ จำพวก ให้เอาใบพิมเสน ๑ การบูร ๑ ผิวมะกรูด ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง มหาหิงคุ์
๒ สลึง ใบหนาด ๑ บาท กระเทียม ๑ บาท พริกไทย ๑ บาท ขิงแห้ง ๑ บาท รวมยา ๘
สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดละลายน้ำมะนาวกินแก้ลม จุกเสียดแลลมขบแทงลมอริต
แลลมทรางทั้งปวงแก้ลมทั้ง ๗ จำพวก อันบังเกิดขึ้นประจำทรางทั้ง ๗ วันนั้นหายดีนัก
ยาต้มแก้ลมสุนทรวาตให้ลง ขนานนี้ท่านให้เอา หญ้าลูกเคล้า ๑ เปลือกแทงทวย ๑ ใบเทียน ๑
ใบทับทิม ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ ข่า ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ หอม ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาค เหล้าครึ่งน้ำครึ่ง
เป็นกระสายต้ม ๓ เอา ๑ กินหายดีนัก
พระ อาจารย์เจ้าท่านกล่าวมาในลักษณะกุมาร อันเกิดวันพุฒกำเนิดแห่งทรางสกอเป็นเจ้าเรือนกระทำโทษ กำเนิดทรางกระตังเป็นทรางจรมาแซก กำเนิดหละชื่อว่าเนระกันถีก็ว่า นิลเพลิงก็ว่า แลกำเนิดละอองชื่อว่าแสงเพลิง กำเนิดลมเชื่อว่าสุนทรวาตกระทำโทษประจำทรางสกอ
พระ อาจารย์เจ้าท่านกล่าวมาในลักษณะกุมาร อันเกิดวันพุฒกำเนิดแห่งทรางสกอเป็นเจ้าเรือนกระทำโทษ กำเนิดทรางกระตังเป็นทรางจรมาแซก กำเนิดหละชื่อว่าเนระกันถีก็ว่า นิลเพลิงก็ว่า แลกำเนิดละอองชื่อว่าแสงเพลิง กำเนิดลมเชื่อว่าสุนทรวาตกระทำโทษประจำทรางสกอ
( จบบริบูรณ์แต่เพียงนี้ )
พระ คัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๕ ว่าด้วยกุมารเกิดวันพฤหัศบดี เป็นลักษณะแห่งทรางโคเป็นทรางเจ้าเรือน ทรางเข้าเปลือกเป็นทรางจร หละชื่อว่านิลกาฬ ละอองชื่อมหาเมฆ ลมชื่อหัศคินี โดยสังเขป
ยาแก้ทรางโค ขนานนี้ท่านให้เอา เนระภูสี ๑ จันทนฺแดง ๑ ยาดำ ๑ มูลวัวข้างพ้อม ๑ เทียนสัตบุษย์ ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดละลายสุรากินหายดีนัก
ยาขนานหนึ่งท่านให้เอา เบี้ยผู้เผา ๗ เบี้ย รากทองหลางหนาม ๑
บดละลายสุราทั้งกินทั้งทาหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ขิงแห้ง ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระเทียม ๑ บดละลายน้ำมะพร้าวนาฬิเก ทั้งกินทั้งทาสำหรับทรางโคทรางกระดูกหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ขิงแห้ง ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระเทียม ๑ บดละลายน้ำมะพร้าวนาฬิเก ทั้งกินทั้งทาสำหรับทรางโคทรางกระดูกหายดีนัก
ยาชื่อปัญจคงคา ขนาน นี้ท่านให้เอา หอยแครงเผา ๑
ใบตำลึงตัวผู้ ๑ สานส้ม ๑ น้ำประสานทอง ๑ ดินประสิวขาว ๑ ดินสอพอง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดทำแท่งไว้
ถ้าจะกวาดละลายน้ำมะนาวกวาด จะชะโลมน้ำซาวเข้าสำหรับแก้ทรางโคหายดีนัก
ยากวาดแก้คอแห้ง ขนานนี้ท่านให้เอา ชะเอม ๑ ตรีกะฏุก ๑ กระเทียม ๑ เกลือ ๑ รวมยา ๖
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวหัวหอมรำหัด
ทาปากแก้คอแห้งไม่มีน้ำลายหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ผลราชดัด ๑ เนระภูสี ๑ สังกรณี ๑ จันทนฺแดง ๑
ผลประคำดีควาย ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ ผลในแตงจีน ๑ ตุมกาแดง ๑ รวมยา ๘
สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดปั้นแท่งไว้ ละลายสุรากินแก้คอแห้งหายดีนัก
ยากวาดทรางโค ขนานนี้ท่านให้เอา กระดูกงูเหลือมเผา ๑ กระดูกงูทับทางเผา ๑
เขาโคเผา ๑ มูลแมลงสาบขั้ว ๑ ชาดหรคุณจีน ๑ หวายตะค้าเผา ๑ รวมยา ๗
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้กวาดทรางโคหายดีนัก
ยาแก้พิษภายใน ขนานนี้ให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐพุงปลา ๑ จันทนฺแดง ๑ กฤษณา ๑
เกสรสารภี ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำเล็บมือนาง ต้มเป็นกระสาย
บดทำแท่งไว้เท่าเมล็ดพริกไทย ละลายน้ำดอกไม้ เอาพิมเสนรำหัดกินแก้พิษตานพิษทราง
ถ้าจะแก้เชื่อมแก้มึนกระหายน้ำหอบพักแซกน้ำตาลกรวดกิน แก้เสมหะก็ได้ แก้ทราง ๗
จำพวก หายดีนักได้เชื่อแล้ว
( จบลักษณะทรางโคแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะทรางเข้าเปลือก ซึ่งเป็นทรางจรมาแซกทรางโคเจ้าเรือนสำหรับกัน นั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะทรางเข้าเปลือกนั้นมีแม่ ๕ ยอด มีบริวาร ๕๐ ยอด
แม่ทรางขึ้นประจำอยู่กระหม่อมนั้นยอด ๑ แม่ทรางขึ้นประจำอยู่กลางหลังนั้นยอด ๑
แม่ทรางขึ้นประจำอยู่นาภีนั้นยอด ๑ แม่ทรางขึ้นประจำอยู่รักแร้ทั้ง ๒ ข้างๆละยอด
มีบริวารขึ้นประจำอยู่แห่งละ ๑๐ ยอด ทรางจำพวกนี้เกิดเพื่อกำเดา
เมื่อจะบังเกิดนั้นให้ปากร้อนให้ลงท้องก่อน
ทรางจำพวกนี้จึงมาเกิดขึ้นทำให้เท้าแลมือเย็น แต่เจ็บเป็นดังนี้ครั้ง ๑
แม่ทรางที่อยู่ในกระหม่อมนั้น จึงเลื่อนลงมาตั้งในนาภีอีกยอด ๑ เป็น ๒ ยอดด้วยกัน
ให้กุมารนั้นเจ็บอีกครั้ง ๑ แม่ทรางที่อยู่กลางสันหลัง ยอด ๑ นั้นก็เลื่อนลงมา
ตั้งอยู่นาภีเป็น ๓ ยอด จึงทำให้กุมารเจ็บป่วยอิกครั้ง ๑
แม่ทรางที่อยู่รักแร้ข้างละยอดนั้น ก็ลงมาตั้งอยู่นาภีเป็น ๕ ยอด
ด้วยกันขึ้นเป็นดังนี้ ๐๐๐๐๐ เรียงกันลงมาใต้สดือถึงหัวเหน่า อันว่าทรางบริวาร ๕๐
ยอดนั้น ก็รายกันไป ขึ้นทั้งตัว บางทีให้ พรึงขึ้น ดังคายเข้าเปลือก
ให้คันสักหน่อย ถ้ารู้มิถึง ก็ว่าหัด บางทีผุดขึ้นดังปานดำ ปานแดงก็มี
บางทีผุดขึ้นดังถูกหวายฟาด บางทีผุดขึ้นดังถูกตีด้วยนิ้วมือ ดำ แดง เขียว ก็มี
รากนักมักให้ลงท้อง ให้ท้องขึ้นให้ชักเท้ากำมือกำ ให้ลิ้นกระด้างคางแข็ง
ให้ดูดนมมิได้ แลให้เป็นไปใน ๓ วัน ๗ วันที ๑ พ้นกว่านั้นเป็นอาการท่านตัด
ถ้าแพทย์จะแก้ให้แก้ด้วยยาอันชื่อว่า พระสุริยจันทนังเป็นประการดังนี้
ยาชื่อพระสุริยจันทนัง ขนานนี้ท่านให้เอา รากสลอดน้ำ ๑
รากทองหลางหนาม ๑ รากพุมเรียงบ้าน ๑ รากตำลึง ๑ รากฟักเข้า ๑ รากโมง ๑ รากลำดวน ๑
รากเล็บมือนาง ๑ รากสุรามฤตย์ ๑ รากคงคาเดือด ๑ รากเหมือดคน ๑ รากปลาไหลเผือก ๑
รากเถาหญ้านาง ๑ พยารากขาว ๑ พยารากดำ ๑ เชือกเขามวกทั้งสอง ๑ หญ้าแพรก ๑
หญ้าปากควาย ๑ พรมมิ ๑ เกสรบัวหลวง ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ งาช้าง ๑ เขากวาง ๑ นอแรด ๑
เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ รวมยา ๒๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณเอาผลประคำดีควาย
๒๐ ผลแช่เอาน้ำเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ทั้งกินทั้งชะโลม
แก้ร้อนแก้กระหายน้ำ ทั้งทรางโคทรางเข้าเปลือกหายดีนัก
ยากวาดทรางโคทรางเข้าเปลือก ขนานนี้ท่านให้เอารากนมแมวน้อย ๑ โลทนง ๑
ตุมกาแดง ๑ รากทรงบาดาน ๑ รากกะดานพล ๑ รากไข่เน่า ๑ รากแตงหนู ๑ รากหัศคุณ ๑
เปล้าน้อย ๑ รากสลอดกินลง ๑ รากชิงชี่ ๑ รากตานเสี้ยน ๑ รากตาลดำ ๑ รวมยา ๑๓
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวกวาดทรางโคทรางเข้าเปลือก
อันขึ้นลำคอแลต้นลิ้นแลหละขึ้นก็ดี กระทำพิษให้ลิ้นกระด้างคางแขงดูดนมมิได้
ถ้าจะแก้ฝีดาษละลายสุรากิน แก้คอ แก้พิษ แก้เสก็ด แก้คลั่ง แลห้ามกาฬ
ภายในมิให้เกิดขึ้นได้ดีนัก
ยาแก้ลิ้นหดคอแห้งเจรจาไม่ได้ยิน ขนานนี้ท่านให้เอาเนรภูสีทั้ง ๒ จุกโรหินี ๑
ชะเอมเทศ ๑ หว้านน้ำ ๑ เทียนดำ ๑ พริกล่อน ๑ ขิงแห้ง ๑ ดีงูเหลือม ๑ ขันทศกร ๑
รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุราทาปากหายดีนัก
ยาชื่อสมมิทกุมารใหญ่ ขนานนี้ท่านให้เอา ชะมดสด ๑ ชะมดเชียง ๑
พิมเสน ๑ โกฐเชียง ๑ โกฐหัวบัว ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ เทียนแดง ๑ เทียนเยาวภานี ๑
เทียนสัตตบุษย์ ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ จันทนฺแดง ๑ จันทนฺขาว
๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ แฝกหอม ๑ ลำพัน ๑ พุงเหม้น ๑ ตรีกฏุก ๑ เจตมูลเพลิง
๑ แห้วหมู ๑ เปราะหอม ๑ อบเชยเทศ ๑ จุกโรหินี ๑ เนรภูสีเทศ ๑ ใบสะเดา ๑ ใบพิมเสน ๑
ดอกคำไทย ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกจำปา ๑ ดอกมะลิ ๑ เกสรบัวเผื่อน
๑ เกสรบัวขม ๑ เกสรลินจง ๑ เกสรจงกลนี ๑ เกสรสัตตบุษย์ ๑ ชะลูด ๑ ดีงูเหลือม ๑ ฝิ่น
๑ รวมยา ๔๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดเอาน้ำดอกไม้เป็นกระสายปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้กินแก้ไข้ทั้ง ๓ ฤดู
แก้สรรพตานทรางตานขโมย หายดีนักได้เชื่อแล้ว
ยาชื่อกล่อมนางนอน ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑
โกฐเชียง ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เทียนขาว ๑
เทียนเข้าเปลือก ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนสัตตบุษย์ ๑ เทียนตาตั๊กแตน ๑
เกสรบัวเผื่อน ๑ เกสรบัวขม ๑ เกสรลินจง ๑ เกสรจงกลนี ๑ เกสรสัตตบุษย์ ๑
รากไคร้เครือ ๑ สังกรณี ๑ ขอนดอก ๑ ชะเอม ๑ น้ำประสานทอง ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา
๒๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำให้เป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสายบดเลอียดแล้วจึงเอาปิดก้น
ขันสำฤทธิ์ ลนควันเทียนให้ทั่วกันแล้วปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้กินแก้ระส่ำระสาย
ถ้าจะแก้เชื่อมละลายน้ำกฤษณากิน ถ้าจะแก้มูกเลือดละลายน้ำหมากดิบ กิน
ถ้าจะแก้เสมหะละลายน้ำมะแว้งเครือกิน ถ้าจะแก้ตัวร้อน น้ำดอกไม้ทั้งกินทั้งชะโลมหายดีนัก
( จบลักษณะทรางเข้าเปลือก
เป็นทรางจรมาแซกทรางโคเจ้าเรือนแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะว่าด้วยหละอันชื่อว่านิลกาฬ นั้นต่อไป หละจำพวกนี้เกิดเพื่อทรางโค ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ลักษณะหละนิลกาฬนั้น เมื่อจะบังเกิดขึ้นให้ตายไปครึ่งตัวร้องไห้มิออก
ถ้าขึ้นอยู่ได้ ๑ วัน ๒ วันก็ดีกลายเป็นมหานิลกาฬกล้าขึ้นร้ายนัก
ให้เขียวไปทั้งตัว
ยาแก้หละนิลกาฬ ให้เอาเปลือกปีบ ๑ เมล็ดสารพัดพิษ ๑ รากหนาด ๑ เปลือกมะกรูด ๑
ใบคนทีสอ ๑ รากผักโหมหิน ๑ การะบูร ๑ เปลือกทับทิม ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำนมโค ทาปากหายดีนัก
ถ้า มิฟังท่านให้เอาใบถั่วแระ ๑ เถาตำลึงตัวผู้ ๑ รากกล้วยตีบ ๑
กานพลู ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเปรียงพระโคทาปากได้เชื่อแล้ว หายดีนัก
ถ้า มิฟังท่านให้เอาเมล็ดโหระพา ๑ เมล็ดแมงลัก ๑ เมล็ดกระเพรา ๑
เมล็ดในมะนาว ๑ ดอกผักคราด ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวทาปากทาลิ้นกุมาร
ถ้าจะแก้ทรางไฟทรางขโมยแลทางขาวละลายสุราดีงูรำหัดกวาดหายดีนัก
( จบลักษณะหละนิลกาฬ เกิดเพื่อทรางโคแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะว่าด้วยละอองพระบาท อันชื่อว่า (ละออง) มหาเมฆ เกิดเพื่อทรางโคต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะละอองมหาเมฆนั้น เมื่อจะบังเกิดตั้งขึ้นดังดอกตะแบกช้ำ
กระทำพิษกล้า มากนัก จับให้หน้าเขียว ชักเท้ากำมือกำ
แลให้ตาช้อนดูสูงแลให้อุจจาระให้ปัสสาวะมิตก เป็นดังนี้
ยาแก้ละอองมหาเมฆ ให้เอารากหนาด ๑ รากแตงเถื่อน ๑ หวายตะค้า ๑ หวายตะมอย ๑ ระย่อม ๑
พิศนาด ๑ รากไคร้เครือ ๑ จันทนฺทั้ง ๒ เนระภูสี ๑ ชะเอม ๑ รวมยา ๑๑
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ทั้งกินทั้งทา หายดีนัก
อนึ่งลักษณะทราง, ละออง, หละ, ก็ ดี
ถ้าขึ้นลิ้นดังกล่าวมานี้แต่หลังนั้น ถ้ามิถอย ด้วยยาสิ่งใดๆแล้ว
กวาดด้วยยาสิ่งใดๆมิตก แล้วกลับด้านลง ดังเก่าดังก้นหม้อ ถ้าจะแก้เอาไคลเสมาไชย ๑
ไคลพระเจดีย์ ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เทียนขาว ๑ เทียนเข้าเปลือก ๑ ผลจันทนฺ ๑
โกฐจุลาลำภา ๑ นอแรดเผา ๑ งาช้างเผา ๑ เขากวางเผา ๑ เขากุย ๑ เขาแพะ ๑
ผิวมะกรูดขั้ว ๑ ฝักส้มป่อยขั้ว ๑ รากดินขั้ว ๑ เกลือกะตัง ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง
ชาดก้อน ๑ น้ำประสานทอง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท รวมยา ๑๙ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายสุราทาลิ้นดำ, ลิ้นแดง, ลิ้นเขียว, ก็ดี ลิ้นห่ออยู่ก็ดีแลเป็นกะตัง
อยู่ก็ดี เป็นเม็ดติดต้นลิ้นอยู่ก็ดี หายเป็นมหาวิเศษนัก
( จบลักษณะละอองมหาเมฆเกิดเพื่อทรางโคแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะกล่าวลักษณะลมอันชื่อว่าหัศคินี เกิดประจำทรางโคนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะลมหัศคินีนั้น
เมื่อจะบังเกิดจับให้ชักเท้ากำมือกำให้หลังแข็ง แลให้เหงื่อตกให้ท้องขึ้น
ถ้าเป็นแต่เวลาเช้าให้ระวังถึงเที่ยงจึงตาย ถ้าเป็นเที่ยงจนค่ำแล้วไม่ตาย
ท่านห้ามอย่าให้อาบน้ำเช้าเย็น อย่าให้กินยาเข้าสุรา แลลมจำพวกนี้เกิดเพื่อทรางโค
แต่ตั้งมูลปฏิสนธิได้ ๓ เดือน จึงสำแดงโทษให้แก่กุมาร ซึ่งพระอาจารย์เจ้ากล่าวไว้
มีในพระคัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๑ ว่าด้วยลักษณะครรภรักษาโน้น
แลลมจำพวกนี้ชอบแต่ยาเย็นเป็นยาสุขุมดุจกล่าวมาดังนี้
ยาแก้ลมหัศคินี ให้เอาเมล็ดในแตงโม ๑ ตาอ้อยแดง ๑ รากหญ้านาง ๑ รากหญ้าปากควาย ๑ ใบกะเม็ง
๑ ใบผักเป็ด ๑ หว้านน้ำ ๑ ตรีกะฏุก ๑ กระเทียม ๑ ใบผักเสี้ยนผี ๑ หญ้าลูกเคล้า ๑
รวมยา ๑๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายกิน
ถ้าจะชะโลมละลายน้ำซาวเข้าชะโลม แก้ลมหัศคินีหายดีนัก
ยาแก้ลมหัศคินี ขนานนี้ท่านให้เอา ผลผักชี ๑ หว้านน้ำ ๑ ดอกผักคราด ๑ ใบน้ำเต้า ๑
หญ้าใต้ใบ ๑ หญ้าปากควาย ๑ ตาอ้อยแดง ๑ ถั่วเขียว ๑ ตรีกะฏุก ๑ กระเทียม ๑ รวมยา
๑๒ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำซาวเข้าเป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำร้อนกิน ละลายน้ำซาวเข้าทากระหม่อมแก้ลมหัศคินี ลมพุทธยักษ์
ลมกุมภัณฑยักษ์ก็ได้ดีนัก
ยาชื่อมหาจักร (ใหญ่) ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑
โกฐพุงปลา ๑ โกฐก้านพร้าว ๑ โกฐกระดูก ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เทียนขาว ๑
เทียนเข้าเปลือก ๑ เทียนเยาวภานี ๑ ตรีผลา ๑ หญ้าฝรั่น ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑
กระวาน ๑ การพลู ๑ ชะเอม ๑ เมล็ดโหระพา ๑ ผลผักชี ๑ สานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑
ขมิ้นอ้อย ๑ กระเทียม ๑ น้ำประสานทอง ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง ยาดำ ๒ บาท
ใบกระพังโหม ๑๕ บาท รวมยา ๒๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำสุราก็ได้
กินแก้ลมทรางทั้ง ๗ วันหายดีนัก ได้เชื่อแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
พระ อาจาริย์เจ้า ท่านกล่าวมาในลักษณะกุมาร
เกิดวันพฤหัศบดีกำเนิดทรางโคกระทำโทษ กำเนิดทรางเข้าเปลือกเป็นทรางจรมาแซกทรางโค
กำเนิดหละชื่อนิลกาฬ กำเนิดละอองพระบาทชื่อมหาเมฆ กระทำโทษประจำทรางโค
จบบริบูรณ์เพียงนี้
พระ คัมภีร์ประฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๖ ว่าด้วยกุมารเกิดวันศุกร์ เป็นลักษณะแห่งทรางช้างเจ้าเรือน หละชื่อแสงพระจันทร์ ลมชื่อลมอริต โดยสังเขป
สิทธิการิยะ พระอาจารย์เจ้าจะกล่าวลักษณะกุมารกุมารีเกิดวันศุกร์นั้นต่อไป
กำเนิดทรางช้างเป็นเจ้าเรือนแห่งกุมารกุมารีผู้นั้น
ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยลักษณะ สังเขปดังนี้
ยาแก้ทรางช้าง ให้เอาใบทรงบาดาล หญ้าไซร รวม ๒ สิ่งนี้ตำเอาน้ำ สิ่งละจอก
แล้วคุลีการ กันเข้าเอาดีงูแทรกลงกินบ้างทาบ้างหาย
ยาแก้ลงทรางช้าง ขนานนี้ท่านให้เอา แก่นสน ๑ ผลประคำดีควาย ๑ แก่นประดู่ ๑
รากส้มป่อย ๑ รากทรงบาดาน ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑
กินแก้ทรางช้างลงท้องหายดีนักได้เชื่อแล้ว
ยาต้มแก้ทรางช้าง ขนานนี้ท่านให้เอา ยอดชุมเห็ด ๑ ยอดทับทิม ๑ ยอดพุดทรา ๑ ขมิ้นอ้อย
๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ กินหายดีนัก
ยากวาดแก้ทรางช้าง ขนานนี้ท่านให้เอา เปลือกน้ำเต้าขม ๑ หอยขมเผา ๑ ใบคนทีสอ ๑
หัวตะไคร้ ๑ ขมิ้นหัว ๑ ควักเอาเนื้อในออกให้บ้าง แล้วจึงเอาน้ำประสานทอง ๑ บาท
ยัดเข้าในขมิ้นอ้อยนั้นสุมไฟแกลบให้ระอุดี
แล้วจึงเอามาบดด้วยกันกับยาทั้งนั้นแทรกพิมเสน บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเปลือกหมากสง
กวาด ถ้ามิฟังละลายน้ำมะนาวกวาด ทาปากก็ได้หายดีนัก
ยากวาดชื่อแมลงป่อง กวาดทรางหล่น ทันใจขนานนี้ท่านให้เอารากถั่วภู ๑ ใบถั่วแระ ๑
ผักบุ้งเทศ ๑ ผลประคำดีควาย ๑ ใบหัศคุณ ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ รวมยา ๗
สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ สลึง ดีงูตะบองพะลำ ๑ เฟื้อง
ทำเป็นจุณเอาละลายน้ำสุราเป็นกระสายบดปั้นแท่ง แก้ทรางช้าง กินกวาดหรือทาปากก็ได้
ถ้ามิฟังแซกว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง ดีงูเหลือมรำหัดลง ถ้าจะให้ลงเร็ว แซกจันทนฺแดง
แซกเนระภูสี กวาดหล่นเร็วดีนัก
ยากวาดแก้ทรางช้าง ขนานนี้ท่านให้เอา นอแรดเผา ๑ เขากวางเผา ๑ หนังกระเบนเผา ๑ ผมคนเผา
๑ หวายตะค้าขั้ว ๑ รากมะแว้งทั้ง ๒ ขั้ว ตรีกระฏุก ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากวาดหายดีนัก
ยาชื่อหิงคุวัจจา ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีกระฏุก ๑ มหาหิงคุ์ ๑
เนระภูสี ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐสอ ๑ เทียนดำ ๑
เทียนขาว ๑ จันทั้งสอง ผลเบ็ญกานี ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง กระเทียม ๑ ใบสวาด ๑ ใบเทียน
๑ ใบผักคราด ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบกระพังโหม ๑ ใบสมี ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ หอม ๑ ขมิ้นอ้อย
๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท ฝิ่น ๑ ดีจรเข้ ๑ ดีตะพาบน้ำ ๑ ดีงูเหลือม ๑ เอาสิ่งละ ๒ ไพ
รวมยา ๓๑ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินเป็นยาประจำท้อง มิให้ทรางกระทำพิศมฺได้
แลแก้ตาลแก้ทรางกินชายตับให้ลงเป็นโลหิตสดๆ ออกมาด้วยก็ดี
แลทรางขึ้นในทวารหนักทวารเบาก็ดี แลขึ้นในปากในคอในลิ้นก็ดี
ให้กระหายน้ำนักแลให้เชื่อมมึนไปก็ดี กินยานี้หายวิเศษนัก
ยาชื่ออินทจักร ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑
เทียนขาว ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนสัตตบุษย์ ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑
กานพลู ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑ การะบูร ๑ พริกไทย ๑ กระเทียม ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง
ดีปลี ๑ บาท รวมยา ๑๕ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้แก้หลังแข็ง
ตาแข็งคางแข็งที่ใด ให้เอายานี้ละลายน้ำมะกรูด เอาฝิ่นรำหัดทาที่นั้นเถิด
ถ้าเชื่อมมึนเป็นเพื่อลมก็ดี แลเป็นบิดตกมูกเลือด ก็ดี
ละลายสุรากินแก้ได้ทุกสิ่งดีนักอย่าสนเท่ห์เลย
ยาชื่ออินทรบรรจบคู่กัน ขนานนี้ท่านให้เอา ชมด ๑ พิมเสน ๑
จันทนฺทั้งสอง ๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ ผลมะขามป้อม
๑ ยาดำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ กระเทียม ๑ ดีงูเหลือม ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง เทียนดำ ๑
เทียนขาว ๑ เทียนแดง ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนสัตตบุษย์ ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑
กานพลู ๑ กระวาน ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง รวมยา ๒๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ แล้วจึงเอาดีงูเห่า
๑ ดีจรเข้ ๑ ดีตะพาบน้ำ ๑ ดีปลาช่อน ๑ ดีปลาไหล ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง
แช่เอาน้ำเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้กินแก้อับจน
ถ้ามิฟังละลายสุรากินแก้สรรพตาลทราง ทั้งปวง แลแก้ชักเท้ากำมือกำหายดีนัก
ยาชื่อนันทไกรวาต ขนานนี้ท่านให้เอา กระดูกงูเหลือม ๑
กระดูกงูทับทาง ๑ งาช้าง ๑ กรามแรด ๑ คางปลาช่อนข้างล่าง ๑ โกฐสอ ๑ โกฐกระดูก ๑
เทียนดำ ๑ ผลโหระพา ๑ ผลผักชี ๑ น้ำประสานทอง ๑ ใบพิมเสน ๑ ใบสันพร้าหอม ๑
ใบผักหวานบ้าน ๑ รากทองหลางหนาม ๑ รากสลอดน้ำ ๑ รากฟักเข้า ๑ รากตำลึง ๑ รากถั่วภู
๑ เมล็ดในมะนาว ๑ หวายตะค้า ๑ ผลสาระพัดพิศมฺ ๑ ไคร้เครือ ๑ เกสรสารภี ๑ เกสรพิกุล
๑ เกสรบุนนาค ๑ รวมยา ๒๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคกระทำให้เป็นจุณ
ใช้น้ำดอกไม้เป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ แก้ชักทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ แก้เชื่อมแซกดีงู
เอาพิมเสนรำหัด แก้กระหายน้ำหอบพักแลแก้ลิ้นกระด้างคางแข็ง
ละลายน้ำดอกไม้น้ำซาวเข้าก็ได้ ทั้งกินทั้งชะโลมหายดีนักได้เชื่อแล้ว
( จบลักษณะทรางช้างแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะหละอันชื่อว่าแสงพระจันทร์นั้นต่อไปหละจำพวกนี้บังเกิดเพื่อทรางช้าง (แลทรางน้ำ) ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะหละแสงพระจันทร์นั้น เมื่อจะบังเกิดขึ้นเม็ดเติบ เท่าเม็ดเข้าโภชนฺ
มีสีเหลือง ขึ้นตั้งแต่ต้นขากันไกรซ้ายฤาขวาก็ดุจกัน แล้วจึงกระทำให้ลงท้องตาแข็ง
แล้วให้ลิ้นกระด้างคางแข็ง แลให้ร้องไห้น้ำตาไม่มี
ให้หน้าผากตึงแล้วให้ตัวเย็นดังนี้
ยาจุดแก้หละแสงพระจันทร์ ให้เอาเทียนดำ ๑ สานส้ม ๑ กัมถันแดง ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ กานพลู ๑ ดีปลี
๑ น้ำประสานทอง ๑ ผิวมะกรูด ๑ พริกไทยขั้ว ๑ เกลือขั้ว ๑ รวมยา ๑๐
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำผลมะแว้งเป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวจุดหละแสงพระจันทร์อันบังเกิดเพื่อทรางช้างนั้น หาย
ยากินแก้หละแสงพระจันทร์ ท่านให้เอา ปู่เจ้าพุงแก ๑ ปู่เจ้าสมุงกุย ๑ ฉัตร์พระอินทร์ ๑
นมแมวน้อย ๑ สีหวดใหญ่ ๑ สีหวดน้อย ๑ ตับเต่าน้อย ๑ ตับเต่าใหญ่ ๑ รากระย่อม ๑
รากไคร้เครือ ๑ พิศนาด ๑ เนระภูสี ๑ จันทนฺแดง ๑ จันทนฺขาว ๑ งวนหมู ๑ รากหญ้านาง
๑ รากประคำดีควาย ๑ โคนไม้ไผ่ป่า ๑ ผักแพวแดง ๑ รวมยา ๑๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ทั้งกินทั้งชะโลมหาย
ยากวาดหละแสงพระจันทร์นั้น ท่านให้เอายาที่กวาดแก้นิลเพลิง
ซึ่งเกิดเพื่อทรางสกอมีอยู่ในประฐมจินดาปริเฉท ๔ นั้น มาใช้กวาดเถิดได้ดุจกัน
ดีนักอย่าสนเท่ห์เลย
( จบลักษณะหละแสงพระจันทร์แต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะลมอันชื่อว่าลมอริต เกิดเพื่อทรางช้างนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ลักษณะโดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะลมอริตนั้น เมื่อจะเกิดให้คอเขียวให้ชักเท้ากำมือกำ
บางทีให้ชักแต่จำระซ้าย บางทีให้ชักแต่จำระขวา บางทีให้ชักแต่ข้างซ้าย
แต่ข้างขวาให้กระด้างคางแข็ง ร้องให้ไม่ออกน้ำลายฟูมปากออกมา แลให้ลูกตากลับกลอกไป
ให้ยักคิ้วหลิ่วตา แลเป็นเสมหะปะทะคอดังกรอกๆ
ถ้าแลกุมารผู้ใดเป็นดังกล่าวมานี้ได้ชื่อว่าลมอริตกระทำโทษ
เมื่อตายแล้วให้ตัวเหลืองดังรดด้วยน้ำขมิ้นสด
เพราะลมจำพวกนี้บังเกิดเพื่อละอองพระบาท กาลสิงคลีดุจกล่าวมานี้
ยาแก้ลมอริต ให้ เอา คุคะ ๑ รากหญ้านาง ๑ เชือกเขามวก ๑ เปลือกน้ำเต้าแตก ๑
สาแหรกขาด ๑ คานหัวด้วน ๑ ตรีกระฏุก ๑ การะบูร ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ว่านน้ำ ๑ ผิวมะกรูด
๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งละลายน้ำร้อนกิน
แก้ลมอริต ลมสุนทรวาต ลมวาตะภัค แลลมอักขมูขี ลมสะแกเวียน ลมบ้าหมู
ลมทั้งนี้หายดีนักได้เชื่อแล้ว
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา น้ำอ้อยแดงทะนาน ๑ มูตร์โคดำทนาน ๑
น้ำรากสอึกทะนาน ๑ น้ำใบอัญชันทั้งสองอย่างละหนึ่งทะนาน น้ำใบกระเช้าแดงทะนาน ๑
น้ำใบกระเช้าขาวทะนาน ๑ น้ำใบผักโหมหินทะนาน ๑ น้ำใบผักโหมหัดทะนาน ๑ น้ำมะนาว ๒
ทะนาน กระวาน ๑ กานพลู ๑ สมูลแว้ง ๑ เทียนเยาวภานี ๑ ผักแพวแดง ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง
โกฐสอ ๒ สลึง ดีปลี ๑ ขิงแห้ง ๑ ว่านน้ำ ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท มหาหิงคุ์ ๑ ไพล ๑
เอาสิ่งละ ๒ บาท ยาทั้งนี้ทำเป็นจุณแล้ว จึงคุลีการ เข้าด้วยกันใส่กะทะตั้งไฟกวนให้เข้ากัน
แต่พอปั้นได้เป็นลูกกลอนกินแก้ลมอริตแลลมทั้งปวงหายดีนัก
ยาชื่อประสระลม ขนาน นี้ท่านให้เอา ใบพิมเสน ๑ การะบูร ๑
ผิวมะกรูด ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง กระเทียมกรอบ ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ ใบหนาด ๑
เอาสิ่งละ ๑ บาท รวมยา ๗ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำมะนาวเป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะกรูดน้ำมะนาวน้ำส้มซ่าก็ได้
กินแก้ลมจุกเสียดขบแทงแลลมอริตลมทรางทั้งปวงหาย
ยาแก้ชักลมอริต ขนานนี้ท่านให้เอา การะบูร ๑ บาท ว่านน้ำ ๑ บาท ยาดำ ๒ บาท
หิงคุ์ยางโพ ๑ บาท ผลจันทนฺ ๒ บาท เปราะหอม ๒ บาท หัวหอม ๒ บาท พิมเสน ๙ สลึง ยา ๘
สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ให้กุมารกินตามกำลัง อายุเดือน ๑ กิน ๑ เม็ด
อายุเดือน ๒ กิน ๒ เม็ด ทวีขึ้นไปตามอายุกุมารทั้งกินทั้งชะโลม
แก้ชักลมอริตแลลมทรางทั้งปวงหายดีนัก ได้เชื่อมาแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
พระ คัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๗ ว่าด้วยกุมารเกิดวันเสาร์เป็นลักษณะทรางโจรเจ้าเรือน ทรางนางริ้นเป็นทรางจร หละชื่อมหานิลกาล ละอองชื่อเปลวไฟฟ้าทับทิม ลมชื่อลมกุมภัณฑ์ ลมบาทยักษ์ลมจำปราบ โดยสังเขป
( ลักษณะกำเนิดทรางวันเสาร์นั้นมีแจ้งอยู่ในน่า ๑๗๓ แห่งเล่มนี้แล้ว
บัดนี้ได้คัดแต่ตำรายา สำหรับทรางวันเสาร์มาลงต่อไป )
ยาแก้มูกเลือดทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา รากทับทิม ๑ รากมะพร้าว ๑ รากตานดำ ๑ รากตานหม่อน
๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ กินหายดีนัก
ยาชื่อชมภูทวีป ขนานนี้ท่านให้เอา ใบเพกา ๑ ใบพุดทรา ๑
ใบผักปลาบ ๑ ใบผักเป็ด ๑ ใบกระเม็ง ๑ ใบชุมเห็ดไทย ๑ ใบทองหลางใบมน ๑ ใบหว้า ๑
ใบลำโพง ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบมะเดื่อ ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้ตำเอาน้ำสิ่งละจอก น้ำมันงาจอก
๑ หุงให้คงแต่น้ำมันทั้งกินทั้งทา แก้ตานแก้ทรางโจรตกมูกเลือดหาย
ถ้าจะทำแท่งให้เอาเสมอภาคบดด้วยสุรากินแก้ดุจกัน
ยาแก้ทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา ผักขวง ๑ ใบมะระ ๑ ใบการ่อน ๑ ใบทุมมะราชา ๑
ใบทุมเทง ๑ ใบมะขวิด ๑ ใบโคกกระออม ๑ ใบชะบา ๑ ข่าตาแดง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๐
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากิน
แก้พิษตานทรางโจรหายทุกประการดีนัก
ยาชื่อแสงพระจันทร์ ขนานนี้ท่านให้เอา กรุงเขมา ๑ โกฐสอ ๑
เบ็ญกานี ๑ เนระภุสีทั้ง ๒ จันทนฺทั้ง ๒ รากไคร้เครือ ๑ เปลือกมะขามขบ ๑ ครั่ง ๑
ผลตะบูน ๑ เปลือกมะเกลือ ๑ ใบสะเดา ๑ ตรีกระฏุก ๑ บรเพ็ด ๑ เมล็ดในสะแก ๑
เปลือกหางกราย ๑ เปลือกฝิ่นทั้ง ๒ ผลทับทิมอ่อน ๑ กระเทียมกรอบ ๑ รวมยา ๒๓
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาดีงูเหลือมแช่น้ำเป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ตานแลทรางโจร ให้เป็นบิดปวดมวนแลตกเสมหะเป็นบุพโพ
โลหิตเน่าแลให้ตัดอาหาร นั้นก็ดี แลให้เชื่อมมึนหอบพักกระหายน้ำตัวร้อนก็ดี
ยาขนานนี้อาจสามารถจะแก้ได้ทุกประการดีนัก
ยาแก้บิดเพื่อพิษทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา ผลเบ็ญกานี ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เทียนทั้ง ๕
เนระภูสี ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ จันทนฺทั้ง ๒ กระถินแดง ๑
รากไคร้เครือ ๑ ผลตะบูน ๑ รวมยา ๑๗ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ ส่วน เปลือกสันพร้านางแอ ๓
ส่วน ผลตะลุมพุก ๔ ส่วน ผลตุมกาทั้ง ๒ สิ่งละ ๕ ส่วน แล้วทำให้เป็นจุณเอาสุราเป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำปูนใสกิน แก้ลงเป็นบุพโพโลหิตหาย แลแก้ให้ระส่ำระสาย
แก้ไข้ตรีโทษ แก้อติสาร ทั้งปวงหาย
ยาชื่อทิพย์ศุภสุวรรณ ขนานนี้ท่านให้เอา กำมะถันทั้ง ๒ การบูร
๑ จันทนฺทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ โกฐกระดูก ๑ โกฐเขมา ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑
สีเสียดทั้ง ๒ ผลเบ็ญกานี ๑ ครั่ง ๑ เปลือกมะขามขบ ๑ ใบสะเดา ๑ ผลปราย ๑ ชะเอมเทศ
๑ กันชา ๑ ฝิ่น ๑ ดีงูเหลือม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ตรีกระฏุก เอาสิ่งละ ๑ สลึง
กระเทียมกรอบ ๒ สลึง กานพลู ๑ บาท เปลือกหางกราย ๒ บาท รวมยา ๒๙ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ
เอาเปลือกแคแดง ๑ เปลือกเพกา ๑ เปลือกฝาง ๑
ต้มด้วยเหล้าเอาน้ำเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำเปลือกมะเดื่อต้มกิน
ถ้าจะแก้บิดละลายน้ำกระทือก็ได้น้ำปูนใสก็ได้ แก้ตานทรางแลทรางโจร
ถ้าผู้ใหญ่เป็นริดสีดวงให้ลงเป็นเสมหะโลหิตเน่าก็ดี ให้กินยานี้หาย
ยาหลามแก้ตานโจร ขนานนี้ท่านให้เอา กระเทียม ๗ กลีบ ขมิ้นอ้อย ๗ ชิ้น พริกไทย ๗
เมล็ด ขิง ๗ ชิ้น ใบเทียนกำมือ ๑ เปลือกฝิ่นทั้ง ๒ สิ่งละกำมือ ๑ ใบกระพังโหม ๓
กำมือ รวมยา ๙ สิ่งนี้ตำให้แต่พอช้ำๆ ใส่เหล้าครึ่งน้ำครึ่งหลาม
ด้วยไม้ไผ่สีสุกให้สุกแล้ว จึงเอามาบดปั้นแท่งไว้แซกดีงูเหลือมให้กิน
แก้ตานโจรกินลำไส้ให้ลงทอ้งตกมูกเลือดแลอุจจาระเขียวดุจใบไม้ก็ดี
เป็นเสมหะโลหิตเน่าก็ดีหายสิ้นดีนักอย่าสนเท่ห์เลย
ยาแก้มูกเลือดทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ ใบพลูแก ๑ ฝิ่น ๑ รวมยา ๓
สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายน้ำสุรากิน แก้ตกมูกเลือดให้ขบในท้อง หาย
ยา แก้มูกเลือดทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา เปลือกขี้อ้าย ๑
เปลือกมะทราง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เนรภูสี ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑
ขิง ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณเอาน้ำมะรุมเป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากิน ถ้าลงหนัก ให้ละลายน้ำเปลือกแคแดง, มะเดื่อ, มะกอก,
ก็ดี กินหายดีนัก
ยาชื่อสิทธิสารแก้ลง ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีกระฏุก ผักแพวแดง ๑
หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ สีเสียดทั้ง ๒ ใบกระเพรา ๑ บรเพ็ด ๑ เขาควายเผือกเผา
๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคเอาเขาควายเผือกเท่ายา ทั้งหลายทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ตานทรางโจรหาย
ยาชื่อหิงคุ์สุรา ขนานนี้ท่านให้เอา ดอกบุนนาค ๑ เกสรบัวหลวง
๑ ดอกมะลิ ๑ เปลือกหางกราย ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ ผลเอ็น ๑ กานพลู
๑ หมากเข้าเหนียว ๑ สีเสียดทั้ง ๒ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง กระเทียมกรอบ ๑ บาท
เขาควายเผือกเผา ๑ ใบกระเพรา ๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท รวม ๑๕ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้บิดตกมูกเลือดให้ปวดมวนแลแก้โลหิตตกทางทวาร ทั้ง ๙
แลแก้ลักกะปิดหายดีนัก
ยาแก้ตานโจร ขนานนี้ท่านให้เอา ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ ดีปลี ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑
หอมแดง ๑ กระเทียม ๑ ดินถนำ ๑ เอาสิ่งละส่วน มาศเหลือง กึ่งส่วน รวมยา ๙
สิ่งนี้ทำเป็นจุณ
เอาสารพัดดีเป็นกระสายแช่น้ำบดแล้วเอายาติดก้นขันสำฤทธิ์ลนควันเทียน
ให้ร้อนทั่วกันแล้วจึงปั้นแท่งไว้ แก้ตานโจรกินทวารหนักเบาให้เป็นดากออกมาก็ดี
เป็นบิดตกมูกเลือดให้ปวดมวนนัก ละลายสุราแซกน้ำตาลกรวดกิน
ถ้าจะแก้เชื่อมมึนให้ละลายน้ำดอกไม้น้ำจันทนฺก็ได้ แซกพิมเสนลงกิน
ถ้าจะแก้ทรางขึ้นคอละลายน้ำมะนาวกับเกลือกวาด
ถ้าจะแก้ท้องขึ้นให้ละลายน้ำมะกรูดแซกดีงูลงกิน
ถ้าจะแก้งูขบละลายสุราทั้งกินทั้งทา ถ้าจะแก้ริดสีดวงแลแก้ทรางขึ้นทวารทั้ง ๙ เป็นดากออกมาก็ดี
ให้ละลายน้ำหมากดิบแซกฝิ่นลงกิน ถ้าจะแก้ลงถึงอติสารให้ละลายน้ำเปลือกแคแดง ๑ สน ๑
ใบเทียน ๑ ใบทับทิม ๑ ต้ม ๓ เอา ๑ ให้กิน ๙ เม็ด กินบ้างทาทวารหนักบ้างหายดีนัก
ยาชื่อนวทวารยาชักให้หด เอาผลจันทนฺ ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ รากมะฝ่อ
๑ รวมยา ๓ สิ่งเอาเสมอภาค เปลือกสันพร้านางแอเท่ายาทั้งหลาย
ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายสุรา น้ำท่าน้ำปูนใสครึ่งหนึ่ง กินให้ได้ ๗ วันๆละ ๒
เวลาเช้าเย็นหายดีนัก
แล้วจึงแต่งยาชำระดาก เมื่อถ่ายอุจจาระขนานนี้
ท่านให้เอาเบ็ญจลำโพง เบ็ญมาศลา ๑ มาศเหลือง ๑ เปลือกสะเดา ๑ เปลือกเพกา ๑ เกลือ ๑
รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ แล้วเอาไว้ให้เย็น
เอาน้ำชำระดากให้หดเข้าไปทั้งแก้เปื่อยเน่าด้วยแลกันอันตรายทั้งปวงหายวิเศษ นัก
อนึ่ง ถ้ากุมารเป็นตานโจรก็ดี เป็นเพื่อทรางสิ่งใดๆ ก็ดี
แลถ่ายอุจจาระให้เป็นดากออกมาก็ดี ท่านให้หุงน้ำมันนี้กิน เอาน้ำใบคนทีสอทนาน ๑
น้ำใบสะเดาทนาน ๑ น้ำใบตำลึงตัวผู้ทนาน ๑ น้ำใบไคร้น้ำทนาน ๑ น้ำใบไคร้บกทนาน ๑
น้ำใบตานหม่อนทนาน ๑ น้ำใบตานขโมยทนาน ๑ น้ำเปลือกพุดทราทนาน ๑ น้ำเปลือกเพกา ๑
น้ำรากมะเดื่อดินทนาน ๑ น้ำผลมะเขือขื่นทนาน ๑ น้ำรากถั่วภูทนาน ๑
น้ำขมิ้นอ้อยทนาน ๑ น้ำมันมะพร้าวไฟทนาน ๑ หุงให้คงแต่น้ำมัน แล้วจึงเอารากเจตมูล
๑ ดีงูเหลือม ๑ ยาฝิ่น ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง ทำเป็นจุณปรุงลงในน้ำมันให้กิน
แลขี้น้ำมันนั้นเอาทาดาก ถ้าขึ้นทวารทั้ง ๙ ทาไปเถิดหายดีนัก
อนึ่ง ถ้าแลทรางจำพวกใดก็ดีแลทรางโจรก็ดี
แลกลายไปให้ลงท้องเป็นมูกเป็นเลือดสดๆ ออกมาก็ดี
แลเน่าออกมาก็ดีให้ปวดมวนให้เบ่งนักดากนั้นจึงออก
เพราะทรางกินในลำดากจึงให้ปวดมวนเป็นกำลัง ถ้าแพทย์วางยาหน่วง ไว้ยิ่งปวดมากขึ้น
จึงให้เบ่งมากขึ้น เมื่อว่าเบ่งมากขึ้นทีใด อันว่าลำดากนั้นก็ยาวออกมาทุกที
ถ้าจะแก้ท่านให้แต่งยาชำระใน ทั้งชักดาก ให้หดขึ้นมาด้วย ท่านให้เอาผลราชดัด ๑
ผลสารพัดพิษ ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง รากสะแก ๑ รากมะเกลือ ๑ รากกระพังโหม ๑ ยาดำ ๑
เอาสิ่งละ ๑ บาท หญ้างวงช้างทั้งต้นทั้งราก ๑ ผลขี้กาแดง ๓ ผล ผ่าออก ๔ เอาแต่ ๓
ทั้ง ๓ ผล ผลมะกรูดผ่า ๔ เอาแต่ ๓ ทั้ง ๓ ผล บรเพ็ดเอารอบศีร์ษะคนไข้ ขมิ้นอ้อยยาว
๑ คืบคนไข้ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้ต้มด้วยเหล้าครึ่งน้ำครึ่ง ให้กินทุเลากินปิด ดีนัก
ยาชักดากให้หด ขนานนี้ท่านให้เอา น้ำนมราชสีห์เครือเต็มกำมือกลั้นใจตัดหัวแลท้าย ๑
ขอบชะนางแดงเต็มกำมือกลั้นใจตัดหัวแลท้าย ๑ ขมิ้นอ้อยหัวใหญ่หั่นเป็นน่าแว่น
ให้ได้ทวดึงษาการ ๓๒ ลงแว่นละตัวทั้ง ๓๒ แว่น ต้มด้วยน้ำปูนใสกินหายดีนัก
( จบลักษณะทรางโจรเจ้าเรือนแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะกล่าวด้วยทรางนางริ้น เป็นทรางจรสำหรับแห่งทรางโจรนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้จักลักษณะโดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะทรางนางริ้นนั้นมีแม่ ๔ ยอด มีบริวาร ๕๖ ยอด
ตั้งแต่กุมารออกจากเรือนเพลิง บางทีขึ้นแซกทรางโจรบางทีต่อสิ้น
ทรางโจรแล้วจึงตั้งขึ้น อยู่สะดือ ๑ ยอด บริวารมาขึ้นด้วย ๘ ยอด ขึ้นอยู่ทรวงอก ๑
ยอด บริวารมาขึ้นด้วย ๑๒ ยอด ขึ้นอยู่ลิ้น ๑ ยอด บริวารมาขึ้นด้วย ๑๖ ยอด
รายกันลงมาตามลำคอถึงทรวงอก ขึ้นอยู่ทรวงอกนั้น ๑ ยอด บริวารมาขึ้นด้วย ๒๐ ยอด
รายกันไปขึ้นตามหัวเหน่าแลไส้อ่อนไส้แก่ เมื่อกุมารได้ ๓ เดือน
แม่ทรางอันอยู่ในลำคอนั้นกระทำให้คอแห้งให้ลิ้นขาวดูดนมมิได้เมื่อกุมารได้ ๖ เดือน
บริวารทรางซึ่งขึ้นลิ้นไก่ ๓ ยอดนั้น กระทำให้ไอเป็นกำลัง บริวารทรางทั้งนั้นก็รายกันลงไปบรรจบแม่ทรางที่อยู่ทรวงอก
แล้วจึงกระทำให้กระหายน้ำ ให้คอแห้งให้เชื่อมหลับตาไป
บริวารทรางซึ่งอยู่ในทรวงอกนั้น ก็รายกันมาถึงชายโครงชายตับ
บรรจบกันกับแม่ทรางที่อยู่ในสดือนั้น กระทำให้ตกมูกตกเลือดสดๆออกมา
บางทีให้เป็นเสมหะโลหิตเหน้าออกมาบ้าง แล้วก็ให้ตับหย่อนย้อยลงมาชายโครง
ให้จับเป็นเวลา ให้ตาแดงเป็นสายโลหิต ถ้าวางยา ผิดก็ตาย
ถ้าวางยาถูกเข้าค่อยงดต่อไป เมื่ออายุกุมารได้ ๑ ขวบกับ ๖ เดือน
ทรางที่ในกะเพาะปัสสาวะนั้นก็กระทำให้ขัดปัสสาวะ บางทีปัสสาวะตกออกมาดังน้ำเข้า
น้ำดินสีพองก็มี ดังน้ำหนองก็มี ให้เจ็บปวดดิ้นเสือกไปมาให้ปัสสาวะหยด บางทีให้ฟก
ขึ้นที่ปลายองคชาต บางทีให้ฟกขึ้นที่หัวเหน่าเป็นหนอง แลหนองนั้นก็กลายเป็นปรวด
เข้าคือลูกนิ่วบ้าง เกิดเพราะทรางนางริ้น จะตายใน ๓ ขวบนี้
ถ้าบังเกิดแต่มารดาออกไฟมาถึง ๑ ขวบกับ ๗ เดือน
กุมารผู้นั้นจึงจะรอดจากความตายด้วยทรางนางริ้น ถ้าจับแต่สิ้นกำหนดทรางโจร ๓ ขวบไป
ถ้าจะนับบรรจบกันเข้าเป็น ๔ ขวบกับ ๗ เดือน จึงจะพ้นกำหนดทรางโจรทรางจร
เมื่อพ้นกำหนดทรางโจรทรางจรแล้ว คือทรางโจรจะได้ทำต่อไปจนอายุ ๗ ขวบ
จึงจะรอดจากความตาย อันว่าลักษณะทรางโจร มิใช่จะมีแต่กุมารเกิดวันเสาร์เท่านั้นหามิได้
ย่อมเข้าแซกไปทุกๆทรางเมื่อปลายมือ อันว่าลักษณะทรางนางริ้นเล่าไซ้
จะจรแซกแต่ทรางโจรก็หามิได้ ย่อมแซกไปทุกๆ ทรางดุจกัน
ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาทรางนางริ้นไปเมื่อน่า
ท่านให้ยักย้ายรักษาเอาตามทรางเจ้าเรือนเดิมนั้นเถิด
( จบลักษณะทรางนางริ้นแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะว่าด้วยหละอันชื่อมหานิลกาฬ ประจำทรางโจรต่อไปให้แพทย์ทั้งหลายรู้จักลักษณะโดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะหละมหานิลกาฬนั้น ตั้งขึ้นยอดดำดังยอดนิลขึ้นอยู่ ๑ วัน
แปร เป็นแสงเพลิง ขึ้นอยู่ ๒ วันแปรไปเป็นสลักเพ็ดทั้งคู่ก่อนทั้ง ๒ ข้าง
ถ้ามหานิลกาฬขึ้นให้ตายไปครึ่งตัวร้องไห้มิออกเลยดุจกล่าวมาดังนี้
ยาแก้หละมหานิลกาฬ ให้เอาเปลือกฝิ่น ๑ เปลือกมะกรูด ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ รากหนาด ๑
ใบคนทีสอ ๑ รากผักโหมหิน ๑ ใบทับทิม ๑ การบูร ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๙
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำนมโคทาปาก หายดีนัก
ถ้า มิฟังท่านให้เอา ใบถั่วแระ ๑ กานพลู ๑ น้ำประสารทอง ๑
ตำลึงตัวผู้ ๑ รากกล้วยตีบ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเปรียงพระโคทาปากหายดีนัก
ยาชื่อเทพมงคล (เครื่อง ยาแลวิธีทำมีแจ้งอยู่น่า ๒๔๖ แห่งเล่มนี้แล้ว
ในทีนี้จะว่าด้วยวิธีใช้น้ำกระสาย ซึ่งยังมิได้กล่าวข้างต้นนั้นต่อไป)
ยาเทพมงคลขนานนี้แก้หละทั้ง ๘ จำพวก ถ้าหละ สีแดงให้ละลายน้ำฝางกวาด
ถ้าสีเหลืองให้ละลายน้ำขมิ้นเครือกวาด ถ้าสีดังควันเทียนให้ละลายน้ำหอม
เอาดีงูรำหัดกวาด ถ้าสีดังดอกตะแบกช้ำให้ละลายน้ำผลเถาคันสุก
เอาเกลือรำหัดกวาดหายสิ้นดีนัก
ยาชะโลมดับพิษหละ ขนานนี้ท่านให้เอา ใบระงับทั้ง ๒ ใบตำลึงตัวผู้ ๑ ใบโคกกระออม ๑
ใบจันทนฺหอม ๑ ใบชะบา ๑ ใบฟักเข้า ๑ ดินประสิวขาว ๑ ดินสีผ่อง ๑
ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้า ชะโลมสำหรับหละ ๘ จำพวกหายดีนัก
ยากินแก้พิษหละจับหัวใจ ขนานนี้ท่านให้เอา สังกระณี ๑ เนระภูสี ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑
กานพลู ๑ กระวาน ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ ข่าแก่ ๑
หอมแดง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ กระชาย ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ รากไคร้เครือ ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๒
ผลราชดัด ๑ น้ำนมราชสีห์ ๑ พรรณผักกาด ๑ ปลาไหลเผือก ๑ ใบเสนียด ๑ ใบน้ำเต้า ๑
ใบพลูแก ๑ มะกล่ำเครือ ๑ รวมยา ๒๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
เอาสุราเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ ละลายสุราทั้งกินทั้งทา แก้ลิ้นกระด้างคางแข็ง
แก้พิษหละจับหัวใจแลให้หอบพัก ให้ระส่ำระสายก็ดี หายสิ้นดีนักอย่าสนเท่ห์เลย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา หมึกหอม ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบสันพร้าหอม ๑ ใบพิมเสน
๑ ข่าแก่ ๑ ดีงู ๑ พิมเสน ๑ ชะมด ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้กินบ้างทาคางบ้างหายดีนัก
ยาแก้หอบ ขนาน นี้ท่านให้เอา มูลแมลงสาบ ๑ กฤษณา ๑ จันทนฺเทศ ๑
เปลือกสันพร้านางแอ ๑ พันงูแดง ๑ ผลผักชี ๑ นอแรด ๑ งาช้าง ๑ เขากวาง ๑ รวมยา ๙
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำมะนาวเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้
ถ้าเป็นเพื่อไข้ให้ละลายน้ำดอกไม้ก็ได้ น้ำใบทับทิมต้มก็ได้
กินแก้ลิ้นกระด้างคางแข็งหอบพักหายดีนัก
( จบลักษณะหละมหานิลกาฬประจำทรางโจรแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะว่าด้วยละอองพระบาท อันชื่อว่าละอองเปลวไฟฟ้า ชื่อว่าละอองทับทิมก็ว่าอันประจำทรางโจรนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะละอองพระบาทเปลวไฟฟ้า ละอองทับทิมก็ว่านั้น
เมื่อจะตั้งก็บังเกิดขึ้นเม็ดยอดแดงดังน้ำชาด มิฉนั้นดุจดังยอดทับทิม กระทำพิษ
ให้ลิ้นกระด้างคางแข็งแลให้ตาแข็ง ให้ชักเท้ากำมือกำให้ตัวร้อนเป็นกำลัง
ถ้าแก้มิทันท่านกำหนดไว้แต่เช้าจนเที่ยงตาย
ถ้าแพทย์จะรักษาท่านห้ามอย่าให้วางยาอันร้อนเข้าเหล้าน้ำมันน้ำส้มนั้นเลย
ท่านให้แก้ด้วยด้วยยาอันเย็นหอมฝาดขมนั้น จึ่งรอดชีวิตรแลละอองพระบาท ๗
ประการนี้ดุจกัน
ยาแก้ละอองเปลวไฟฟ้า ละออง ทับทิม ให้เอาปู่เจ้าพุงแก ๑ ปู่เจ้าสมุงกุย ๑ ตับเต่าทั้ง ๒
สีหวดทั้ง ๒ นมแมวทั้ง ๒ ฉัตร์พระอินทร์ ๑ รากไคร้เครือ ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑
เนระภูสี ๑ จันทนฺทั้ง ๒ งวนหมู ๑ รากประคำดีควาย ๑ โคนไม้ไผ่ป่า ๑ ผักแพวแดง ๑
รวมยา ๑๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ น้ำปูนใสก็ได้
ทาปากกุมารหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา รากทองหลางหนาม ๑ รากพุงดอ ๑ รากมะกล่ำเครือ ๑
กฤษณา ๑ จันทนฺทั้ง ๒ ผลเบ็ญกานี ๑ สีเสียดเทศ ๑ รวมยา ๘
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำทลายหมากดิบทาปากก็ได้กวาดก็ได้
หายแล
ยาอมสำหรับกัน ขนาน นี้ท่านให้เอาเปลือกคล้ากำมือ ๑
ผักบุ้งขันกำมือ ๑ ใบหว้า ๓ ใบ ต้ม ๓ เอา ๑ แซกดีเกลือแต่น้อย
รินออกไว้ให้เย็นให้แซกฝิ่นลงอมหายดีนัก
ยาชื่อสุวรรณธารา ขนาน นี้ท่านให้เอา คงคาเดือด ๑ สมุดเกลื่อน
๑ ใบระงับ ๑ ใบน้ำดับไฟ ๑ รากพุมเรียงป่า ๑ รากหญ้านาง ๑ รากพุงดอ ๑ ใบท้าวยายม่อม
๑ รากสลอดน้ำ ๑ รากมะเดื่อ ๑ รากนางนูน ๑ รากจิงจ้อ ๑ นมผา ๑ รากงิ้ว ๑ รากฝาง ๑
ขี้ตะกรันเหล็ก ๑ ดินสีผ่อง ๑ ฝุ่นจีน ๑ ดินประสิวขาว ๑ รวมยา ๑๙
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้าชะโลมก็ได้
กินแก้ระหายน้ำก็ได้ กินแก้พิษภายในก็ได้สิ้นทุกอย่างดีนัก
ยาชื่อเบ็ญจโกฐ (ใหญ่) ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง
๕ สมอทั้ง ๓ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เกสรบัวน้ำทั้ง ๗ ดอกจำปา ๑
ดอกกระดังงา ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกมลิซ้อน ๑ ดอกมลิลา ๑ ดอกสลิด
๑ ดอกคำไทย ๑ ดีปลี ๑ แห้วหมู ๑ ผลจิงจ้อ ๑ ดีงูเหลือม ๑ ฝิ่น ๑ อำพันทอง ๑ ชมด ๑
พิมเสน ๑ รวมยา ๔๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ ให้บดกลางคืน
ให้แล้วแต่ในวันเดียวกันนั้น ปั้นแท่งตากลมไว้ ๓ วัน แล้วจึ่งเอาออกผึ่งแดดแต่พอแห้งสนิท
แล้วจึ่งเอาบันจุขวดไว้ แก้พิษละอองพระบาทอันบังเกิดเพื่อทรางทั้ง ๗ วันนั้น
กระทำพิษให้กลุ้มจับหัวใจให้กระสับกระส่ายต่างๆ แลให้สลบไปก็ดี
ถ้าจะแก้ทรางขึ้นตาละลายน้ำมะนาวหยอดตา แล้วจึ่งเอาทากระหม่อมแลทาคางท้ง ๒ ข้าง
ทาอกบ้างแก้หิวหอบระส่ำระสาย ถ้าจะแก้เชื่อมมึนแลระหายน้ำ ให้ละลายน้ำดอกไม้กิน
แก้ได้ทั้งเด็กแลผู้ใหญ่หายแล
( จบลักษณะละอองเปลวไฟฟ้าประจำทรางโจรแต่เพียงนี้ )
ทีนี้จะว่าด้วยลมอันชื่อว่าลมกุมภัณฑ์แลบาทยักษ์คู่กัน ซึ่งบังเกิดขึ้นมาประจำทรางโจรนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ลักษณะโดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะลมกุมภัณฑ์ แลบาทยักษ์ซึ่งบังเกิดนั้น
เมื่อจะเกิดให้จับ ตาช้อน ดูสูงหน้าเขียว ให้ชักเท้ากำมือกำหลังแอ่น
ให้กัดฟันจับเอา เมื่อกุมารเป็นเพื่อพิษต่างๆ แลลมจำพวกนี้จึงบังเกิดพลอย
ด้วยขณะนั้น ถ้ามิดังนั้นก็เกิดเพราะบาดเสี้ยนแลหนาม เป็นบาดแผลเข้าที่ใดๆ
ย่อมเป็นไข้พิฆาฏ จึงเป็นกำเนิดลมกุมภัณฑ์ ลมบาทยักษ์
แลลมจำปราบก็พลอยด้วยดุจกล่าวมาดังนี้
ถ้า จะแก้ท่านให้เอา เมล็ดในลูกสะบ้าปิ้งไฟ ๑ ลูกคนทีสอขั้ว ๑
พริกไทยขั้ว ๑ ใบกระเม็งขั้ว ๑ ใบสหัศคุณ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน
ตำเป็นผงเอาน้ำใบกระเม็งเป็นกระสาย บดแล้วเศก ด้วยพระคาถานี้
สัก ฺกัต๎ว่า พุทฺธรตนํ ฯ ธัมฺมรตนํ ฯ สังฆรตนํ ฯ โอสถํ อุตฺตมํ วรํ
หิตํ เทวมนุสฺสานํ ปริฬาหูปสมนํ อาหุเนย์ยํ ปาหุเนย์ยํ พุทฺธเตเชน ฯ ธัมฺมเตเชน ฯ
สังฆเตเชน ฯ โสตฺถินา นัสฺสันฺตุปัทฺทวา สัพฺเพ ทุกฺขา ฯ สัพฺเพ ภยา ฯ สัพฺเพโรคา
วูปสเมนฺตุ เต ๑๐๘ จบ
แล้ว จึงปั้นแท่งไว้กินแก้ลมกุมภัณฑ์ลมบาทยักษ์
อันจับให้ชักเท้ากำมือกำ ให้ลิ้นกระด้างคางแข็ง ดุจดังกล่าวมาแต่หลังนั้น
หายสิ้นทุกประการดีนักใช้ได้ ๑๐๘ ยาขนานนี้ชื่อว่ามูลจิตร
ยาแก้กุมภัณฑยักษ์ ขนานนี้ท่านให้เอา ตาอ้อยแดง ๑ ดอกผักคราด ๑ ผิวมะกรูด ๑ ผิวมะนาว ๑
ผิวไม้ไผ่ป่า ๑ ผิวไม้สีสุก ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ เมล็ดในแตงโม ๑ เมล็ดในแตงกวา ๑
ผลผักชี ๑ มือ ฟัก ๑ มือน้ำเต้า ๑ ผิวไม้บง ๑ หัวคูน ๑ รากถั่วไก่ ๑ รวมยา ๑๖
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำซาวเข้าเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้กิน
แก้ลมกุมภัณฑ์ลมบาทยักษ์หายดีนัก
ยาแก้ชักเส้นกระเหม่นตัว ขนาน นี้ท่านให้เอา รากมะกล่ำเครือ ๑ รากหญ้านาง ๑ รากกรุงเขมา ๑
ข่าแก่ ๑ เบี้ยผู้เผา ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำกินหาย
ยาทาตัวแก้ชัก ขนานนี้ท่านให้เอา ใบแมงลักทั้ง ๒ ใบโหระพา ๑ กระชาย ๑ ใบผักเป็ด ๑
ใบกระเม็ง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาค
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำส้มซ่าน้ำส้มสายชูก็ได้ทาหายดีนัก ใช้มามากแล้ว
ยาชื่อปทานพิษ ขนานนี้ท่านให้เอา แก่นมะหาด ๑ จันทนฺทั้ง ๒
เกสรบัวหลวง ๑ ชะลูด ๑ กรักขี ๑ โกฐทั้ง ๙ ผลชะเอมเทศ ๑ กานพลู ๑ เบ็ญกานี ๑
เนระภูสี ๑ ยา ๑๙ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๗ สลึง การะบูร ๓ บาท ชะมด ๑ พิมเสน ๑
เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง รวมเป็นยา ๒๒ สิ่งด้วยกันทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย
บดปั้นแท่งเท่าเมล็ดถั่วภู กิน ๗ เมล็ดแก้พิษฝีแลไข้สันนิบาต
แลแก้ตานทรางอันให้ชัก นั้น แลแก้ลมอันเป็นพิษให้ร้อนทุรนทุราย
แลตัวร้อนให้ชักจำหระข้างหนึ่งก็ดี ทั้งสองข้างก็ดี
ยาขนานนี้อาจบำบัดได้สิ้นทุกประการดีนัก
ถ้าจะแก้ด้วยยาขนานใดๆ มิฟัง แลโรคนั้นกล้าดุจกล่าวมา
ให้แพทย์ตั้งยาอันชื่อว่า พระสุริยมณฑล ขนานนี้แก้ต่อไปเถิด
ยาชื่อพระสุริยมณฑล ขนานนี้ท่านให้เอา ชะมดเชียง ๑ พิมเสน ๑
อำพันทอง ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง โกฐทั้ง ๙ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ สังกระนี ๑
เนรภูสี ๑ รากสารพัดพิษ ๑ ผลประคำดีควาย ๑ ดีงูต้น ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑
เปราะหอม ๑ กระถินแดง ๑ พริกหอม ๑ พริกหาง ๑ พริกล่อน ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง รากปลาไหลเผือก
๑บาท จันทนฺเทศ ๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ รากไคร้เครือ ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑
กานพลู ๑ น้ำนมราชสีห์ ๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท ทองคำเปลว ๑๐๘ แผ่น รวมยา ๓๗
สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เทศน้ำกุหลาบก็ได้เป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้กินแก้ชักลิ้นกระด้างคางแข็ง แลแก้พิษไข้เหนือแลตานทรางก็ดี
แลแก้ลมกุมภัณฑ์แลบาทยักษ์ แก้ได้ทุกประการเป็นมหาวิเศษนักได้เชื่อมาแล้ว
ยัง ลักษณะลมอันหนึ่งชื่อว่า ลมจำปราบ ร้ายนัก กระทำพิษดุจพิษงู
เมื่อจะจับนั้นให้ดิ้นเสือกไปก่อนแล้ว จึ่งให้ชักหลังแอ่นไปถึงตะโพก
แลให้ตัวเย็นขนกลับขึ้นเบื้องบน ถ้ามิรู้แก้ ตายทันที แลโลหิตแตกทุกเส้นขน
ยาแก้ลมจำปราบ ให้เอาโกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ เปลือกพุดทรา ๑ เปลือกตะคร้อ ๑ รวมยา
๑๒ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ต้ม ๓ เอา ๑ กินหาย
ยาอาบสำหรับกัน ขนานนี้ท่านให้เอามะขามเปียก ๑ ผลผักชีล้อม ๑ ผลผักชีลา ๑
ผลกระเช้าแดง ๑ รากกระเช้าขาว ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาค
ต้มอาบให้ทั่วตัวแล้วให้นวดด้วยจึงหาย ยาต้มอาบนั้นอย่าให้ร้อนนักทั้งกินทั้งพ่น
ให้เศกด้วยมนตฺนี้ โอมจำปราบจำเปลว โอมบังพระคลังกระพองสวาหะ ๗ คาบ
แล้วให้เศกเปลือกพุดทรา เปลือกตะครองพ่นอีก ห้ามอย่าให้พ่นด้วยสุรา น้ำมัน ถ้าจะผายยา
เข้าสลอดจะตายเสีย ท่านให้ผายด้วยยาอันชื่อ เบ็ญจอำฤต มหาอำฤต ทั้งคู่นั้น
แลลมจำปราบจำพวกนี้ แพทย์ผู้ใดจะรักษาเป็นอันยากนัก
ให้ดูลักษณะจงแม่นแท้แล้วจึงให้วางยา อันว่าลักษณะนั้นดุจกันกับป่วงงูเห่า
แต่ทว่าป่วงงูเห่านั้นให้ลงให้ราก ก่อนจึงเป็น แล้วให้ตัวแดงขนกลับลุกขึ้นทุกเส้น
ให้ดิ้นเสือกไปแล้วก็สลบ อันว่าลักษณะลมจำปราบนั้นก็ดุจกัน
แต่ทว่าแปลกกันที่ให้ตัวนั้นคล้ำดำเข้า นี้เป็นลักษณะลมจำปราบ
อาการตายนั้นบอกดุจกัน ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้สำคัญ
ดูจงแม่นเด็กผู้ใหญ่ก็มีเหมือนกันดุจกล่าวมาดังนี้
ยาชื่อเบ็ญจอำฤต ขนานนี้ท่านให้เอา มหาหิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑
สิ่งละส่วน รงทอง ๒ ส่วน มะกรูดใหญ่ ๓ ผล แล้วจึงเอามหาหิงคุ์ รงทอง ยาดำ ทั้ง ๓
สิ่งนี้ยัดเข้าในผลมะกรูดสิ่งละผล แล้วจึงเอามูลโคสดพอกสุมไฟแกลบให้สุกระอุดี
แล้วจึงเอารากตองแตก ๔ ส่วน ดีเกลือ ๑๖ ส่วน ทำเป็นจุณแล้วประสมกันเข้าจึงบดทั้งเนื้อมะกรูดปั้นแท่งไว้เอาหนัก
๑ สลึง ละลายน้ำส้มมะขามเปียก กินลงสดวกดี นัก ยาขนานนี้ถ้ากุมารได้ ๓, ๔ ขวบกินก็ได้ ดีเหมือนกัน
ยาชื่อมหาอำมฤต ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนทั้ง ๕ ตรีกะฏุก
สมอไทย ๑ ยาดำที่ดี ๑ ผิวมะกรูด ๑ รากตองแตก ๑ เอาสิ่งละส่วน มหาหิงคุ์ ๑
ผลมะตูมอ่อน ๑ หว้านน้ำ ๑ เอาสิ่งละ ๔ ส่วน โกฐน้ำเต้า ๑๐ ส่วนครึ่ง รวมยา ๑๗
สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำมะขามเปียกเป็นกระสาย
บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำร้อนกินแก้ทรางเพื่อลม
ถ้าจะชำระมูกเลือดให้ละลายน้ำใบเทียนใบทับทิมต้มกินหายดีนัก
ยาชื่อแท่งทอง ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเชียง ๑
โกฐหัวบัว ๑ เทียนดำ ๑ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ สมุลแว้ง ๑ ดอกบุนนาค ๑
เกสรบัวหลวง ๑ ทองคำเปลว ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๑๔
สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณแล้วเอา จันทนฺเทศ ๑ กฤษณา ๑ ดอกมะลิ ๑ ดอกพิกุล ๑
ดอกโยทะกา ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ บาท ต้มเอาน้ำเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้
แก้ลมกุมภัณฑ์ ลมบาทยักษ์ ปวดขบในอกให้นอนมิหลับสวิงสวายร้อนในอกก็ดี
ให้ละลายน้ำดอกไม้แซก ผลจันทนฺ ๑ หัวมหากาฬ ๑
กินหายดีนักได้เชื่อแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
ถ้า แพทย์ผู้ใดจะแก้ลมทรางทั้ง ๗ จำพวก ให้ดูลักษณะแห่งโรคนั้นก่อน
ถ้าวางยาเป็นสุขุมมิชอบ จะชอบยาร้อน ก็ให้แพทย์ทวียาเป็นอันดับขึ้นไป
ตามอายุโรคกุมารกุมารีนั้น ท่านให้วางยา ๗ ขนานนี้ก่อน คือยาหิงคุ์หนึ่ง
ยาอินทจักรหนึ่ง ยามหาจักรหนึ่ง ยามหากระเพราหนึ่ง ยาประสระน้ำขิงหนึ่ง
ยาประสระดีปลีหนึ่ง ยามหากระเพราใหญ่หนึ่ง ยาทั้ง ๗ ขนานนี้เป็นกลาง ให้วางดูก่อน
ถ้ามิฟัง จึงให้ประกอบยานี้แก้ต่อไปดุจกล่าวมาดังนี้
ยาชื่อวาโยพินาศ ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีกะฏุกสิ่งละ ๔ ส่วน
กานพลู ๕ ส่วน หิงคุ์ยางโพ ๑ ดองดึง ๑ เอาสิ่งละ ๖ ส่วน พริกล่อน ๑
รากเจ็ตมูลเพลิง ๑ การะบูร ๑ เอาสิ่งละ ๘ ส่วน ใบหนาด ๒๐ ส่วน รวมยา ๑๐
สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะกรูดกิน เป็นยาประจำท้องแก้ลมทรางทั้ง ๗
จำพวกหาย
ยาชื่อมหาไชยวาต ขนานนี้ท่านให้เอา ผลโหระพา ๑ กระวาน ๑
เกลือกะตัง ๑ โกฐสอเทศ ๑ การะบูร ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ เปลืกมะรุม ๑ รากจิงจ้อ ๑
เอาสิ่งละส่วน กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ พริกล่อน ๑ หว้านน้ำ ๑ ใบหนาด ๑ ขิงแห้ง ๑
เอาสิ่งละ ๒ ส่วน ยาดำ ๑ เทียนดำ ๑ กานพลู ๑ หัศคุณเทศ ๑ ดองดึง ๑ รากเจ็ตมูลเพลิง
๑ ดีปลี ๑ สมอเทศ ๑ เอาสิ่งละ ๔ ส่วน มหาหิงคุ์ ๘ ส่วน รวมยา ๒๓
สิ่งนี้ทำเป็นจุณไว้เป็นผงก็ได้ บดปั้นแท่งก็ได้ละลายน้ำส้มส้า น้ำขิงน้ำข่าก็ได้
ให้กินยาขนานนี้อาจสามารถจะประหาร เสียซึ่งลมทรางทั้ง ๗ จำพวก
ให้ปราไชยพ่ายแพ้ได้โดยง่าย แลแก้ได้ทั้งลมผู้ใหญ่ คือลมอำมะพาธ ลมราธยักษ์
ลมทักขิณคุณ ลมประวาตคุณ ลมสันดาน ลมกล่อน ลมปัตฆาฎ แลลมทั้งปวงหายดีนัก
ยาชื่อหิงคาธิจร ขนานนี้ท่านให้เอา ลำพันทอง ๑ สะค้าน ๑
หว้านน้ำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ รากช้าพลู ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ รากไคร้เครือ ๑ พริกล่อน ๑
เอาสิ่งละส่วน รากทนดี ๑ กระเทียม ๑ เทียนขาว ๑ เอาสิ่งละ ๒ ส่วน เทียนดำ ๓ ส่วน
โกฐกระดูก ๖ ส่วน ขิงแห้ง ๑ เจตพังคี ๑ เอาสิ่งละ ๘ ส่วน ดีปลี ๑๐ ส่วน สมอไทย ๑๑
ส่วน รวมยา ๑๗ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้หรือทำผงไว้ก็ได้
ตามแต่แพทย์จะยักกระสาย ใช้เอาตามคัมภีร์สรรพคุณ นั้นเถิด แลแก้ลมสันดาน ลมดาลคุณ
ลมจุกเสียด แก้ลมแน่นอกขัดอก แลแก้ตกช้าง ม้า วัว ควาย เส้นช้ำเอ็นแคลงภายในชำรุด
แลแก้ลมกุมภัณฑ์บาทยักษ์ แลแก้ลมทรางทั้ง ๗ จำพวก หายดีนักได้เชื่อมาแล้ว
ยาชื่อหิงคุวาตา ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนเยาวภานี ๑ เทียนทั้ง
๕ โกฐทั้ง ๕ ผลจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ ผลกราย ๑ กานพลู ๑ ดอกสน ๑ สมุลแว้ง ๑ รากเจ็ตมูล
๑ ใบคนทีสอ ๑ อุตพิศ ๑ บุก ๑ กลอย ๑ กระดาดทั้ง ๒ รากชุมเห็ดไทย ๑ เปล้าทั้ง ๒
ขิงแห้ง ๑ รากขี้กาทั้ง ๒ รากจิงจ้อใหญ่ ๑ ผลสมอไทย ๑ มหาหิงคุ์ ๑ รากทนดี ๑
แก่นแสมทั้ง ๒ เอาสิ่งละส่วน ยาดำ ๖ ส่วน น้ำประสานทอง ๑ สหัศคุณ ๑ เอาสิ่งละ ๑๒
ส่วน พริกไทย ๑๔ ส่วน ดีปลี ๒๔ ส่วน รวมยา ๔๑ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ก็ได้
ทำผงไว้ก็ได้ให้ละลายน้ำขิง น้ำส้มส้าก็ได้ให้กินแก้ตานโจร
แก้ไข้ชราแก้ลมชักเท้ากำมือกำ แลแก้ลมทั้ง ๑๘ จำพวกหายดีนัก
ยาชื่อสว่างอารมณ์ ขนาน นี้ท่านให้เอา เปลือกตีนเป็ดต้น ๑
เปลือกตีนเป็ดเครือ ๑ เปลือกมะรุม ๑ เปลือกทองหลาง ๑ สะค้าน ๑ ช้าพลู ๑ ขมิ้นอ้อย
๑ ขมิ้นเครือ ๑ เบ็ญจราชพฤกษ์ ๑ เบ็ญจขี้เหล็ก ๑ เปลือกกันเกรา ๑ ใบแมงลัก ๑
ใบรักขาว ๑ ใบสลัดได ๑ ใบสลอดกินลง ๑ ใบมะตูม ๑ ใบสวาด ๑ ใบเสนียด ๑ ใบคนทีสอ ๑
รากจิงจ้อทั้ง ๒ ตรีผลา ใบกะเม็ง ๑ ผลพิลังกาสา ๑ สหัศคุณทั้ง ๒ มะไฟเดือนห้า ๑
ข่าตาแดง ๑ ขิงแห้ง ๑ ดีปลี ๑ รวมยา ๔๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาค เอาพริกไทยกึ่งยา
ทั้งหลายทำเป็นจุณละลายน้ำร้อนน้ำส้มซ่าน้ำมะกรูดก็ได้ กินแก้ลมใหญ่ทั้ง ๗ จำพวก
หายดุจดังพระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวมาแต่หนหลังนั้นเป็นมหาวิเศษนัก
พระ อาจารย์เจ้าท่านกล่าวว่า ในลักษณะกุมารเกิดวันเสาร์
เป็นกำเนิดแห่งทรางโจรเป็นเจ้าเรือนกระทำ โทษ กำหนดทรางนางริ้นเป็นทรางจร
สำหรับแซกทรางโจรกระทำโทษ กำเนิดหละอันชื่อว่ามหานิลกาฬกระทำโทษสำหรับประจำทรางโจร
กำเนิดละอองพระบาทอันชื่อว่าละอองเปลวไฟฟ้าก็ว่า
ละอองทับทิมก็ว่ากระทำโทษประจำทรางโจร กำเนิดลมอันชื่อว่ากุมภัณฑ์บาทยักษ์
แลลมจำปราบแซก กระทำโทษสำหรับทรางโจร
( จบบริบูรณ์แต่เพียงนี้
)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น