วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พระคัมภีร์ปฐมจินดา ผูก ๓ บริเฉท ๑ ว่าด้วยกุมารเกิดวันอาทิตย์เป็นลักษณะแห่งทรางเพลิงเจ้าเรือนทรางกรายเป็นทรางจร, หละชื่ออุไทยกาล ลอองชื่อเปลวไฟฟ้า


พระคัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๑ 
นโม ตัสฺส ภควโต อรหโต สัมฺมาสัมฺพุทฺธัสฺส
นมัสฺสิต๎วา จ เทวินฺทํ เทวราชสักฺกํ อิว
ชีวกโกมารภัจฺจํ โลกนาถํ ตถาคตํ
ปฐมจินฺตารคันฺถํ ภาสิสฺสํ ฉันฺทโสมุขํ
สํเขเป็น กิตฺตยิตํ ปุพฺเพ โลกาน นาถัตฺถันฺติ
แปล (อหํ) อันว่าข้า (นมัสฺสิตฺวา) ถวายนมัสการแล้ว (ตถาคตํ) ซึ่งพระศรีสุคตทศพลญาณเจ้า (โลกนาถํ) เป็นที่พึ่งของโลกย์ (จ) อนึ่งโสด (อหํ) อันว่าข้า (อภิวันฺทิตฺวา) ไหว้แล้วโดยพิเศษ (ชีวกโกมารภัจฺจํ) ซึ่งชีวกโกมารภัจ แพทย์ผู้ประเสริฐ (เทวราชสักฺกํ อิว) เปรียบดุจสมเด็จอมรินทราธิราชบพิตร (เทวินฺทํ) ผู้มีมหิศรภาพเป็นจอมมกุฎแก่เทพย์บุตย์ทั้งหลาย (ภาสิสฺสํ) จักแสดงบัดนี้ (คันฺถํ) ซึ่งพระคัมภีร์แพทย์อันวิเศษ (ปฐมจินฺตารํ) ชื่อประถมจินดา (ฉันฺทโสมุขํ) อันเป็นหลักเป็นประธานแห่งพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ทั้งปวง (กิตฺตยิตํ) อันพระอาจารย์โกมารภัจ แต่งไว้ (ปุพฺเพ) ในกาลก่อน (สังเขเป็น) โดยสังเขป (นาถัตฺถํ) เพื่อจะให้เป็นที่พึ่ง (โลกานํ) แก่สัตว์โลกย์ทั้งหลาย (เอวํ) ด้วยประการดังนี้


พระคัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๑ ว่าด้วยกุมารเกิดวันอาทิตย์เป็นลักษณะแห่งทรางเพลิงเจ้าเรือนทรางกรายเป็นทรางจร, หละชื่ออุไทยกาล ลอองชื่อเปลวไฟฟ้า โดยสังเขป
จะกล่าวบัดนี้ ชีวกโกมารภัจก็เข้าสู่สำนักนิ์แห่งพระฤาษีสิทธิผู้มีนามชื่อว่านาไลยดาบศก็ ไต่ถามซึ่งพยาธิทุกข์ มีประการต่างๆ พระนาไลยดาบศเมื่อวิสัชนาซึ่งพยาธิทุกข์นั้นกล่าวแล้วด้วยประการดังนี้ อันว่ากุมารกุมารีก็ดีเกิดมาแล้วก็จะเป็นที่ตั้งแห่งพยาธิ ต่างๆ ทรางเกิดแก่กุมารกุมารีนั้นมีลักษณะ ๓ ประการก็แจกออกเป็น ๑๔ ประการด้วยประการดังนี้ อันว่าลักษณะ ๓ ประการนั้นคือ ทรางกำเนิดจรแม่ซื้อ เป็น ๓ ประการดังนี้ที่แจกออกเป็น ๑๔ ประการ นั้นคือว่าทราง ๗ วันเป็นทรางกำเนิด ทรางจรแซกอีก ๗ จำพวก เข้ากันเป็น ๑๔ จำพวกดังนี้ อันลักษณะแม่ซื้อนั้นเล่าคือแม่ซื้อกำเนิด ๗ จำพวกแม่ซื้อจรอิก ๒๔ จำพวกเข้ากันเป็น ๓๑ จำพวกด้วยกันดังนี้ลักษณะสะพั้นนั้นเล่า คือสะพั้นกำเนิดนั้น ๑๒ จำพวก สะพั้นจรราหู ๗ จำพวกเข้ากันเป็น ๑๙ จำพวกด้วยกันดังนี้ แลลักษณะโรคาพยาธิจะบังเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลายนั้นก็มีปรากฎอยู่ดุจดัง กล่าวมานี้
อัน ว่าลักษณะกำเนิดทราง ซึ่งจะบังเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลายนั้น ตั้งปฏิสนธิในครรภ์มารดาได้ ๓ เดือน ก็แตกออกเป็นปัญจสาขา แล้ว ทรางก็กระทำตั้งขึ้นด้วยยอด ๑ ตามลักษณะทรางกำเนิด ๗ วันนั้น ถ้าว่าตั้งข้างขึ้นตั้งเหนือสดือ ถ้าตั้งข้างแรมตั้งใต้สดือ ถ้าเป็นหญิงตั้งข้างซ้าย ถ้าเป็นชายตั้งข้างขวา จึงบังเกิดติดต่อกันมาจนกำหนดคลอด ถ้าจะตั้งทรางอันใดก็พึงให้พิเคราะห์ดู เภทอาการแห่งมารดาซึ่งว่ามาแต่หลังนั้นเถิด
ลำดับ นี้พระอาจารย์เจ้า จะกล่าวในลักษณะกำเนิดทราง ๗ วัน อันจะมาบังเกิดแก่กุมารกุมารีทั้งหลายนั้น ให้แพทย์พิเคราะห์ดูสำคัญประเภทแลอาการให้รู้แจ้ง ดุจไนยอันกล่าวไปข้างน่านั้นเถิด
บัดนี้จะกล่าวด้วยลักษณะกุมารกุมารีเกิดวันอาทิตย์ กำเนิดแห่งทรางเพลิงเป็นเจ้าเรือนแห่งกุมารผู้นั้นก่อนเป็นอาทิ (ลักษณะ ทรางเพลิงนี้มีแจ้งอยู่ในน่า ๑๖๒ แห่งเล่มนี้แล้ว แต่ต้นฉบับกล่าวซ้ำกันแลถ้อยคำต่างกันบ้างจึงได้คัดมาพิมพฺไว้อิก แล้วแต่ผู้ศึกษาจะเลือกกำหนดเอาเถิด) อันว่าลักษณะทรางเพลิงนั้น มีแม่ ๔ ยอด มีบริวาร ๔๐ ยอด เมื่อคลอดจากครรภ์มารดานั้น เขม่าขึ้นแต่ในเรือนเพลิง ครั้นได้ ๗ วันแล้วก็หายไป ด้วยแม่ทรางเพลิงจะมาบังเกิด ในฝ่าเท้าแห่งกุมารผู้นั้น ถ้าเป็นชายแม่ทรางเพลิงขึ้นฝ่าเท้าขวา ๓ ยอด ซ้าย ๑ ยอด ถ้าเป็นหญิงแม่ทรางเพลิงขึ้นฝ่าเท้าซ้าย ๓ ยอด ขวา ๑ ยอด แลบริวาร ๔๐ ยอดนั้นก็มาขึ้นหน้าแข้ง อยู่ข้างละ ๔๐ ยอด (น่าจะเป็นข้างละ ๒๐ ยอด) ครั้นออกจากเรือนเพลิงได้ ๓ เดือนแล้ว แม่ทรางที่ฝ่าเท้าก็เลื่อนขึ้นมาตั้งอยู่นาภียอด ๑ เมื่อได้ ๔ เดือนจึงกระทำให้หลังเท้าฟกขึ้นสักหน่อย ให้เมื่อยข้อเท้ากินเข้าให้ระคายคอให้นอนนานตื่น ครั้นได้ ๖ เดือน แม่ทรางจึงขึ้นอิกยอด ๑ เป็น ๒ ยอดเข้ากันจึงเป็นเม็ดพรึง ขึ้นมาข้างนอกเนื้อ สีดุจผลหว้าห่ามอยู่ไปได้ ๖, , , , ๑๐ วันแล้วก็ดาด จมหายไป ครั้นได้ ๘ เดือนแม่ทรางขึ้นมาในนาภี อิกยอด ๑ บรรจบกันเข้าเป็น ๓ ยอดบริวารขึ้นอยู่ที่ข้อเข่าตลอดถึงข้อเท้า ครั้นได้ ๙ เดือนแม่ทรางก็เลื่อนขึ้นมานาภีอิกยอด ๑ เป็น ๔ ยอดด้วยกัน จึงบริวาร ๔๐ ยอดนั้นก็กระจายกันออกไปขึ้นกลางแข้งขาแลข้อเข่า จึงตั้งยอดแดงดังผลมะไฟแล้วก็ดำด้วนลง ขอบแดงออกไปดังดุจเพลิงไหม้ แลหนังนั้นก็พองเลื่อนเข้าหากัน ด้วยว่าสุกออกพร้อมกัน แล้วก็กระทำให้ปวดแต่เท้าตลอดถึงลำแข้ง ขา ตะโพก บั้นเอวก็ดี ถ้าแลแพทย์เห็นดังนี้แล้วอย่าให้รักษาเลย ด้วยแม่ทราง ๔ ยอดในนาภีนั้นเปื่อยออกดังหัวบุก แล้วก็เปื่อยออกมาลามลงถึงหัวเหน่าแลปากทวารหนักแลกระเพาะอาจม แล้วก็ลามขึ้นมาถึงตับปอดแลไส้ใหญ่น้อยแล้วก็ลามไปรอบนาภี แล้วจึงกระทำให้ตกมูกเลือด หนอง แล้วให้ลงเป็นน้ำส่าเหล้า น้ำล้างเนื้อ ไข่เน่า คาวปลาก็ดี ด้วยแม่ทรางนั้นข้ามมาตามไส้แก่อ่อนแล้ว เข้าจับหัวตับปอดใจจึงสำแดงออกมาตามทวาร จึงบริวารนั้นกระทำให้เจ็บแสบร้อนนักดุจไฟไหม้อันมีพิษ เมื่อจะสำแดงความตายนั้นให้ฝ่ามือเท้าแดงดังหยาดโลหิต อันว่าลักษณะทรางเพลิงแลเมื่อกำเนิดพร้อมกันดังนั้นแล้วเมื่อใด ท่านกำหนดไว้แต่ใน ๘, , ๑๐, ๑๑, วัน กุมารผู้นั้นจะถึงแก่มรณะเป็นอันเที่ยง อันว่าลักษณะทรางเพลิงนั้น ถึงว่าร้ายก็จริงอยู่ แต่ว่าทรางนั้นขึ้นทีละยอด ถ้าแลทรางขึ้นที่ใดก็กระทำให้กุมารเจ็บที่นั้น ถ้าแพทย์ประกอบยาชอบที่ เข้า ทรางนั้นก็เลือนหายไป อันลักษณะทรางเพลิงนี้กำหนดร้ายอยู่แต่ใน ๙ เดือน ถ้าพ้น ๙ เดือนไปแล้วจนถึงอายุได้ ๑๘ เดือนจะทำอิกครั้ง ๑ จะทำให้ลงท้องคือทรางยอดเอกที่เกิดยอด ๑ แต่ยังอยู่ในครรภ์มารดานั้นจะมาประจำที่ต้นลิ้นได้ชื่อว่าปฐมกัลป์ จะให้ลิ้นไก่นั้นพองขึ้นแล้วจะทำให้ไอเป็นทีหลัง ถ้าแลใส่ยาชอบจะถอยลงจับเอาขอบตาจะพาให้ตับหย่อน ถ้ากินถึงชายตับจะให้ตับพองขึ้นคับชายโครง ถ้าเป็นดังนี้ยากนัก อนึ่งถึงพ้นกำหนดที่คาดแล้วก็ดี ให้เกรงทรางจรจะมาแซก อันว่าลักษณะทรางจรนั้นที่ตายก็มีดุจเดียวกัน ถ้าจะแก้ให้เอายาขนานนี้แก้ก่อน
ยาแก้ทรางเพลิง ขนานนี้ท่านให้เอา หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ เนระภูสี ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ ชะเอมทั้ง ๒ ใบมะกล่ำเครือ ๑ รวมยา ๗สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้ตัวร้อนแก้ตานทรางทั้งปวง ถ้าจะบดทำแท่งไว้ก็ได้ ละลายสุรากินแก้ตกมูกเลือดหายดีนัก
ยาแก้ทรางเพลิง ขนานนี้ท่านให้เอาหญ้าเกล็ดหอย ๑ ใบสันพร้าหอม ๑ ใบพุงดอ ๑ เชือกเขาไฟ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณ เอาน้ำผลประคำดีควายต้มเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่ากิน แซกดีงูเหลือมทั้งกินทาหายดีนัก
ถ้า มิฟัง ขนานนี้ท่านให้เอา ลิ้นทะเล ๑ ฆ้องสามย่าน ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เข้าสารข้างครก ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดชะโลม แก้พิษทรางเพลิงหายดีนัก
ถ้า มิฟังขนานนี้ท่านให้เอาใบน้ำเต้า ๑ ใบระงับพิษ ๑ ใบกะทุงหมาบ้า ๑ ใบสวาด ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบเสนียด ๑ ใบมะเฟือง ๑ ผลกราย ๑ ผลพิลังกาสา ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนแดง ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่า แซกน้ำประสานทองกินแก้สรรพพิษทั้งปวงดีนัก
( จบลักษณะทรางเพลิงแต่เท่านี้ )



สิทธิการิย ทีนี้จะกล่าวด้วยลักษณะทรางกราย ซึ่งเป็นทรางจรจะมาแซกทรางเพลิงเจ้าเรือน กับทั้งลักษณะหละอันชื่อว่าหละอุไทยกาลประจำวัน ลอองพระบาทอันชื่อว่าละอองเปลวไฟฟ้านั้น อันว่าประเภทหละอุไทยกาลนั้น แจ้งอยู่ในบริเฉท ๓ ลักษณะทรางแดงนั้นแล้ว ประเภทลอองเปลวไฟฟ้านั้น ก็แจ้งอยู่ในลักษณะทรางโจรบริเฉท ๗ โน้นแล้ว แต่ลักษณะทรางเพลิง บริเฉท ๑ บัดนี้จะกล่าวแต่ลักษณะทรางทรายซึ่งเป็นทรางจรนั้นต่อไป ในเมื่อทรางจรแลหละลอองทั้ง ๓ ประการนี้ เมื่อจะบังเกิดขึ้นแซงทรางเพลิงเจ้าเรือนนั้น บางทีต่อสิ้นกำหนดทรางเพลิงเจ้าเรือน แลทรางจรแลหละลอองจึงทำ ต่อไป จนกำหนดอายุได้ ๑๒ ปี บางทียังมิสิ้นกำหนดทรางเพลิงเจ้าเรือนแลทรางจรแลหละลอองก็ดี ให้แพทย์พึงรู้ดุจดังมีไปข้างน่านั้น
อันลักษณะทรางกรายเป็นทรางจรมาแซกทรางประจำ คือทรางเพลิงกำเนิดวันอาทิตย์นั้นว่า เมื่อมารดามีครรภ์ได้ ๘, , ๑๐, เดือน กุมารนั้นจึงคลอดจากครรภ์มารดา แลกุมารผู้นั้นเลี้ยงง่าย เมื่ออยู่ในเรือนเพลิงเขม่าแต่ควรบังเกิด ครั้นได้ ๙ วัน ๑๐ วันก็จะจมหายไป ครั้นได้ ๑๔, ๑๕, วัน จึงตั้งทรางเพลิงเจ้าเรือนนั้นก่อน เมื่อสิ้นกำหนดทรางเพลิงเจ้าเรือนแล้ว ทรางกรายจึงผุดขึ้นมาจากกระดูกสันหลังจึงตั้งทราง
อัน ว่าลักษณะทรางกรายนั้นมีแม่ ๔ ยอด ขึ้นอยู่หัวเหน่า ๒ ยอด ขึ้นอยู่ในนาภี ๒ ยอดมีบริวาร ๔๐ ยอด ครั้นอายุได้ขวบ ๑ กับ ๖ เดือน จึงทรางบริวารนั้นก็กระจายออกมานอกเนื้อ เป็นดุจยอดผดแล้วจึงทำให้กุมารผู้นั้นบิดตัวนอนสดุ้งอยู่ประมาณ ๓ วัน แล้วก็จมลงไปขึ้นจับในลำไส้แก่ ครั้นได้ ๓ เดือนแม่ทรางที่ขึ้นอยู่ในหัวเหน่านั้น ก็เลื่อนขึ้นมาตั้งในนาภีอีกยอด ๑ เป็น ๓ ยอดด้วยกันทั้งเก่า ครั้นเมื่ออายุได้ ๘ เดือน แม่ทรางที่ตั้งขึ้นอยู่ในหัวเหน่านั้น ก็เลื่อนขึ้นมาตั้งในนาภีอีกยอด ๑ เป็น ๔ ยอดด้วยกัน ทั้งเก่านั้น ในเมื่อแม่ทรางทั้ง ๔ ยอด ขึ้นมาประชุมพร้อมกันในนาภีแล้วเมื่อใดก็ทำให้ ตัวร้อนให้ลงให้ราก ให้ระหายน้ำ ให้กินเข้านมมิได้ ครั้นอายุกุมารได้ขวบ ๑ กับ ๗, , เดือน จึงบริวาร ๔๐ ยอดนั้นก็แบ่งกันมาขึ้นประจำอยู่หัวเหน่า ๑๐ ยอด ขึ้นประจำอยู่นาภี ๑๐ ยอด ขึ้นประจำกระเพาะเข้า ๑๐ ยอด ขึ้นประจำอยู่ลิ้น ๑๐ ยอด เป็น ๔๐ ยอด ด้วยกันดังนี้ ถ้าแพทย์ผู้ใดแก้มิฟัง วางยามิถอย แลยานั้นมิชอบแก่โรคๆ นั้นแก่ขึ้น ครั้นอายุได้ ๒ ขวบกับ ๓ เดือน จึงทำให้ตกมูกเลือดแล้วให้แปรเป็นไปต่างๆ ถ้าแพทย์จะรักษาให้พิจารณาดูทรางจรนี้ให้แม่นแท้ ถ้าแลสิ้นกำหนดทรางเพลิงเจ้าเรือนแล้วรู้มิถึงก็จะว่าทรางอันอื่นแซกนั้นหา มิได้เลยคือทรางกรายนี้เองจรแซกสำหรับ ทรางเพลิงนั้นอันเกิดขึ้นในกระดูกสันหลังแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดานั้น ให้แพทย์พึงสัญญารู้โดยสังเขปดังนี้
ยาแก้ทรางเพลิงเจ้าเรือน ทรางกรายเป็นทรางจรขนานนี้ ท่านให้เอารากรางแดง ๑ รากรางดำ ๑ เปลือกสมอพิเภก ๑ รากผักหวาน ๑ รากถั่วภู ๑ เปลือกประคำไก่ ๑ เปลือกมะม่วงคัน ๑ ผลมะแว้งทั้ง ๒ เปลือกมะเดื่อ ๑ เปลือกแคแดง ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาน้ำสิ่งละจอก จึงเอาน้ำใส่ลงพอสมควรหุง ให้คงแต่น้ำมันแล้วจึงปรุงผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ ฟองไก่ ๓ ฟอง เอาแต่ฟองแดงรวมยา ๕ สิ่งนี้ปรุงลงในน้ำมัน ให้กินตามกำลัง แก้ทรางเพลิงเจ้าเรือนทรางกรายเป็นทรางจรหายวิเศษนัก
ยาแก้ลงทรางเพลิงทรางกราย ขนานนี้ท่านให้เอารากก้างปลาแดง ๑ รากเล็บมือนาง ๑ รากชุมเห็ดเทศ ๑ รากชุมเห็ดไทย ๑ รากสลอดน้ำ ๑ รากตานดำ ๑ รากตานหม่อน ๑ เปลือกมะเดื่อ ๑ เปลือกแทงทวย ๑ เปลือกพุดทรา ๑ เปลือกกระทุ่มขี้หมู ๑ จันทนฺทั้ง ๒ ใบประคำไก่ ๑ ใบชิงช้าชาลี ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่ากินแก้ทรางเพลิง ทรางกรายทรางจรแลทรางอันกระทำให้ลงท้องนัก ถ้ากินยาอันใดมิหยุดให้กินยาขนานนี้หยุดสิ้น เป็นมหาวิเศษนัก
พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้ว่า อย่าให้เสียยาอันชื่อว่าเบ็ญจตาน ให้แก้ด้วยเบ็ญจตานด้วยเถิด
พระ อาจารย์กล่าวมาในลักษณะเกิดมาในวันอาทิตย์ เป็นกำเนิดแห่งทรางเพลิงเจ้าเรือน กระทำโทษ กำเนิดทรางกรายเป็นทรางจร มาแซก กระทำโทษประจำทรางเพลิงเจ้าเรือน กำเนิดหละอันชื่อว่าหละอุไทยกาล กระทำโทษประจำทรางเพลิง กำเนิดละอองอันชื่อว่าละอองเปลวไฟฟ้า กระทำโทษประจำทรางเพลิง
( จบบริบูรณ์ตามลักษณะโดยสังเขปดังนี้ )



พระ คัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๒ ว่าด้วยลักษณะกุมารเกิดวันจันทร์ เป็นลักษณะแห่งทรางน้ำ เป็นทรางเจ้าเรือน ทรางฝ้ายเป็นทรางจร หละแสงพระจันทร์ละอองแก้ววิเชียร โดยสังเขป
สิทธิการิยะ พระอาจารย์เจ้าจะกล่าวลักษณะกุมารกุมารีเกิดวันจันทร์นั้นต่อไป กำเนิดแห่งทรางน้ำเป็นเจ้าเรือนแห่งกุมารกุมารีผู้นั้น ให้แพทย์สำคัญพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
(ลักษณะ ทรางน้ำนี้ ต้นฉบับกล่าวซ้ำกัน ดังแจ้งอยู่ในน่า ๑๖๔ แห่งเล่มนี้ครั้ง ๑ แล้ว แต่เนื้อความต่างกันบ้างจึงได้คัดมาพิมพฺไว้อีก แล้วแต่จะกำหนดเอาเถิด)
อัน ว่าลักษณะทรางน้ำนั้นมีแม่ ๑๙ ยอด ในเมื่อครรภ์มารดาตั้งขึ้นได้ ๓ เดือนนั้น มักให้มารดาปวดศีร์ษะแลเจ็บนมแลให้อยากของอันหวาน แลให้เมื่อยแขนทั้งสองข้าง ให้หูหนักตาฟางมักให้เป็นลมมึนตึง แลให้รากให้กระหายน้ำเป็นกำลังไป จนถึงกำหนดคลอด อันว่าแม่ทรางน้ำทั้ง ๑๙ ยอดนั้นมีสัณฐานยอดแต่ละยอดโตเท่าใบพุดทรา มีสีอันแดงดังผลผักปลังห่าม ขึ้นที่ต้นแข้งขาแลกลางหลัง ขึ้นน่าแข้งแลแก้มทั้งสองข้าง รายกันขึ้นละยอดจนอายุได้ ๒ ขวบกับ ๖ เดือน ย่อมแตกเป็นน้ำเหลืองเปื่อยไปรอบตัว ครั้นแห้งลงก็หลบเข้าไปทำภายใน จึงกระทำให้หัวแลตัวร้อนแล้วก็ทำให้เจ็บท้อง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาให้แต่งยากระทุ้ง ให้กิน ให้ออก เสียให้สิ้นเชิงแล้ว จึงวางยาทุเลา ให้กินไป ๔ เวลา ๕ เวลา จึงจะหายขาด อันลักษณะทรางน้ำนี้หาบริวารมิได้ท่านให้เกรงแต่ทรางจรกับทรางละออง ถ้าผู้มาแขก นั้นร้ายอยู่แล้ว เจ้าเรือนก็พลอยฉิบหายด้วย ทรางจรนั้นคือทรางฝ้าย จรสำหรับประจำทรางน้ำ หละชื่อแสงพระจันทร์ประจำทรางน้ำ ละอองพระบาทชื่อละอองแก้ววิเชียรประจำทรางน้ำ อันว่าลักษณะ ๓ ประการนี้ ถ้าบังเกิดขึ้นแก่กุมารกุมารีผู้ใดก็ดุจราหูมาทับลักษณ์
( จบลักษณะทรางน้ำแต่เท่านี้ )



สิทธิการิยะ ทีนี้จะกล่าวลักษณะกำเนิดทรางฝ้าย ซึ่งเป็นทรางจรมาแซกประจำสำหรับทรางน้ำเจ้าเรือนนั้นต่อไป ให้แพทย์พึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะทรางฝ้ายนั้นหาเมล็ดยอดมิได้ จำเภาะขึ้นเพดาลุกะพุ้งแก้มไรฟัน แลขึ้นลิ้นขาวดาษไปดังยวงฝ้าย มีใยดุจสีสำลีดีดแล้ว จึงกระทำพิษให้ร้อนไปทั่วทั้งตัว ให้ปากนั้นร้อนให้ปากแห้งหาน้ำลายมิได้ แล้วให้หุบปากมิลงอ้าปากร้องอยู่ กินเข้ากินนมมิได้มักให้อาเจียรเป็นกำลัง แล้วกระทำให้ลงท้องเหม็นดังไข่เน่า ถ้าแพทย์เห็นดังนี้แล้วให้พิจารณาดูให้แม่นแท้ คือทรางฝ้ายกระทำโทษดุจกล่าวมานี้
ยาแก้ทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบน้ำเต้า ๑ ขอบชะนางทั้งสอง ๑ ใบตานหม่อน ๑ ใบชุมเห็ด ๑ ใบระงับ ๑ ใบขี้กาแดง ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ หอมแดง ๑ พริกไทย ๑ กระเทียม ๑ ขิงแห้ง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ กินแก้ทรางฝ้ายแลตานทรางทั้งปวง แลแก้ตกมูกตกเลือด ถ้าให้เหม็นโขง เน่าโขง แซกยาดำลงกินหายดีนัก
ยาแก้ทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ ใบชุมเห็ด ๑ ใบสวาด ๑ ใบตานหม่อน ๑ ใบขอบชะนางทั้งสอง ๑ ใบผักคราด ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท กระทือหนักบาทเฟื้อง ไพล ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ กระเทียม ๑ เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง รวมยา ๑๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้ทรางฝ้ายแลทรางแดงทรางโจรทรางเพลิง ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำใบตานหม่อนกิน ถ้าจะให้ผาย ละลายน้ำใบกระเพรากิน ถ้าจะแก้ท้องขึ้นละลายน้ำใบสวาดกิน ถ้าทรางขึ้นลิ้นแซกน้ำประสานทองกวาด หายดีนัก
ยาชื่อเทพนิมิตร ขนานนี้ท่านให้เอา ใบสันพร้าหอม ๑ หมึกหอม ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดีปลี ๑ กำมะถันแดง ๑ สานส้ม ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๘ สิ่นี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้แก้ทรางน้ำทรางฝ้าย แลทรางอันใดๆก็ดี ซึ่งกระทำอกคอลิ้นนั้น ถ้าขึ้นลิ้นละลายน้ำมะนาวกวาดก็ได้กินก็ได้ ถ้าขึ้นในอกละลายสุรากิน ถ้าขึ้นคอแซกดีงูกวาดหายดีนัก
ยาทาปากแก้ทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอา ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ เปลือกมะรุม ๑ เปลือกทองหลางใบมน ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ สานส้ม ๑ หอม ๑ กำมะถันแดง ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง กระเทียม ๑ ดีปลี ๑ เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง น้ำประสานทอง ๒ สลึง พริกไทย ๓ เมล็ด รวมยา ๑๒ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้แก้ทรางน้ำทรางฝ้าย แลทรางทั้งปวงซึ่งขึ้นในอกแลลำไส้นั้น แก้ปวดแก้มวนแลตกมูกตกเลือด แก้เขม่าขึ้นลิ้น แก้ทรางลามปาก ให้เปื่อยอุจจาระเหม็นเน่า เอายานี้ฝนทาแซกหญ้ายองไฟ หน่อยหนึ่ง ฝนทาหายดีนักได้เชื่อ แล้วอย่าสนเท่ห์เลย
ยาชื่อมหาประการ ขนานนี้ท่านให้เอา สังกรณี ๑ ดีงูเหลือม ๑ ผลประคำดีควาย ๑ ตุมกาแดง ๑ ฤาษีผสมแล้ว ๑ ผลราชดัด ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำตุมกาแดงต้มเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้เท่าเมล็ดฝ้าย แก้พิษทรางซึ่งกระทำให้อ้าปากมิออกนั้น เอายาขนานนี้กรอกเข้าไปเถิดหายดีนัก
ยาประจำท้องแก้ทรางฝ้ายแลทรางทั้งปวง ขนานนี้ท่านให้เอา พริกไทย ๑ ขิง ๑ ดีปลี ๑ กระเทียม ๑ สานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ เอาขมิ้นชันเท่ายาทั้งหลายรวมยา ๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำมะนาวเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวกินวิเศษนัก
ยาแก้ทรางน้ำทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ ใบตานหม่อน ๑ ใบฝ้ายแดง ๑ ใบกระพังโหม ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินหายวิเศษนัก
ยาน้ำมัน แก้ทรางน้ำซึ่งกระทำให้เปื่อยนั้น ขนานนี้ท่านให้เอาน้ำเปลือกฝิ่นต้นจอก ๑ น้ำดีงูต้ม (ต้นฉบับว่าน้ำดีงูต้น) จอก ๑ น้ำรากถั่วภูจอก ๑ น้ำมันงาจอก ๑ หุงให้คงแต่น้ำมัน แล้วเอาผลเบ็ญกานี ๕ ผล สีเสียดเทศ ๑ ดีงูเหลือม ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณปรุงลงในน้ำมัน ทาทรางน้ำซึ่งเปื่อยทั้งตัวนั้น ถ้าจะกินแซกการะบูรหายดีนัก
ยาทาปากแก้ทรางน้ำทรางฝ้าย ขนานนี้ท่านให้เอาการะบูร ๑ ใบมะไฟ ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ทาปาก แก้ทรางน้ำหายดีนัก
พระ อาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้ว่า ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาทรางน้ำเจ้าเรือน แลทรางฝ้ายเป็นทรางจรนั้น อย่าให้เสียยาชื่อว่าเบ็ญจตานแลประสระกระเพรานั้นเลย
จบลักษณะทรางฝ้ายซึ่งเป็นทรางจร สำหรับประจำทรางน้ำนั้นแต่เพียงนี้โดยสังเขป
ลำดับนี้พระอาจารย์กล่าวด้วยลักษณะหละ อันชื่อว่าแสงพระจันทร์ ซึ่งประจำทรางน้ำเจ้าเรือนนั้นต่อไปดังนี้
อัน ว่าลักษณะหละแสงพระจันทร์นั้นไซ้ ใช่จะประจำอยู่แต่ทรางน้ำนั้นหามิได้ ขึ้นประจำอยู่ในทรางช้างเจ้าเรือนนั้นด้วย ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยไนยดังนี้ อันลักษณะอาการแลประเภทหละแสงพระจันทร์ แจ้งอยู่ในลักษณะทรางบริเฉท ๖ โน้นแล้ว
ใน ลักษณะทรางน้ำบริเฉท ๒ นี้ พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้แต่สรรพยา ซึ่งจะให้แก้หละแสงพระจันทร์นั้น ประจำสำหรับทรางน้ำเจ้าเรือนนั้นต่อไปดังนี้
ยากวาดแก้หละแสงพระจันทร์ ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนดำ ๑ สานส้ม ๑ ผลมะแว้งทั้ง ๒ ดีปลี ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณเอาน้ำสุราเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้กวาดหละแสงพระจันทร์หายดีนัก
ยาจุดหละแสงพระจันทร์ ขนานนี้ท่านให้เอาน้ำประสานทอง ๑ มูลตุกแก ๑ มูลแมลงสาบสิ่งละ ๒ กล่ำ เมล็ดในมะนาว ๗ เมล็ด รวมยา ๔ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสาย บดทำแท่งแซกชะมดพิมเสน จุดหละแสงพระจันทร์หายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอาหัวสุนักข์ดำ ๑ กระดูกกา ๑ กระดูกแร้ง ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เผาไฟให้ไหม้ ลิ้นทะเล ๑ น้ำประสานทอง ๑ กานพลู ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาค เอารากดินเผาเท่ายา ทั้งหลาย ทำเป็นจุณเอาสุราเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายสุราทาปาก แก้หละแสงพระจันทร์หายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ชาดหรคุณจีน ๑ มูลแมลงสาบ ๑ ลิ้นทะเล ๑ ฝักส้มป่อยขั้ว ๑ น้ำประสานทอง ๑ สานส้มสตุ ๑ จุณสีสตุ ๑ รวมยา ๗ สิ่งเอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเกลือทาปากแก้หละแสงพระจันทร์หายวิเศษนัก ถ้ากุมารผู้ใดไม่ฟังยา ๔ ขนานนี้แล้ว อย่าให้รักษาทรางน้ำต่อไปเลย
( จบลักษณะหละแสงพระจันทร์แต่เท่านี้ )



ที นี้จะว่าด้วยละอองพระบาท อันชื่อว่าละอองแก้ววิเชียรนั้นต่อไป แลละอองจำพวกนี้บังเกิดเพื่อทรางน้ำ ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะละอองแก้ววิเชียรนั้น ท่านให้พิจารณาดูในเพดาลุแลลิ้นแลกระพุ้งปากทั้ง ๒ ถ้าเห็นขาวเป็นดังกล้ามมะพร้าว ยังไม่ได้ขูดนั้นชื่อว่าละอองพระบาท เกิดเพื่อหละแสงพระจันทร์กระทำให้ลง ไปจนตาแข็งจะนับเวลามิได้ ส่วนลงให้ลงไป ส่วนท้องขึ้นก็ให้ขึ้นไปเป็นกำลัง สมมุติว่าทั้งขึ้นทั้งล่อง แพทย์จะรักษายากนัก ถ้าแลพิจารณาเพดาลุแลลิ้น แลกระพุ้งแก้มทั้งสองนั้นเห็นขาวเป็นมันเลือก ดุจมะพร้าวกะทิ ชื่อว่าละอองแก้ววิเชียรเกิดเพื่อทรางน้ำ กระทำให้เลือกไปทั้งปากจะกินเข้ากินนมมิได้ ถ้าแพทย์วางยาชอบจึงตกไป ทีเดียวมิได้กลับขึ้นอีก ถ้าแลยามิชอบ เป็นแต่ประทัง อยู่ ถ้ากวาดข้างเย็นตกข้างเช้าขึ้น ดังเก่า ถ้ากวาดข้างเช้าตกข้างเย็นขึ้นดังเก่าเป็นแต่ดังนี้ จึงกระทำพิษให้ร้อนนอนมิหลับ มักหวาดสดุ้งบางทีทำให้ลงท้อง บางทีกระทำให้ผูก แล้วท้องขึ้นตาเหลือกตาช้อน แล้วให้ไอเป็นกำลัง อันว่าละอองแก้ววิเชียรจำพวกนี้ ถ้าขึ้นแก่กุมารผู้ใดแล้วร้ายนัก ถ้าแพทย์วางยามิชอบใน ๓ วัน รักษามิได้เลย ถ้าจะกวาดให้กวาดเมื่อตวันตกดิน ละอองจึงจะตกห้ามมิให้กวาดเวลาเช้าไซ้ จะห้ามแต่ละอองแก้วิเชียรนั้นหามิได้ท่านห้ามไปทุกๆทรางทุกๆละอองทุกๆหละ ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ โดยไนยดังกล่าวมานี้
ยาแก้ละอองแก้ววิเชียร ขนานนี้ท่านให้เอา รากมะกรูด ๑ รากมะนาว ๑ รากมะงั่ว ๑ รากพุดซ้อน ๑ รากมะลิ ๑ รากอันชันขาว ๑ รากระย่อม ๑ รากพิศนาด ๑ รากเจตภังคี ๑ รากกรามแดง ๑ รากกรามช้าง ๑ รากครามดี ๑ ข่าแก่ ๑ รวมยา ๑๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายน้ำหยัดเหล้าทั้งทาทั้งกิน แก้ละอองแก้ววิเชียรหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ปู่เจ้าลอยท่า ๑ รากส้มกบ ๑ รากหางกะรอก ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำสุรากิน แก้ละอองแก้ววิเชียรหายดีนัก
ยาทาปากแก้ละอองแก้ววิเชียร ละออง พระบาท เพื่อแสงพระจันทร์ขนานนี้ท่านให้เอา ผิวไม้รวก ๑ เปราะหอม ๑ ลิ้นทเล ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำปูนใส ทาปากกุมารหายดีนัก
ยาทาปากแก้ละอองแก้ววิเชียร ให้ตกขนานนี้ท่านให้เอา ชาดหรคุณ ๑ พิมเสน ๑ ใบนมพิจิตร ๑ ใบมะระ ๑ มูลแมลงสาบ ๑ ดีงูเหลือม ๑ เกลือ ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ ละลายน้ำมะนาวทาปากหายวิเศษนักได้เชื่อแล้ว
ยาชื่อฝนแสนห่า ขนานนี้ท่านให้เอา รากบัวหลวง ๑ ก้ามปูทะเล ๑ ลิ้นทะเล ๑ ใบฆ้องสามย่าน ๑ รากถั่วภู ๑ ดินสอพอง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้า ชะโลมแก้ละอองแก้ววิเชียร แลละอองพระบาทเพื่อ หละแสงพระจันทร์หาย
ยาสมานแก้ละอองแก้ววิเชียร ซึ่งกระทำให้เปื่อยนั้น ขนาน นี้ท่านให้เอา พิมเสน ๑ น้ำประสานทอง ๑ ชาดหรคุณ ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ ทาปากกุมารที่เปื่อยนั้นหายดีนัก
พระ อาจารย์เจ้าท่านกล่าวมาในลักษณะกุมารอันเกิดวันจันทร์ กำเนิดทรางน้ำเป็นเจ้าเรือนทำโทษ กำเนิดทรางฝ้ายเป็นทรางจรมาแซกทำโทษประจำทรางน้ำ กำเนิดทรางฝ้ายเป็นทรางจรมาแซกทำโทษประจำทรางน้ำ กำเนิดหละอันชื่อว่าหละแสงพระจันทร์ทำโทษประจำทรางน้ำ กำเนิดละอองอันชื่อว่าละอองแก้ววิเชียรทำโทษประจำทรางน้ำ จบบริบูรณ์แต่เท่านี้


พระ คัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๓ ว่าด้วยกุมารเกิดวันอังคารเป็นลักษณะแห่งทรางแดง เป็นเจ้าเรือน ทรางกระแหนะเป็นทรางจร หละชื่ออุไทยกาล ละอองชื่อแก้วมรกฎ ลมชื่ออุทรวาต โดยสังเขป
(ลักษณะ ทรางแดงนี้ ต้นฉบับกล่าวซ้ำกันดังมีแจ้งอยู่ในน่า ๑๖๕ แห่งเล่มนี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เนื้อความตอนปลายแลตำรายาต่างกัน จึงได้คัดแต่เฉภาะเนื้อความที่ต่างกันแลตำรายานั้นมาพิมพฺไว้ต่อไปดังนี้)
ให้ พิจารณาดูที่ชายโครงข้างขวาสูนย์กลาง ถ้าเส้น ดีอยู่ไม่ตาย ถ้าไม่เห็นเป็นดังนี้ คือว่าลมกำเนิดบังเกิดติดต่อมาแต่ยังอยู่ในครรภ์ ชื่อลมอุทรวาต กระทำให้ร้องไห้ แต่ยังอยู่ในเรือนเพลิง ไปจน ๓ เดือน เป็นกำหนดจึงจะหายไปเอง ถึงแพทย์จะให้ยาก็ไม่หาย เมื่อถอยลงมาจากศีร์ษะแลลงทรวงอกนั้นแล้ว ลงมาตั้งอยู่ในนาภีจึงเรียกว่าลมกองใหญ่ พัดขึ้นมาตามนาภีตามเส้นชิดกระดูกสันหลังขึ้นมาในอกแลลำคอจนไปถึงช่องหูขวา แลกระหม่อม ถ้าเป็นข้างขึ้นตาย ข้างแรมไม่ตาย แลประเภทดังนี้ คือต้องตะบองราหู ก็ว่ากุมาทสังก็ว่า อักขมูขีก็ว่า แลสะพั้น ๗ จำพวกนี้หญิงชายก็ดีเป็นดุจเดียวกัน
อัน ว่าทรางแดงตัวผู้นั้น ถ้าขึ้นอกกระทำให้หอบพัก ถ้าขึ้นไหล่รวบกระทำให้เจ็บหลังแขง ถ้าขึ้นคอกระทำให้กินเข้ากินนมมิได้ดังนี้ แลเมื่อจะสำแดงความตายนั้น ก็ผุดขึ้นรักแร้ข้างละยอดเท่าผลบัวจมอยู่ในเนื้อ สีผุดออกมาตามผิวหนังดังสีควันเทียน แล้วไปขึ้นในกระหม่อมยอด ๑ จึงลามมาหน้าผากดุจกลีบจำปาแล้วก็คล้ำเข้าดังสีควันเทียน เลื่อนลงมาหว่างคิ้วแล้วเมื่อใด ก็กระทำให้ตามืดหูหนัก แล้วก็ลามลงมาถึงปลายนาสิก กระทำให้ปากนั้นชักเฟด ขึ้นก่อน เมื่อจะตายนั้นก็สำแดงออกทั่วสรรพางค์กาย คิ้วนั้นให้ผุดขึ้นเป็นแว่นเป็นวง มีสีเหลือง แดง ขาว ดุจดังประทับตราลงไว้นั้น คือว่าทรางแดงสำแดงความตาย ตัวผู้ก็ดีตัวเมียก็ดี ถ้าแพทย์แก้ไม่ฟัง ก็ตายดุจกัน อย่าพึงสงไสยเลยดังกล่าวมานี้
พระอาจารย์เจ้าท่านจึงประกอบซึ่งสรรพยาไว้ ให้สำหรับแก้ทรางแดงตัวผู้ตัวเมียนั้น โดยลำดับดังกล่าวมานี้
ยาทาปากแก้ทรางแดง ขนานนี้ท่านให้เอา รากดินเผา ๑ เปลือกน้ำเต้าขมเผา ๑ เกล็ดปลาช่อนเผา ๑ น้ำประสานทองสตุ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดละลายน้ำมะนาวทาปากหาย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอารากละหุ่งแดง ๑ ผลประคำดีควาย ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ยาฝิ่น ๑ เอาสิ่งละ ๖ ส่วน ชาดหรคุณ ๒ ส่วน รวมยา ๕ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวทาปากแก้ทรางแดงหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา สังข์ ๑ น้ำประสานทอง ๑ ลิ้นทะเล ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ เปลือกไข่ฟัก ๑ พิมเสนเกล็ด ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวทาปากก็ได้กวาดก็ได้ แก้ทรางแดงหาย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา แฝกหอม ๑ หางปลาช่อน ๑ น้ำประสานทอง ๑ สมอร่องแร่ง ๑ ใบมะนาว ๑ ใบน้ำเต้า ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำท่าก็ได้ทาปากแก้ทรางแดง ถ้าจะให้ลงละลายน้ำมะขามเปียกแซก ดีงูเหลือมกวาด ถ้าตัวร้อนน้ำซาวเข้ากวาด ถ้าจะแก้สอึกน้ำผลมะตูมต้มก็ได้ น้ำส้มส้าก็ได้ จะแก้ลงแดงละลายน้ำผลเบ็ญกานีกวาด ถ้าจะแก้ไอละลายน้ำมะนาวกับเกลือ แลแซกหางนกยูงเผากวาด ถ้าจะแก้ทรางแดง ละลายน้ำมะนาวแซกพิมเสนกวาด หายดีนัก
ขนานหนึ่งแก้ทรางแดงทรางเหลือง ท่านให้เอางาช้าง ๑ มหาสดำ ๑ เปลือกนุ่น ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบตานหม่อน ๑ กระเทียมกรอบ ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาฝักส้มป่อยต้มเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ ถ้าจะแก้ทรางแดงละลายน้ำมะนาวกวาด ถ้าจะแก้ทรางเพลิงละลายน้ำครำ กวาดหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ผลเบ็ญกานีส่วน ๑ ผลประคำดีควาย ๒ ส่วน น้ำประสานทอง ๓ ส่วน รวมยา ๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำส้มส้าทาลิ้น แก้ทรางแดงขึ้นลิ้นหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ลิ้นทะเลปิ้ง ๑ รากดินเผา ๑ น้ำประสานทองสตุ ๑ บรเพ็ด ๑ ก้นหม้อแกง ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะงั่วกวาด เมื่อจะกวาดยานี้เอาน้ำเกลือกวาดเสียก่อน จึงกวาดยานี้ดีนัก
ขนานหนึ่งแก้ทรางแดงทรางฝ้ายทรางกระดูก ท่านให้เอาเปลือกหอยพิมพะการัง ๑ หนังกระเบนเผา ๑ ลิ้นทะเลปิ้ง ๑ น้ำประสานทอง ๑ มูลแมลงสาบ ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ ชาดหรคุณเทศ ๑ ชาดหรคุณจีน ๑ ชาดจอแส ๑ ฝาหอยโข่งเผา ๑ รังหมาล่า ๑ กระเทียมกรอบ ๑ ดีงูเหลือม ๑ พิมเสนเกล็ด ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวกวาดแก้ทรางทั้งปวงหายดีนัก ถ้ามิฟังยาเหล่านี้แล้ว ให้แพทย์เร่งประกอบยาให้สูงขึ้นไปกว่านี้กุมารผู้นั้นจึงจะรอดชีวิตร
ยาชื่อปะขาวกวาดวัด ขนานนี้ท่านให้เอา มูลแมลงสาบ ๑ ชาดหรคุณ ๑ เทียนเยาวภานี ๑ ผลผักชีลา ๑ สมอไทย ๑ สานส้ม ๑ โกฐสอเทศ ๑ เอาสิ่งละส่วน ๑ รากไคร้เครือ ๑ ชะเอมเทศ ๑ กำมะถันแดง ๑ น้ำประสานทอง ๑ ลิ้นทะเล ๑ เบี้ยจั่นเผา ๑ บัลลังกฺศิลา ๑ หญ้าใต้ใบ ๑ กะตังมูตร ๑ รากดินเผา ๑ ผลโหรภาเทศ ๑ รากมะกล่ำเครือ ๑ รากส้มกุ้งน้อย ๑ เอาสิ่งละ ๒ ส่วน รวมยา ๒๐ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ ถ้าจะแก้อาเจียรให้ละลายน้ำสมอไทยต้มกวาด ถ้าจะแก้ทรางขึ้นลิ้นละลายน้ำขมิ้นอ้อยกวาด แลแก้ทรางทั้ง ๗ จำพวกหายดีนัก
ยาชื่อเทพมงคล ขนานนี้ท่านให้เอา มูลแมลงสาบ ๑ หญ้ายองไฟ ๑ ดอกบุนนาค ๑ เกสรบัวหลวง ๑ กฤษณา ๑ กลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ หวายตะค้า ๑ เทียนดำ ๑ น้ำประสานทอง ๑ จันทนฺทั้ง ๒ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ งาช้าง ๑ โกฐพุงปลา ๑ ชาดหรคุณ ๑ ดีงูเหลือม ๑ ดีจรเข้ ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ ทองคำเปลว ๑ รวมยา ๒๒ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้กวาดแก้ทรางแดง แก้ลิ้นกระด้างคางแขง แลตาแขง ไม่มีน้ำตานอนแน่อยู่แล้วก็ดีกวาดหาย
ถ้าจะแก้ละอองพระบาทสีขาว ละลายน้ำดอกไม้กวาด ถ้าจะแก้ละอองพระบาทสีเขียวละลายน้ำครำแลสุรากวาด ถ้าจะแก้ละอองพระบาทสีแดงละลายน้ำหัวหอมกวาด ถ้าจะแก้ละอองพระบาทสีเหลืองละลายน้ำขมิ้นอ้อยกวาดหายดีนัก
ยากวาดทรางแดง ขนานนี้ท่านให้เอา หอยสังข์เผา ๑ ชาดหรคุณไทย ๑ บัลลังกฺศิลา ๑ กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ เขาฟาน ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ เกสรบัวหลวง ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ ทาปากแก้ทรางแดงหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอาศีร์ษะงูเห่า ๑ ศีร์ษะแร้ง ๑ ศีร์ษะกา ๑ หอยสังข์ ๑ รากดิน ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดินถนำ ๑ น้ำประสานทอง ๑ หมึกหอม ๑ นอแรด ๑ เขากุย ๑ มูลหมูเถื่อน ๑ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ เขี้ยวแรด ๑ เขี้ยวหมู ๑ กรามแรด ๑ กรามช้าง ๑ รวมยา ๒๒ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาว กวาดได้สารพัดทรางทั้งปวงหายวิเศษนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอากำมะถันแดง ๑ พิมเสน ๑ กฤษณา ๑ โกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ ดอกจันทนฺ ๑ ไคร้เครือ ๑ ชะเอมเทศ ๑ ชาดก้อน ๑ กำยาน ๑ โลทนง ๑ สีเสียดเทศ ๑ สานส้ม ๑ กรักขี ๑ สมอเทศ ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ เนรภูสีเทศ ๑ ตุมกาแดง ๑ รวมยา ๒๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดด้วยสุราทำเป็นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวทั้งกินทั้งทาทั้งกวาด แก้ทรางแดงแลทรางทั้งปวงหายสิ้นดีนัก
อัน ว่าแพทย์ทั้งหลายใด ถ้าจะรักษาทรางแดงสืบต่อไปเมื่อน่า ห้ามอย่าให้วางยาละลายเข้าสลอด แลยาอันระคน ปนไปด้วยน้ำมันและยาอันเผ็ดร้อนเป็นเที่ยง ให้วางยาแต่สุขุม ให้รักษาดุจไข้สันนิบาต ซึ่งมีพิษอันร้อนอย่าให้เสียยาอันชื่อว่าเบ็ญจตานเลย กุมารผู้นั้นจึงพ้นจากพระยามัจจุราช รอดจากความมรณะ
ยาชื่อประสานทอง ขนานนี้ท่านให้เอา ชะมดสด ๑ ชะมดเชียง ๑ เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง พิมเสน ๑ สลึง กรุงเขมา ๑ อำพัน ๑ ดอกบุนนาค ๑ น้ำประสานทอง ๑ ลิ้นทะเลปิ้งไฟ ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง ตรีกฏุก ๑ โกฐทั้ง ๙ เทียนทั้ง ๕ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ จันทนฺทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ เปราะหอม ๑ ผลราชดัด ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ พระยารากขาว ๑ ปลาไหลเผือก ๑ ตุมกาทั้ง ๒ คุคะ ๑ มหาสดำ ๑ มหาละลาย ๑ รากระย่อม ๑ รากไคร้เครือ ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ หว้านน้ำ ๑ แสนประสระต้น ๑ แสนประสระเครือ ๑ สุรามฤตย์ ๑ อบเชยเทศ ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท ทองคำเปลว ๒๐ แผ่น รวมยา ๖๑ สิ่งนี้กระทำให้เป็นจุณแล้วเอาดีงูเหลือม ๑ ดีจรเข้ ๑ ดีตะพาบน้ำ ๑ ดีหมูเถื่อน ๑ ดีปลาช่อน ๑ ดีนกยูง ๑ ดีทั้ง ๖ นี้แซก เอาน้ำเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้แก้พิษทรางแลแก้ไข้สันนิบาต ละลายน้ำดอกไม้กิน ถ้าจะแก้พิษฝีดาษ พิษฝีดวงเดียว พิษงูร้าย ละลายสุรากินหายทุกสิ่งประสิทธิ์ดีนัก
ยาชื่อสมมิทกุมารน้อย ขนานนี้ท่านให้เอาแก่นสน ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ อบเชย ๑ สมุลแว้ง ๑ จันทนฺชะมด ๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ ชะมดเชียง ๑ หญ้าฝรั่น ๑ ผลผักชีลา ๑ สังกรณี ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง โกฐทั้ง ๙ พิมเสน ๑ อำพันทอง ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง เทียนทั้ง ๕ เอาสิ่งละ ๑ บาท กำยาน ๕ สลึง รวมยา ๓๓ สิ่งนี้กระทำให้เป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้แก้พิษทรางจับหัวใจ แลทรางขึ้นตับขึ้นปอด แลขึ้นทรวงอกให้ตกมูกตกโลหิตให้เชื่อมมึนกำลังน้อยให้อิดโรย ใช้น้ำกระสายดังนี้ ถ้าจะแก้ระส่ำระสายละลายน้ำดอกไม้น้ำจันทนฺกิน ถ้าจะแก้ราก ละลายผลยอต้มกิน ถ้าจะแก้หอบระหวย กำลังน้อยนัก ละลายน้ำรากถั่วภูต้มกิน ถ้าจะแก้คลั่ง ละลายน้ำแก่นสนต้มกิน ถ้าจะแก้กินเข้ามิได้ละลายน้ำขันทศกรกิน ถ้าจะแก้เชื่อม แก้มึนละลายน้ำชะเอมต้มกิน ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำเปลือกมะรุมต้มกิน ยาขนานนี้ใช้ได้ทุกประการดีนัก
พระ อาจารย์เจ้ากล่าวไว้ว่า บุคคลที่เกิดมาในโลกย์นี้หญิงชายก็ดี จะบังเกิดโรคาพยาธิทั้งปวงนั้น ก็อาไศรยแก่ธาตุทั้ง ๔ ถ้ามิบริบูรณ์แล้วก็ ย่อมให้ธาตุนั้นแปรปรวนไปก่อน โรคทั้งปวงนั้นจึงบังเกิดขึ้นต่างๆ ต่อเมื่อภายหลัง
ให้ แพทย์แต่งยาบำรุงรักษาธาตุขนานนี้ ท่านให้เอารากตานดำ ๑ รากตานขโมย ๑ เปลือกสันพร้านางแอ ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ ตรีผลา ๑ หญ้าใต้ใบ ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เปลือกตะขบ ๑ น้ำประสานทอง ๑ สานส้ม ๑ จันทนฺทั้ง ๒ รวมยา ๑๓ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคใบกระเพราเท่ายา ทั้งหลาย แล้วกระทำให้เป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ ละลายสุรากินประจำท้องแก้ธาตุทั้ง ๔ ดียิ่งนัก
ยาชื่อปฉันธาตุ ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีกะฏุก ๑ กระเทียม ๑ เอาสิ่งละ ๕ สลึง เทียนทั้ง ๕ สิ่งละ ๑ บาท หว้านเปราะ ๑ แห้วหมู ๑ เปลือกมูกมัน ๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท รวมยา ๑๒ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำใบกระเพรากิน ถ้าจะแก้ไอละลายน้ำมะแว้งเครือกิน ถ้าจะแก้ปวดมวนละลายน้ำผลเบ็ญกานี ผลทับทิมต้มก็ได้ ละลายน้ำครั่งต้มก็ได้ กินแซกดีงูเหลือมด้วยประเสริฐนัก
ยาประจำธาตุ ยาดำ ๑ ใบกระเพรา ๒ ใบตานหม่อน ๒ ใบสวาด ๓ รวมยา ๔ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายสุรากินแต่เช้า ท่านห้ามไม่ให้กินในเวลาบ่าย ตั้งแต่อายุเด็กได้เดือน ๑ ขึ้นไปจนถึงขวบ ๑ ให้กินตามกำลังเด็ก ดีนัก
ยาประจำธาตุ ขนานนี้ท่านให้เอา ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท กะชาย ๒ สลึง ใบกระเพรา ๑ ใบคนทีสอ ๑ ใบตานหม่อน ๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท รวมยา ๙ สิ่งนี้ทำเป็นจุณเอาน้ำหยัดเหล้า เป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินเวลาเย็น ห้ามไม่ให้กินเวลาเช้าแต่อายุเดือน ๑ ไปจนถึงขวบ ๑ กินทวีขึ้นไปตามกำลัง
ยาแก้โทษน้ำนม ขนานนี้ท่านให้เอา ชะเอมเทศ ๑ จันทนฺเทศ ๑ น้ำตาลทราย ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง โกฐสอเทศ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐก้านพร้าว ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง รวมยา ๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวน้ำผึ้งน้ำท่าประสมกัน ฝนยานี้ให้กุมารกินแก้โทษน้ำนมต่างๆ แลแก้พิษทรางในลำคอในทรวงอก แก้ไอแก้สอึกแลแก้รากวิเศษนัก
อนึ่ง ยารักษาทรางแดงขึ้นที่ขั้วตับนั้น ย่อมกระทำให้ลงเป็นโลหิต ๔ วัน ๕ วันก่อน แลให้ไอเป็นกำลังแลตาเหลืองให้จับเป็นเวลา แลให้ตับหย่อนลงไปตามชายโครงข้างขวา ถ้าจะแก้ท่านให้เอา ผลเบ็ญกานี ๑ กระเทียม ๒ ฝางเสน ๓ รวมยา ๓ สิ่งนี้บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำปูนใส กินตามกำลังกุมารนั้นเถิดดีนัก แล้วจึงแต่งยาพอกตามชายโครงให้ตับหดขึ้นไป ขนานนี้ท่านให้เอาหน่อไม้ ๑ เขม่าเหล็ก ๑ ปูนขาว ๑ บดพอกชายโครงราว ๓ วัน หายดีนัก
ถ้า ไม่หดหาย ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีผลา ๑ มะขามป้อม ๑ รากไอ้เหนียว ๑ รากเล็บมือนาง ๑ เปลือกไข่เน่า ๑ แห้วหมู ๑ บรเพ็ด ๓ องคุลี ผลมูลกาผล ๑ ผ่า ๒ เอา ๑ เทียนดำ ๒ สลึง เทียนขาว ๒ สลึง น้ำประสานทอง ๒ สลึง ยาดำ ๑ ผลมะตูม ๑ เกสรบัวหลวง ๑ ดอกบุนนาค ๑ ฝักราชพฤกษ์ ๑ ขมิ้นอ้อย ๓ ชิ้น สานส้ม ๑ ใบกระเพราเท่ายาทั้งหลาย เอาสุราครึ่งน้ำครึ่ง ต้ม ๓ เอา ๑ กินหาย
( จบลักษณะทรางแดงแต่เพียงนี้ )



สิทธิการิยะ ทีนี้จะกล่าวลักษณะกำเนิดทรางกระแหนะ ซึ่งเป็นทรางจร แซกทรางแดงเจ้าเรือน นั้นต่อไป ให้แพทย์พึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะทรางกระแหนะนั้น มีแม่ ๓ ยอด มีบริวาร ๓๐ ยอด ทรางอันนี้ขึ้นแซม ๑ ยอด ๒ ยอด ก็ดี มีสัณฐานยอดนั้นเหลืองกลางยอดนั้นหวำ ขึ้นปลายลิ้นยอด ๑ มีบริวารขึ้นด้วย ๑๐ ยอด ขึ้นต้นคางยอด ๑ มีบริวารขึ้นด้วย ๑๐ ยอด บางทีขึ้นต้นลิ้นขึ้นทรวงอกก็มี ยอด ๑ บริวารขึ้นด้วย ๑๐ ยอด อันว่าลักษณะบริวารขึ้นนั้นเมื่อเข้าล้อมแม่นั้นแล้ว ก็ตั้งเป็นเปลวออกไปดังอุณาโลม แล้วกระทำพิษให้กุมารนั้นดูดนมมิได้ ให้ลิ้นกระด้างคางแขงให้เท้ามือกำ ครั้นได้ ๕ เดือน แม่ทรางซึ่งอยู่ในปลายลิ้นต้นคางต้นลิ้นแลทรวงอกนั้น ก็เลื่อนลงไปตั้งอยู่ในนาภีพร้อมกันทั้ง ๓ ยอด จึงกระทำให้ลงมูกลงโลหิต เป็นน้ำล้างเนื้อ เป็นน้ำชานหมาก แล้วให้เป็นเสมหะโลหิตเน่า ให้ซูบผอมกินอาหารมิได้ให้ปวดมวนนัก ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาให้พิจารณาดูลักษณะทรางกระแหนะ ซึ่งจรมาแซกนั้นให้แม่นแท้ดุจกล่าวมานี้
ยากวาด ชื่อเจียรไนเพ็ชร์ ขนานนี้ท่านให้เอา มูลแมลงสาบขั้ว ๑ รากดินขั้ว ๑ หนังกระเบนเผา ๑ น้ำประสานทองสตุ ๑ แววนกยูงเผา ๑ ศีร์ษะงูเห่า ๑ กะดองปูทเล ๑ กะดองปูนา ๑ กะตังมูตร ๑ เปลือกไข่ฟัก ๑ ลิ้นทเล ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ กำมะถันแดง ๑ เบี้ยผู้เผา ๑ หมึกหอม ๑ ชาดก้อน ๑ ชะมดเชียง ๑ อำพันทอง ๑ ทองคำเปลว ๑๐ แผ่น ๑ รวมยา ๑๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวกวาดทรางกระแหนะ หายวิเศษนัก
ยาชื่อตรีผลาเตร็ด ขนานนนี้ท่านให้เอา สมอไทย ๑ สมอพิเภก ๑ มะขามป้อม ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ตรีกฏุก ๑ ผลผักชี ๑ ผลโหระภา ๑ สิ่งละ ๒ สลึง ผลเบ็ญกานี ๑ สีเสียดเทศ ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท รวมยา ๑๒ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำท่าแล้วจึงเอาฝิ่น ๑ ดิน ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รำหัดกินแก้พิษทรางกระแหนะ ซึ่งเลื่อนลงไปทำโทษในนาภี แลทรางนั้นขึ้นตามลำไส้แลตับแลปอด แลให้เป็นบิดปวดมวน แล้วให้ลงเป็นโลหิตมูกเลือดเสลดเน่าหาย
ยาชื่อสังขสมุทไทย ขนานนี้ท่านให้เอา สังข์หนาม ๑ ฝุ่น ๑ ชาดผง ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ เกสรบัวหลวง ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำรากบัวหลวงก็ได้ น้ำรากมะกอกก็ได้ กินแก้กระหายน้ำทรางกระแหนะดีนัก
ยาสมานลิ้นเปื่อย ขนานนี้ท่านให้เอา ใบหว้าอ่อนใส่ปากหม้อนึ่งให้สุก ผลเบ็ญกานี ๑ มูลโคแห้ง ๑ น้ำประสานทอง ๑ สีเสียดเทศ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำหมากสง ทาปากทาลิ้นกุมารหายดีนัก
( จบลักษณะทรางกระแหนะซึ่งจรมาแซกทรางแดงแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะกล่าวถึงลักษณะหละอันชื่อว่าอุไทยกาล ซึ่งจะบังเกิดขึ้นสำหรับทรางแดงนั้นต่อไปโดยสังเขปดังนี้
อันว่าลักษณะหละอุไทยกาล เมื่อจะบังเกิดนั้นให้ชัก เท้ากำมือกำแล้วมักให้กระทืบเท้าร้องไห้ แลให้อุจาระปัสสาวะมิออก
ยาแก้หละอุไทยกาล ขนานนี้ท่านให้เอา พิมเสน ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ สะค้าน ๑ กระเทียม ๑ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำนมโคทาปากกุมารหาย
ยาจุดหละทรางกระดูก ขนานนี้ท่านให้เอา กระดูกงูเหลือม ๑ กระดูกงูทับทาง ๑ ชาดหระคุณจีน ๑ เข้าขั้ว ๑ มูลแมลงสาบขั้ว ๑ มูลหนูหริ่งขั้ว ๑ หวายตะค้า ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวจุด หายดีนัก
ยาจุดหละ ขนานนี้ท่านให้เอา ฝาง ๑ จันทนฺทั้ง ๒ พิมเสน ๑ บดละลายน้ำมะเกลือจุดหาย
ยาจุดหละ ขนานนี้ท่านให้เอา กะปิเผา ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ พริกไทยขั้ว ๗ เมล็ด กานพลู ๑ จันทนฺทั้ง ๒ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำจะหละหาย
( จบลักษณะหละอุไทยกาล ซึ่งบังเกิดสำหรับทรางแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะกล่าวลักษณะละอองแก้วมรกต เมื่อจะบังเกิดขึ้นนั้นร้ายนัก มักให้หน้าเขียวหน้าดำ แลให้ชักเท้ากำมือกำอ้าปากมิออก ให้ลิ้นกระด้างคางแขง ถ้าแก้มิฟัง กุมารผู้นั้นจะตายเป็นเที่ยง ถ้าจะแก้ท่านให้เอา จันทนฺทั้ง ๒ เนระภูสี ๑ ไคร้เครือ ๑ ดีงูต้น ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ หวายตะค้า ๑ หวายตะมอย ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ ทั้งกินทั้งชะโลม แก้ละอองแก้วมรกตหายวิเศษนัก
ยาแก้ละอองแก้วมรกต ขนานนี้ท่านให้เอา ปู่เจ้าพุงแก ตับเต่าทั้ง ๒ สีหวดน้อย ๑ ฉัตร์พระอินทร์ ๑ ปู่เจ้าสมุงกุย ไคร้เครือ ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑ เนระภูสี ๑ จันทนฺทั้ง ๒ งวหมู ๑ รากหญ้านาง ๑ รากประคำดีควาย ๑ โคนไม้ไผ่ป่า ผักแพวแดง ๑ รวมยา ๑๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ น้ำซาวเข้ากินก็ได้ แก้ละอองแก้วมรกตหาย
ยาแก้จับแก้มัว ขนานนี้ท่านให้เอา จันทนฺชะมด ๑ จันทนฺคันนา ๑ ผลผักชี ๑ พรรณผักกาด ๑ รากหญ้านาง ๑ ไพล ๑ กระชาย ๑ ชะเอมเทศ ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ ถ้าจะแก้คลั่ง ละลายน้ำดอกไม้กิน ถ้าจะแก้จับ ละลายน้ำสมอต้มกิน ถ้าจะแก้หอบ ละลายน้ำรากถั่วภูต้มกิน ถ้าจะแก้ราก ละลายน้ำผลยอต้มแซกน้ำผึ้งกินหาย
อัน ว่าลักษณะทรางแดงนี้ มีโทษมากนักยิ่งกว่าทรางทั้งปวง พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้ ให้แพทย์ผู้ฉลาดพิจารณาดูโรค ซึ่งจะผันแปรไปเป็นประการใดๆก็ดี ให้แพทย์นั้นประกอบยาผันแปรไปตามโรคนั้นเถิด พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวมาในลักษณะกุมารอันเกิดวันอังคาร เป็นกำเนิดแห่งทรางแดง กระทำโทษเป็นเจ้าเรือนกำเนิดทรางกระแหนะ เป็นทรางจรมาแซก กระทำโทษประจำทรางแดงนั้น กำเนิดหละประจำทรางแดง ชื่อว่าหละอุไทยกาล กำเนิดละอองพระบาทประจำทรางแดง ชื่อว่าละอองแก้วมรกต
( จบแต่เพียงนี้ตามลักษณะโดยสังเขป )



พระ คัมภีร์ปะฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๔ ว่าด้วยกุมารเกิดวันพุฒเป็นลักษณะแห่งทรางสกอเป็นเจ้าเรือน ทรางกระตังเป็นทรางจร หละชื่อเนียรกันถีชื่อเนียรเพลิง ละอองชื่อแสงเพลิง ลมชื่อสุนทรวาต โดยสังเขป
( ลักษณะทรางสกอนั้นมีแจ้งอยู่ในเล่มนี้แล้ว )
อนึ่งถึงสิ้นกำหนดทรางสกอเจ้าเรือนนั้นแล้วก็ดี ให้ระวังละอองพระบาท แลทรางจรสำหรับทรางสกอนั้นต่อไป
บัดนี้จะว่าด้วยลักษณะทรางกระตัง ซึ่งเป็นทรางจรมาแซก สำหรับทรางสกอเจ้าเรือน ให้แพทย์พึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าทรางกระตังนั้น มีแม่ ๓ ยอดมีบริวาร ๓๐ ยอด เมื่อกุมารอยู่ในเรือนเพลิงเขม่าหามีไม่ ครั้นได้เดือนหนึ่งออกจากเรือนเพลิงแล้วเขม่าจึงขึ้น ครั้นสิ้นเขม่าแล้ว แม่ทรางจึงราย กันขึ้นๆ ในนาภียอด ๑ บริวาร ๑๐ ยอด ขึ้นในคอยอด ๑ บริวารขึ้นด้วย ๑๐ ยอด ครั้นกุมารได้เดือน ๑ กับ ๑๕ วัน บริวาร ๑๐ ยอด ซึ่งขึ้นอยู่ในนาภีนั้น ก็รายกันขึ้นมาในลำไส้อ่อนลำไส้แก่จนถึงทรวงอก ทรางบริวาร ๑๐ ยอดซึ่งขึ้นอยู่ในทรวงอกนั้น ก็ถอยลงไปขึ้นในกระเพาะน้ำกระเพาะเข้า แลทรางบริวาร ๑๐ ยอด ซึ่งขึ้นอยู่ในคอนั้นก็รายกันออกไปขึ้นเพดาลุบ้าง ขึ้นริมฝีปากบ้างแลขิ้นลิ้นขึ้นกระพุ้งแก้มบ้าง หนาสามชั้นดุจดังหญ้ายองไฟ ถ้าขึ้นพร้อมกันทั้งสามแห่งดังกล่าวมานี้ ทรางที่ขึ้นในลำไส้ก็ทำให้ปนบิด ทรางที่ขึ้นในกระเพาะน้ำนั้นทำให้ขัดเบา ทรางที่ขึ้นในกระเพาะเข้านั้นก็ทำให้ จุกเสียดมิให้อยากอาหารนอนไม่หลับ ทรางที่ขึ้นในคอนั้นทำให้คอแห้งร้องไห้มิออก ทรางที่ขึ้นในเพดาลุนั้นทำให้ปวดศีร์ษะหายใจขัดดูดนมมิได้ อันว่าลักษณะทรางกระตังนี้ถ้าบังเกิดแก่กุมารกุมารีผู้ใดห้ามมิให้วางยารุ ผาย แลทรางจำพวกนี้บางทีขึ้นแซกทรางเจ้าเรือน บางทีต่อสิ้นกำหนดทรางเจ้าเรือนแล้ว จึงทำต่อไปจนอายุกุมาร ๑๒ ขวบ อันว่าเภท ทรางกระตังนี้ย่อมจะสู้ยา บางทีกวาดแต่เช้าถึงเที่ยงจึงหล่น ไปจนรุ่ง ครั้นรุ่งเช้ากลับขึ้นมาดังเก่า ย่อมทำให้ท้องขึ้นตัวร้อนแสยงขน ครั้นถึงถ้วน ๓ เดือนแล้ว แม่ทรางแลบริวารซึ่งรายไปขึ้นทุกแห่งนั้นก็รายกันมาขึ้นอยู่ในนาภีทั้งสิ้น จึงเข้าไปขึ้นในลำไส้สองยอดบ้างสามยอดบ้าง ทำให้กุมารร้องไห้บิดตัว ถ้ากุมารได้ ๖ เดือน ๗ เดือน แพทย์จะรักษานั้นให้แต่งยาพอก จึงจะหาย เมื่ออายุได้ ๑๑ เดือน จะทำให้ลงท้อง แลท้องขึ้นกระหายน้ำให้วิปริตต่างๆ เมื่อรู้ย่างรู้เดินไส้พุงกระฉ่อน จึงทำให้ตกมูกเลือดอีกครั้งหนึ่ง ถ้าแพทย์จะรักษาให้แต่งยาชะโลมสำหรับตัวร้อนด้วย อันว่าทรางจำพวกนี้มิใช่ทรางตัดวางยา ผิดรู้ไม่ถึงจึงเสียที ถ้าแพทย์จะวางยาให้พิจารณาให้แม่นแท้ดุจกล่าวมานี้เถิด
ยาแก้ทรางสกอเจ้าเรือน ทรางกระตังเป็นทรางจร ขนานนี้ท่านให้เอา ใบหญ้านาง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ใบเนระภูสี ๑ ใบกรอบแกรบ ๑ ใบสันพร้านางแอ ๑ ใบหมากผู้ ๑ รวมยา ๖ สิ่งเอาเสมอภาค เอาน้ำหญ้าปากควายเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้า ชะโลมแก้ร้อนภายนอกภายในหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ใบมระ ๑ ใบฝ้ายเทศ ๑ ใบผักขวง ๑ ใบระงับพิษ ๑ ใบน้ำเต้า ๑ ใบชุมเห็ดเทศ ๑ ใบเพกา ๑ ใบการ่อน ๑ ใบฟักเข้า ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้าชะโลมหาย ยาซึ่งแก้พิษทรางนั้นให้กินยาเบ็ญจตาลก่อน ถ้ามิฟังให้แต่งยาเหลืองสรรพคุณให้กินต่อไป
ยาชื่อเหลืองสรรพคุณ ขนานนี้ท่านให้เอา ใบคนทีสอ ๑ ใบหนาด ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบผักคราด ๑ ใบหญ้าใต้ใบ ๑ ใบฆ้องสามย่าน ๑ ใบหางจรเข้ ๑ ใบหว้านน้ำ ๑ ใบหว้านหางช้าง ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ กะทือ ๑ กะชาย ๑ ตรีกฏุก ๑ ข่าลิง ๑ ข่าหอม ๑ ข่าตาแดง ๑ กำมะถันเหลือง ๑ ลิ้นทเล ๑ ครั่ง ๑ โหราเท้าสุนักข์ ๑ โหราอำมฤตย์ ๑ มูลแมลงสาบ ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เนรภูสี ๑ ดินประสิวขาว ๑ สานส้ม ๑ น้ำประสานทอง ๑ ฝักส้มป่อย ๑ หอม ๑ กระเทียม ๑ ไคร้หอม ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ใบผักเสี้ยนผี ๑ ใบเทียน ๑ ใบทับทิม ๑ รวมยา ๔๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณเอาสารพัดดี แช่น้ำเป็นกระสายบดแช่ไว้กินแก้ทรางสกอทรางกระตังกระทำพิษต่างๆหาย
ยาแก้เชื่อมแก้มึน ขนานนี้ท่านให้เอา จันทนฺทั้งสอง ๑ กฤษณา ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ ดอกบุนนาค ๑ เกสรบัวหลวง ๑ เกสรสัตบุตย์ ๑ ชาดจอแส ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำค้างเป็นกระสายบดใส่ใบลานตากให้แห้งหนหนึ่ง แล้วจึงเอามาบดกับน้ำดอกไม้อิกทีหนึ่ง ปั้นแท่ง ไว้กินแก้ทรางสกอทรางกระตังทรางโจร จับทรวงอกให้ซึมให้มึนระส่ำระสาย แลให้กระหายน้ำหอบพัก หายดีนัก
ยาชื่อพัดวาลวิชนี ขนานนี้ท่านให้เอา ใบหญ้าไทร ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ กรักขี ๑ แก่นไข่เน่า ๑ ชะเอมเทศ ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้ทำเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้าชะโลมหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ใบคนทีสอ ๑ ใบสะเดา ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ แก่นสน ๑ กรักขี ๑ ดินประสิวขาว ๑ โกฐสอเทศ ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้าน้ำเถาตำลึงก็ได้ชะโลมหายดีนัก
ยาแก้กุมารท้องขึ้นเวลาค่ำ ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนขาว ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง หญ้าใต้ใบ ๒ สลึง ใบตานหม่อน ๑ ใบสวาด ๑ ยาดำ ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท มหาหิงคุ์ ๒ บาท เนรภูสี ๑ ดีปลี ๑ ใบชุมเห็ดเทศ ๑ ใบกระเพรา ๑ เอาสิ่งละ ๔ บาท รวมยา ๑๔ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำซาวเข้าเป็นกระสาย บดปั้นเม็ดไว้เท่าเมล็ดนุ่น ถ้ากุมารนั้นอ่อนได้เดือน ๑ ให้กินเม็ด ๑ ให้กุมารกินทวีขึ้นตามอายุขึ้นไปเถิดดีนัก
ยากวาดทรางสกอ ขนานนี้ ท่านให้เอาผลมะแว้งเครือ ๑ ตรีกฏุก ๑ กระเทียม ๑ กำมะถันแดง ๑ ผิวมะกรูด ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ สานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำประสานทองเท่ายาทั้งหลาย บดปั้นแท่งไว้ ถ้าจะกวาด ทรางละลายน้ำมะนาวกับเกลือ รำหัดกวาดแซกพิมเสนด้วย ถ้าจะแก้ ราก ละลายน้ำผลยอต้มกิน ถ้าจะแก้คอแห้งละลายน้ำชะเอมกิน ถ้าจะแก้ขัดเบา แก้เป็นนิ่วก็ดี ละลายน้ำแตงกวากินหายดีนัก
ยากวาดทรางสกอ ทรางกระตัง ขนานนี้ท่านให้เอาแววนกยูงเผา ๑ หางปลาช่อนเผา ๑ มูลแมลงสาบเผา ๑ หัวตะใคร้ ๑ เปลือกแมงดา ๑ ตรีกฏุก ๑ หญ้ายองไฟ ๑ ดินประสิวขาว ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ ดอกผักคราด ๑ กระเทียม ๑ ลิ้นทะเล ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำมะนาวเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้กวาดทรางสกอทรางกระตังหายดีนัก
( จบลักษณะทรางสกอเจ้าเรือนทรางกระตังเป็นทรางจรแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะหละอันชื่อเนรกันถี นิลเพลิงก็ว่าหละจำพวกนี้เกิดเพื่อทรางสกอ ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะหละ เนรกันถี นิลเพลิงนั้น เมื่อแรกจะบังเกิดขึ้นนั้น เห็นเขียวดังใบไม้สด แล้วเป็นสายโลหิตผ่านไปอยู่ใน ๕ วัน จะให้ลงท้องๆขึ้น แล้วให้ฝีปาก แห้งคอแห้ง
ยาแก้หละเนรกันถี นิลเพลิง ท่านให้เอา ใบน้ำเต้า ๑ ใบผักไห่ ๑ ใบประดู่ ๑ ผลประคำดีควาย ๑ ใบฟักเข้า ๑ ใบจันทนฺหอม ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดปั้นแท่งไว้ละลายสุราชะโลมหาย
ยา แก้หละชื่อ เนรกันถี นิลเพลิง ขนานนี้ท่านให้เอาเทียนดำ ๑ ใบหนาด ๑ ดินประสิวขาว ๑ พริกไทย ๑ ดอกจันทนฺ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุราทาปากกุมารหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา แมลงสาบตายทราก ๑ น้ำประสานทอง ๑ ใบกระเพรา ๑ กระวาน ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดทำแท่งไว้ ละลายสุราทาปากกุมารหายดีนัก
( จบลักษณะหละอันชื่อว่าเนรกันถี นิลเพลิงแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะละอองอันชื่อว่าแสงเพลิง นั้นต่อไปให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะละอองแสงเพลิงนั้น บังเกิดขึ้นเพื่อทรางสกอ เมื่อแรกเกิดนั้นกระทำให้กระขาวข้างกระพุ้งปาก อยู่วันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ก็ให้คล้ำเขียวเข้าดังใบไม้ แล้วทำพิษ ให้เชื่อมมึน ให้ลงท้องให้อุจจาระเขียวดังใบไม้ ด้วยเหตุว่าละอองนั้นลั่นลงไป จับเอาไส้อ่อนแลขั้วดี ถ้าจะแก้ละอองหมู่นี้ ท่านให้เอามะนาวทั้งผลทั้งใบทั้งราก ตาไม้ไผ่ ๑ บรเพ็ด ๑ ฝาง ๑ หอม ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑ เจตภังคี ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำปูนใสทาปาก ถ้าจะกินละลายสุรากินหาย
ถ้า มิฟังขนานนี้ ท่านให้เอาใบครามทั้ง ๓ ใบรักขาว ๑ ใบพลูแก ๑ ใบกระเพรา ๑ ผักแพวแดง ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ เมล็ดในมะกรูด ๑ เมล็ดในมะงั้ว ๑ เมล็ดทั้ง ๓ สิ่งนี้ขั้วให้เกรียม รากดิน เผา ๑ ฝักส้มป่อยปิ้ง ๑ ตรีกะฏุก ๑ กระเทียม ๑ นอแรด ๑ งาช้าง ๑ เขากวาง ๑ ดีงูเหลือม ๑ ฝิ่น ๑ รวมยา ๒๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่าทาปากกุมารหาย ถ้ามิฟังแพทย์จะยายากนัก ด้วยลิ้นขาวไปขึ้นอยู่ต้นลิ้นไก่นั้น จะกระทำให้กายสูบผอมตัวเหลืองดังขมิ้นทา เมื่อจะตายนั้นจึงขาวออก ให้แพทย์พึงรู้ดังนี้เถิด
( จบลักษณะละอองอันชื่อว่าแสงเพลิงแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะลมอันชื่อว่าสุนทรวาต เกิดเพื่อทรางสกอนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะสุนทรวาตนั้น ตั้งขึ้นมาแต่สะดือแลท้องน้อย มักให้เจ็บท้องแลท้องขึ้นก่อนแล้ว จึงทำให้ลงท้องนัก มักให้นอนหลับไป ให้ชักเท้ากำมือกำให้ท้องขึ้นให้หน้าเขียว
ยาประสระแก้ลม ๗ จำพวก ให้เอาใบพิมเสน ๑ การบูร ๑ ผิวมะกรูด ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง มหาหิงคุ์ ๒ สลึง ใบหนาด ๑ บาท กระเทียม ๑ บาท พริกไทย ๑ บาท ขิงแห้ง ๑ บาท รวมยา ๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดละลายน้ำมะนาวกินแก้ลม จุกเสียดแลลมขบแทงลมอริต แลลมทรางทั้งปวงแก้ลมทั้ง ๗ จำพวก อันบังเกิดขึ้นประจำทรางทั้ง ๗ วันนั้นหายดีนัก
ยาต้มแก้ลมสุนทรวาตให้ลง ขนานนี้ท่านให้เอา หญ้าลูกเคล้า ๑ เปลือกแทงทวย ๑ ใบเทียน ๑ ใบทับทิม ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ ข่า ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ หอม ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาค เหล้าครึ่งน้ำครึ่ง เป็นกระสายต้ม ๓ เอา ๑ กินหายดีนัก


พระ อาจารย์เจ้าท่านกล่าวมาในลักษณะกุมาร อันเกิดวันพุฒกำเนิดแห่งทรางสกอเป็นเจ้าเรือนกระทำโทษ กำเนิดทรางกระตังเป็นทรางจรมาแซก กำเนิดหละชื่อว่าเนระกันถีก็ว่า นิลเพลิงก็ว่า แลกำเนิดละอองชื่อว่าแสงเพลิง กำเนิดลมเชื่อว่าสุนทรวาตกระทำโทษประจำทรางสกอ
( จบบริบูรณ์แต่เพียงนี้ )



พระ คัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๕ ว่าด้วยกุมารเกิดวันพฤหัศบดี เป็นลักษณะแห่งทรางโคเป็นทรางเจ้าเรือน ทรางเข้าเปลือกเป็นทรางจร หละชื่อว่านิลกาฬ ละอองชื่อมหาเมฆ ลมชื่อหัศคินี โดยสังเขป


ยาแก้ทรางโค ขนานนี้ท่านให้เอา เนระภูสี ๑ จันทนฺแดง ๑ ยาดำ ๑ มูลวัวข้างพ้อม ๑ เทียนสัตบุษย์ ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดละลายสุรากินหายดีนัก
ยาขนานหนึ่งท่านให้เอา เบี้ยผู้เผา ๗ เบี้ย รากทองหลางหนาม ๑ บดละลายสุราทั้งกินทั้งทาหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ขิงแห้ง ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระเทียม ๑ บดละลายน้ำมะพร้าวนาฬิเก ทั้งกินทั้งทาสำหรับทรางโคทรางกระดูกหายดีนัก
ยาชื่อปัญจคงคา ขนาน นี้ท่านให้เอา หอยแครงเผา ๑ ใบตำลึงตัวผู้ ๑ สานส้ม ๑ น้ำประสานทอง ๑ ดินประสิวขาว ๑ ดินสอพอง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดทำแท่งไว้ ถ้าจะกวาดละลายน้ำมะนาวกวาด จะชะโลมน้ำซาวเข้าสำหรับแก้ทรางโคหายดีนัก
ยากวาดแก้คอแห้ง ขนานนี้ท่านให้เอา ชะเอม ๑ ตรีกะฏุก ๑ กระเทียม ๑ เกลือ ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวหัวหอมรำหัด ทาปากแก้คอแห้งไม่มีน้ำลายหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา ผลราชดัด ๑ เนระภูสี ๑ สังกรณี ๑ จันทนฺแดง ๑ ผลประคำดีควาย ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ ผลในแตงจีน ๑ ตุมกาแดง ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคบดปั้นแท่งไว้ ละลายสุรากินแก้คอแห้งหายดีนัก
ยากวาดทรางโค ขนานนี้ท่านให้เอา กระดูกงูเหลือมเผา ๑ กระดูกงูทับทางเผา ๑ เขาโคเผา ๑ มูลแมลงสาบขั้ว ๑ ชาดหรคุณจีน ๑ หวายตะค้าเผา ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้กวาดทรางโคหายดีนัก
ยาแก้พิษภายใน ขนานนี้ให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐพุงปลา ๑ จันทนฺแดง ๑ กฤษณา ๑ เกสรสารภี ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำเล็บมือนาง ต้มเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้เท่าเมล็ดพริกไทย ละลายน้ำดอกไม้ เอาพิมเสนรำหัดกินแก้พิษตานพิษทราง ถ้าจะแก้เชื่อมแก้มึนกระหายน้ำหอบพักแซกน้ำตาลกรวดกิน แก้เสมหะก็ได้ แก้ทราง ๗ จำพวก หายดีนักได้เชื่อแล้ว
( จบลักษณะทรางโคแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะทรางเข้าเปลือก ซึ่งเป็นทรางจรมาแซกทรางโคเจ้าเรือนสำหรับกัน นั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะทรางเข้าเปลือกนั้นมีแม่ ๕ ยอด มีบริวาร ๕๐ ยอด แม่ทรางขึ้นประจำอยู่กระหม่อมนั้นยอด ๑ แม่ทรางขึ้นประจำอยู่กลางหลังนั้นยอด ๑ แม่ทรางขึ้นประจำอยู่นาภีนั้นยอด ๑ แม่ทรางขึ้นประจำอยู่รักแร้ทั้ง ๒ ข้างๆละยอด มีบริวารขึ้นประจำอยู่แห่งละ ๑๐ ยอด ทรางจำพวกนี้เกิดเพื่อกำเดา เมื่อจะบังเกิดนั้นให้ปากร้อนให้ลงท้องก่อน ทรางจำพวกนี้จึงมาเกิดขึ้นทำให้เท้าแลมือเย็น แต่เจ็บเป็นดังนี้ครั้ง ๑ แม่ทรางที่อยู่ในกระหม่อมนั้น จึงเลื่อนลงมาตั้งในนาภีอีกยอด ๑ เป็น ๒ ยอดด้วยกัน ให้กุมารนั้นเจ็บอีกครั้ง ๑ แม่ทรางที่อยู่กลางสันหลัง ยอด ๑ นั้นก็เลื่อนลงมา ตั้งอยู่นาภีเป็น ๓ ยอด จึงทำให้กุมารเจ็บป่วยอิกครั้ง ๑ แม่ทรางที่อยู่รักแร้ข้างละยอดนั้น ก็ลงมาตั้งอยู่นาภีเป็น ๕ ยอด ด้วยกันขึ้นเป็นดังนี้ ๐๐๐๐๐ เรียงกันลงมาใต้สดือถึงหัวเหน่า อันว่าทรางบริวาร ๕๐ ยอดนั้น ก็รายกันไป ขึ้นทั้งตัว บางทีให้ พรึงขึ้น ดังคายเข้าเปลือก ให้คันสักหน่อย ถ้ารู้มิถึง ก็ว่าหัด บางทีผุดขึ้นดังปานดำ ปานแดงก็มี บางทีผุดขึ้นดังถูกหวายฟาด บางทีผุดขึ้นดังถูกตีด้วยนิ้วมือ ดำ แดง เขียว ก็มี รากนักมักให้ลงท้อง ให้ท้องขึ้นให้ชักเท้ากำมือกำ ให้ลิ้นกระด้างคางแข็ง ให้ดูดนมมิได้ แลให้เป็นไปใน ๓ วัน ๗ วันที ๑ พ้นกว่านั้นเป็นอาการท่านตัด ถ้าแพทย์จะแก้ให้แก้ด้วยยาอันชื่อว่า พระสุริยจันทนังเป็นประการดังนี้
ยาชื่อพระสุริยจันทนัง ขนานนี้ท่านให้เอา รากสลอดน้ำ ๑ รากทองหลางหนาม ๑ รากพุมเรียงบ้าน ๑ รากตำลึง ๑ รากฟักเข้า ๑ รากโมง ๑ รากลำดวน ๑ รากเล็บมือนาง ๑ รากสุรามฤตย์ ๑ รากคงคาเดือด ๑ รากเหมือดคน ๑ รากปลาไหลเผือก ๑ รากเถาหญ้านาง ๑ พยารากขาว ๑ พยารากดำ ๑ เชือกเขามวกทั้งสอง ๑ หญ้าแพรก ๑ หญ้าปากควาย ๑ พรมมิ ๑ เกสรบัวหลวง ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ งาช้าง ๑ เขากวาง ๑ นอแรด ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจรเข้ ๑ รวมยา ๒๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณเอาผลประคำดีควาย ๒๐ ผลแช่เอาน้ำเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ทั้งกินทั้งชะโลม แก้ร้อนแก้กระหายน้ำ ทั้งทรางโคทรางเข้าเปลือกหายดีนัก
ยากวาดทรางโคทรางเข้าเปลือก ขนานนี้ท่านให้เอารากนมแมวน้อย ๑ โลทนง ๑ ตุมกาแดง ๑ รากทรงบาดาน ๑ รากกะดานพล ๑ รากไข่เน่า ๑ รากแตงหนู ๑ รากหัศคุณ ๑ เปล้าน้อย ๑ รากสลอดกินลง ๑ รากชิงชี่ ๑ รากตานเสี้ยน ๑ รากตาลดำ ๑ รวมยา ๑๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดทำแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวกวาดทรางโคทรางเข้าเปลือก อันขึ้นลำคอแลต้นลิ้นแลหละขึ้นก็ดี กระทำพิษให้ลิ้นกระด้างคางแขงดูดนมมิได้ ถ้าจะแก้ฝีดาษละลายสุรากิน แก้คอ แก้พิษ แก้เสก็ด แก้คลั่ง แลห้ามกาฬ ภายในมิให้เกิดขึ้นได้ดีนัก
ยาแก้ลิ้นหดคอแห้งเจรจาไม่ได้ยิน ขนานนี้ท่านให้เอาเนรภูสีทั้ง ๒ จุกโรหินี ๑ ชะเอมเทศ ๑ หว้านน้ำ ๑ เทียนดำ ๑ พริกล่อน ๑ ขิงแห้ง ๑ ดีงูเหลือม ๑ ขันทศกร ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุราทาปากหายดีนัก
ยาชื่อสมมิทกุมารใหญ่ ขนานนี้ท่านให้เอา ชะมดสด ๑ ชะมดเชียง ๑ พิมเสน ๑ โกฐเชียง ๑ โกฐหัวบัว ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ เทียนแดง ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนสัตตบุษย์ ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ จันทนฺแดง ๑ จันทนฺขาว ๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ แฝกหอม ๑ ลำพัน ๑ พุงเหม้น ๑ ตรีกฏุก ๑ เจตมูลเพลิง ๑ แห้วหมู ๑ เปราะหอม ๑ อบเชยเทศ ๑ จุกโรหินี ๑ เนรภูสีเทศ ๑ ใบสะเดา ๑ ใบพิมเสน ๑ ดอกคำไทย ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกจำปา ๑ ดอกมะลิ ๑ เกสรบัวเผื่อน ๑ เกสรบัวขม ๑ เกสรลินจง ๑ เกสรจงกลนี ๑ เกสรสัตตบุษย์ ๑ ชะลูด ๑ ดีงูเหลือม ๑ ฝิ่น ๑ รวมยา ๔๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดเอาน้ำดอกไม้เป็นกระสายปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้กินแก้ไข้ทั้ง ๓ ฤดู แก้สรรพตานทรางตานขโมย หายดีนักได้เชื่อแล้ว
ยาชื่อกล่อมนางนอน ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐเชียง ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เทียนขาว ๑ เทียนเข้าเปลือก ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนสัตตบุษย์ ๑ เทียนตาตั๊กแตน ๑ เกสรบัวเผื่อน ๑ เกสรบัวขม ๑ เกสรลินจง ๑ เกสรจงกลนี ๑ เกสรสัตตบุษย์ ๑ รากไคร้เครือ ๑ สังกรณี ๑ ขอนดอก ๑ ชะเอม ๑ น้ำประสานทอง ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๒๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำให้เป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสายบดเลอียดแล้วจึงเอาปิดก้น ขันสำฤทธิ์ ลนควันเทียนให้ทั่วกันแล้วปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้กินแก้ระส่ำระสาย ถ้าจะแก้เชื่อมละลายน้ำกฤษณากิน ถ้าจะแก้มูกเลือดละลายน้ำหมากดิบ กิน ถ้าจะแก้เสมหะละลายน้ำมะแว้งเครือกิน ถ้าจะแก้ตัวร้อน น้ำดอกไม้ทั้งกินทั้งชะโลมหายดีนัก
( จบลักษณะทรางเข้าเปลือก เป็นทรางจรมาแซกทรางโคเจ้าเรือนแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยหละอันชื่อว่านิลกาฬ นั้นต่อไป หละจำพวกนี้เกิดเพื่อทรางโค ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ลักษณะหละนิลกาฬนั้น เมื่อจะบังเกิดขึ้นให้ตายไปครึ่งตัวร้องไห้มิออก ถ้าขึ้นอยู่ได้ ๑ วัน ๒ วันก็ดีกลายเป็นมหานิลกาฬกล้าขึ้นร้ายนัก ให้เขียวไปทั้งตัว
ยาแก้หละนิลกาฬ ให้เอาเปลือกปีบ ๑ เมล็ดสารพัดพิษ ๑ รากหนาด ๑ เปลือกมะกรูด ๑ ใบคนทีสอ ๑ รากผักโหมหิน ๑ การะบูร ๑ เปลือกทับทิม ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำนมโค ทาปากหายดีนัก
ถ้า มิฟังท่านให้เอาใบถั่วแระ ๑ เถาตำลึงตัวผู้ ๑ รากกล้วยตีบ ๑ กานพลู ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเปรียงพระโคทาปากได้เชื่อแล้ว หายดีนัก
ถ้า มิฟังท่านให้เอาเมล็ดโหระพา ๑ เมล็ดแมงลัก ๑ เมล็ดกระเพรา ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ ดอกผักคราด ๑ น้ำประสานทอง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวทาปากทาลิ้นกุมาร ถ้าจะแก้ทรางไฟทรางขโมยแลทางขาวละลายสุราดีงูรำหัดกวาดหายดีนัก
( จบลักษณะหละนิลกาฬ เกิดเพื่อทรางโคแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยละอองพระบาท อันชื่อว่า (ละออง) มหาเมฆ เกิดเพื่อทรางโคต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะละอองมหาเมฆนั้น เมื่อจะบังเกิดตั้งขึ้นดังดอกตะแบกช้ำ กระทำพิษกล้า มากนัก จับให้หน้าเขียว ชักเท้ากำมือกำ แลให้ตาช้อนดูสูงแลให้อุจจาระให้ปัสสาวะมิตก เป็นดังนี้
ยาแก้ละอองมหาเมฆ ให้เอารากหนาด ๑ รากแตงเถื่อน ๑ หวายตะค้า ๑ หวายตะมอย ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑ รากไคร้เครือ ๑ จันทนฺทั้ง ๒ เนระภูสี ๑ ชะเอม ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ทั้งกินทั้งทา หายดีนัก
อนึ่งลักษณะทราง, ละออง, หละ, ก็ ดี ถ้าขึ้นลิ้นดังกล่าวมานี้แต่หลังนั้น ถ้ามิถอย ด้วยยาสิ่งใดๆแล้ว กวาดด้วยยาสิ่งใดๆมิตก แล้วกลับด้านลง ดังเก่าดังก้นหม้อ ถ้าจะแก้เอาไคลเสมาไชย ๑ ไคลพระเจดีย์ ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เทียนขาว ๑ เทียนเข้าเปลือก ๑ ผลจันทนฺ ๑ โกฐจุลาลำภา ๑ นอแรดเผา ๑ งาช้างเผา ๑ เขากวางเผา ๑ เขากุย ๑ เขาแพะ ๑ ผิวมะกรูดขั้ว ๑ ฝักส้มป่อยขั้ว ๑ รากดินขั้ว ๑ เกลือกะตัง ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง ชาดก้อน ๑ น้ำประสานทอง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท รวมยา ๑๙ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุราทาลิ้นดำ, ลิ้นแดง, ลิ้นเขียว, ก็ดี ลิ้นห่ออยู่ก็ดีแลเป็นกะตัง อยู่ก็ดี เป็นเม็ดติดต้นลิ้นอยู่ก็ดี หายเป็นมหาวิเศษนัก
( จบลักษณะละอองมหาเมฆเกิดเพื่อทรางโคแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะกล่าวลักษณะลมอันชื่อว่าหัศคินี เกิดประจำทรางโคนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะลมหัศคินีนั้น เมื่อจะบังเกิดจับให้ชักเท้ากำมือกำให้หลังแข็ง แลให้เหงื่อตกให้ท้องขึ้น ถ้าเป็นแต่เวลาเช้าให้ระวังถึงเที่ยงจึงตาย ถ้าเป็นเที่ยงจนค่ำแล้วไม่ตาย ท่านห้ามอย่าให้อาบน้ำเช้าเย็น อย่าให้กินยาเข้าสุรา แลลมจำพวกนี้เกิดเพื่อทรางโค แต่ตั้งมูลปฏิสนธิได้ ๓ เดือน จึงสำแดงโทษให้แก่กุมาร ซึ่งพระอาจารย์เจ้ากล่าวไว้ มีในพระคัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๑ ว่าด้วยลักษณะครรภรักษาโน้น แลลมจำพวกนี้ชอบแต่ยาเย็นเป็นยาสุขุมดุจกล่าวมาดังนี้
ยาแก้ลมหัศคินี ให้เอาเมล็ดในแตงโม ๑ ตาอ้อยแดง ๑ รากหญ้านาง ๑ รากหญ้าปากควาย ๑ ใบกะเม็ง ๑ ใบผักเป็ด ๑ หว้านน้ำ ๑ ตรีกะฏุก ๑ กระเทียม ๑ ใบผักเสี้ยนผี ๑ หญ้าลูกเคล้า ๑ รวมยา ๑๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายกิน ถ้าจะชะโลมละลายน้ำซาวเข้าชะโลม แก้ลมหัศคินีหายดีนัก
ยาแก้ลมหัศคินี ขนานนี้ท่านให้เอา ผลผักชี ๑ หว้านน้ำ ๑ ดอกผักคราด ๑ ใบน้ำเต้า ๑ หญ้าใต้ใบ ๑ หญ้าปากควาย ๑ ตาอ้อยแดง ๑ ถั่วเขียว ๑ ตรีกะฏุก ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๑๒ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำซาวเข้าเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำร้อนกิน ละลายน้ำซาวเข้าทากระหม่อมแก้ลมหัศคินี ลมพุทธยักษ์ ลมกุมภัณฑยักษ์ก็ได้ดีนัก
ยาชื่อมหาจักร (ใหญ่) ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐพุงปลา ๑ โกฐก้านพร้าว ๑ โกฐกระดูก ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เทียนขาว ๑ เทียนเข้าเปลือก ๑ เทียนเยาวภานี ๑ ตรีผลา ๑ หญ้าฝรั่น ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ การพลู ๑ ชะเอม ๑ เมล็ดโหระพา ๑ ผลผักชี ๑ สานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ กระเทียม ๑ น้ำประสานทอง ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง ยาดำ ๒ บาท ใบกระพังโหม ๑๕ บาท รวมยา ๒๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำสุราก็ได้ กินแก้ลมทรางทั้ง ๗ วันหายดีนัก ได้เชื่อแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
พระ อาจาริย์เจ้า ท่านกล่าวมาในลักษณะกุมาร เกิดวันพฤหัศบดีกำเนิดทรางโคกระทำโทษ กำเนิดทรางเข้าเปลือกเป็นทรางจรมาแซกทรางโค กำเนิดหละชื่อนิลกาฬ กำเนิดละอองพระบาทชื่อมหาเมฆ กระทำโทษประจำทรางโค จบบริบูรณ์เพียงนี้


พระ คัมภีร์ประฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๖ ว่าด้วยกุมารเกิดวันศุกร์ เป็นลักษณะแห่งทรางช้างเจ้าเรือน หละชื่อแสงพระจันทร์ ลมชื่อลมอริต โดยสังเขป
สิทธิการิยะ พระอาจารย์เจ้าจะกล่าวลักษณะกุมารกุมารีเกิดวันศุกร์นั้นต่อไป กำเนิดทรางช้างเป็นเจ้าเรือนแห่งกุมารกุมารีผู้นั้น ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยลักษณะ สังเขปดังนี้
ยาแก้ทรางช้าง ให้เอาใบทรงบาดาล หญ้าไซร รวม ๒ สิ่งนี้ตำเอาน้ำ สิ่งละจอก แล้วคุลีการ กันเข้าเอาดีงูแทรกลงกินบ้างทาบ้างหาย
ยาแก้ลงทรางช้าง ขนานนี้ท่านให้เอา แก่นสน ๑ ผลประคำดีควาย ๑ แก่นประดู่ ๑ รากส้มป่อย ๑ รากทรงบาดาน ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้ทรางช้างลงท้องหายดีนักได้เชื่อแล้ว
ยาต้มแก้ทรางช้าง ขนานนี้ท่านให้เอา ยอดชุมเห็ด ๑ ยอดทับทิม ๑ ยอดพุดทรา ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ กินหายดีนัก
ยากวาดแก้ทรางช้าง ขนานนี้ท่านให้เอา เปลือกน้ำเต้าขม ๑ หอยขมเผา ๑ ใบคนทีสอ ๑ หัวตะไคร้ ๑ ขมิ้นหัว ๑ ควักเอาเนื้อในออกให้บ้าง แล้วจึงเอาน้ำประสานทอง ๑ บาท ยัดเข้าในขมิ้นอ้อยนั้นสุมไฟแกลบให้ระอุดี แล้วจึงเอามาบดด้วยกันกับยาทั้งนั้นแทรกพิมเสน บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเปลือกหมากสง กวาด ถ้ามิฟังละลายน้ำมะนาวกวาด ทาปากก็ได้หายดีนัก
ยากวาดชื่อแมลงป่อง กวาดทรางหล่น ทันใจขนานนี้ท่านให้เอารากถั่วภู ๑ ใบถั่วแระ ๑ ผักบุ้งเทศ ๑ ผลประคำดีควาย ๑ ใบหัศคุณ ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ รวมยา ๗ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ สลึง ดีงูตะบองพะลำ ๑ เฟื้อง ทำเป็นจุณเอาละลายน้ำสุราเป็นกระสายบดปั้นแท่ง แก้ทรางช้าง กินกวาดหรือทาปากก็ได้ ถ้ามิฟังแซกว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง ดีงูเหลือมรำหัดลง ถ้าจะให้ลงเร็ว แซกจันทนฺแดง แซกเนระภูสี กวาดหล่นเร็วดีนัก
ยากวาดแก้ทรางช้าง ขนานนี้ท่านให้เอา นอแรดเผา ๑ เขากวางเผา ๑ หนังกระเบนเผา ๑ ผมคนเผา ๑ หวายตะค้าขั้ว ๑ รากมะแว้งทั้ง ๒ ขั้ว ตรีกระฏุก ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากวาดหายดีนัก
ยาชื่อหิงคุวัจจา ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีกระฏุก ๑ มหาหิงคุ์ ๑ เนระภูสี ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐสอ ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ จันทั้งสอง ผลเบ็ญกานี ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง กระเทียม ๑ ใบสวาด ๑ ใบเทียน ๑ ใบผักคราด ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบกระพังโหม ๑ ใบสมี ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ หอม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท ฝิ่น ๑ ดีจรเข้ ๑ ดีตะพาบน้ำ ๑ ดีงูเหลือม ๑ เอาสิ่งละ ๒ ไพ รวมยา ๓๑ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินเป็นยาประจำท้อง มิให้ทรางกระทำพิศมฺได้ แลแก้ตาลแก้ทรางกินชายตับให้ลงเป็นโลหิตสดๆ ออกมาด้วยก็ดี แลทรางขึ้นในทวารหนักทวารเบาก็ดี แลขึ้นในปากในคอในลิ้นก็ดี ให้กระหายน้ำนักแลให้เชื่อมมึนไปก็ดี กินยานี้หายวิเศษนัก
ยาชื่ออินทจักร ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ เทียนขาว ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนสัตตบุษย์ ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑ การะบูร ๑ พริกไทย ๑ กระเทียม ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง ดีปลี ๑ บาท รวมยา ๑๕ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้แก้หลังแข็ง ตาแข็งคางแข็งที่ใด ให้เอายานี้ละลายน้ำมะกรูด เอาฝิ่นรำหัดทาที่นั้นเถิด ถ้าเชื่อมมึนเป็นเพื่อลมก็ดี แลเป็นบิดตกมูกเลือด ก็ดี ละลายสุรากินแก้ได้ทุกสิ่งดีนักอย่าสนเท่ห์เลย
ยาชื่ออินทรบรรจบคู่กัน ขนานนี้ท่านให้เอา ชมด ๑ พิมเสน ๑ จันทนฺทั้งสอง ๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ ผลมะขามป้อม ๑ ยาดำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ กระเทียม ๑ ดีงูเหลือม ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ เทียนแดง ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนสัตตบุษย์ ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กานพลู ๑ กระวาน ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง รวมยา ๒๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ แล้วจึงเอาดีงูเห่า ๑ ดีจรเข้ ๑ ดีตะพาบน้ำ ๑ ดีปลาช่อน ๑ ดีปลาไหล ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง แช่เอาน้ำเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้กินแก้อับจน ถ้ามิฟังละลายสุรากินแก้สรรพตาลทราง ทั้งปวง แลแก้ชักเท้ากำมือกำหายดีนัก
ยาชื่อนันทไกรวาต ขนานนี้ท่านให้เอา กระดูกงูเหลือม ๑ กระดูกงูทับทาง ๑ งาช้าง ๑ กรามแรด ๑ คางปลาช่อนข้างล่าง ๑ โกฐสอ ๑ โกฐกระดูก ๑ เทียนดำ ๑ ผลโหระพา ๑ ผลผักชี ๑ น้ำประสานทอง ๑ ใบพิมเสน ๑ ใบสันพร้าหอม ๑ ใบผักหวานบ้าน ๑ รากทองหลางหนาม ๑ รากสลอดน้ำ ๑ รากฟักเข้า ๑ รากตำลึง ๑ รากถั่วภู ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ หวายตะค้า ๑ ผลสาระพัดพิศมฺ ๑ ไคร้เครือ ๑ เกสรสารภี ๑ เกสรพิกุล ๑ เกสรบุนนาค ๑ รวมยา ๒๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคกระทำให้เป็นจุณ ใช้น้ำดอกไม้เป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ แก้ชักทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ แก้เชื่อมแซกดีงู เอาพิมเสนรำหัด แก้กระหายน้ำหอบพักแลแก้ลิ้นกระด้างคางแข็ง ละลายน้ำดอกไม้น้ำซาวเข้าก็ได้ ทั้งกินทั้งชะโลมหายดีนักได้เชื่อแล้ว
( จบลักษณะทรางช้างแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะหละอันชื่อว่าแสงพระจันทร์นั้นต่อไปหละจำพวกนี้บังเกิดเพื่อทรางช้าง (แลทรางน้ำ) ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะหละแสงพระจันทร์นั้น เมื่อจะบังเกิดขึ้นเม็ดเติบ เท่าเม็ดเข้าโภชนฺ มีสีเหลือง ขึ้นตั้งแต่ต้นขากันไกรซ้ายฤาขวาก็ดุจกัน แล้วจึงกระทำให้ลงท้องตาแข็ง แล้วให้ลิ้นกระด้างคางแข็ง แลให้ร้องไห้น้ำตาไม่มี ให้หน้าผากตึงแล้วให้ตัวเย็นดังนี้
ยาจุดแก้หละแสงพระจันทร์ ให้เอาเทียนดำ ๑ สานส้ม ๑ กัมถันแดง ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ น้ำประสานทอง ๑ ผิวมะกรูด ๑ พริกไทยขั้ว ๑ เกลือขั้ว ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำผลมะแว้งเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวจุดหละแสงพระจันทร์อันบังเกิดเพื่อทรางช้างนั้น หาย
ยากินแก้หละแสงพระจันทร์ ท่านให้เอา ปู่เจ้าพุงแก ๑ ปู่เจ้าสมุงกุย ๑ ฉัตร์พระอินทร์ ๑ นมแมวน้อย ๑ สีหวดใหญ่ ๑ สีหวดน้อย ๑ ตับเต่าน้อย ๑ ตับเต่าใหญ่ ๑ รากระย่อม ๑ รากไคร้เครือ ๑ พิศนาด ๑ เนระภูสี ๑ จันทนฺแดง ๑ จันทนฺขาว ๑ งวนหมู ๑ รากหญ้านาง ๑ รากประคำดีควาย ๑ โคนไม้ไผ่ป่า ๑ ผักแพวแดง ๑ รวมยา ๑๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ทั้งกินทั้งชะโลมหาย
ยากวาดหละแสงพระจันทร์นั้น ท่านให้เอายาที่กวาดแก้นิลเพลิง ซึ่งเกิดเพื่อทรางสกอมีอยู่ในประฐมจินดาปริเฉท ๔ นั้น มาใช้กวาดเถิดได้ดุจกัน ดีนักอย่าสนเท่ห์เลย
( จบลักษณะหละแสงพระจันทร์แต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยลักษณะลมอันชื่อว่าลมอริต เกิดเพื่อทรางช้างนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ลักษณะโดยสังเขปดังนี้
อัน ว่าลักษณะลมอริตนั้น เมื่อจะเกิดให้คอเขียวให้ชักเท้ากำมือกำ บางทีให้ชักแต่จำระซ้าย บางทีให้ชักแต่จำระขวา บางทีให้ชักแต่ข้างซ้าย แต่ข้างขวาให้กระด้างคางแข็ง ร้องให้ไม่ออกน้ำลายฟูมปากออกมา แลให้ลูกตากลับกลอกไป ให้ยักคิ้วหลิ่วตา แลเป็นเสมหะปะทะคอดังกรอกๆ ถ้าแลกุมารผู้ใดเป็นดังกล่าวมานี้ได้ชื่อว่าลมอริตกระทำโทษ เมื่อตายแล้วให้ตัวเหลืองดังรดด้วยน้ำขมิ้นสด เพราะลมจำพวกนี้บังเกิดเพื่อละอองพระบาท กาลสิงคลีดุจกล่าวมานี้
ยาแก้ลมอริต ให้ เอา คุคะ ๑ รากหญ้านาง ๑ เชือกเขามวก ๑ เปลือกน้ำเต้าแตก ๑ สาแหรกขาด ๑ คานหัวด้วน ๑ ตรีกระฏุก ๑ การะบูร ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ว่านน้ำ ๑ ผิวมะกรูด ๑ กระเทียม ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งละลายน้ำร้อนกิน แก้ลมอริต ลมสุนทรวาต ลมวาตะภัค แลลมอักขมูขี ลมสะแกเวียน ลมบ้าหมู ลมทั้งนี้หายดีนักได้เชื่อแล้ว
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา น้ำอ้อยแดงทะนาน ๑ มูตร์โคดำทนาน ๑ น้ำรากสอึกทะนาน ๑ น้ำใบอัญชันทั้งสองอย่างละหนึ่งทะนาน น้ำใบกระเช้าแดงทะนาน ๑ น้ำใบกระเช้าขาวทะนาน ๑ น้ำใบผักโหมหินทะนาน ๑ น้ำใบผักโหมหัดทะนาน ๑ น้ำมะนาว ๒ ทะนาน กระวาน ๑ กานพลู ๑ สมูลแว้ง ๑ เทียนเยาวภานี ๑ ผักแพวแดง ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง โกฐสอ ๒ สลึง ดีปลี ๑ ขิงแห้ง ๑ ว่านน้ำ ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท มหาหิงคุ์ ๑ ไพล ๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท ยาทั้งนี้ทำเป็นจุณแล้ว จึงคุลีการ เข้าด้วยกันใส่กะทะตั้งไฟกวนให้เข้ากัน แต่พอปั้นได้เป็นลูกกลอนกินแก้ลมอริตแลลมทั้งปวงหายดีนัก
ยาชื่อประสระลม ขนาน นี้ท่านให้เอา ใบพิมเสน ๑ การะบูร ๑ ผิวมะกรูด ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง กระเทียมกรอบ ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ ใบหนาด ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท รวมยา ๗ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำมะนาวเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะกรูดน้ำมะนาวน้ำส้มซ่าก็ได้ กินแก้ลมจุกเสียดขบแทงแลลมอริตลมทรางทั้งปวงหาย
ยาแก้ชักลมอริต ขนานนี้ท่านให้เอา การะบูร ๑ บาท ว่านน้ำ ๑ บาท ยาดำ ๒ บาท หิงคุ์ยางโพ ๑ บาท ผลจันทนฺ ๒ บาท เปราะหอม ๒ บาท หัวหอม ๒ บาท พิมเสน ๙ สลึง ยา ๘ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ให้กุมารกินตามกำลัง อายุเดือน ๑ กิน ๑ เม็ด อายุเดือน ๒ กิน ๒ เม็ด ทวีขึ้นไปตามอายุกุมารทั้งกินทั้งชะโลม แก้ชักลมอริตแลลมทรางทั้งปวงหายดีนัก ได้เชื่อมาแล้วอย่าสนเท่ห์เลย


พระ คัมภีร์ปฐมจินดาผูก ๓ บริเฉท ๗ ว่าด้วยกุมารเกิดวันเสาร์เป็นลักษณะทรางโจรเจ้าเรือน ทรางนางริ้นเป็นทรางจร หละชื่อมหานิลกาล ละอองชื่อเปลวไฟฟ้าทับทิม ลมชื่อลมกุมภัณฑ์ ลมบาทยักษ์ลมจำปราบ โดยสังเขป
( ลักษณะกำเนิดทรางวันเสาร์นั้นมีแจ้งอยู่ในน่า ๑๗๓ แห่งเล่มนี้แล้ว บัดนี้ได้คัดแต่ตำรายา สำหรับทรางวันเสาร์มาลงต่อไป )
ยาแก้มูกเลือดทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา รากทับทิม ๑ รากมะพร้าว ๑ รากตานดำ ๑ รากตานหม่อน ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้ เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ กินหายดีนัก
ยาชื่อชมภูทวีป ขนานนี้ท่านให้เอา ใบเพกา ๑ ใบพุดทรา ๑ ใบผักปลาบ ๑ ใบผักเป็ด ๑ ใบกระเม็ง ๑ ใบชุมเห็ดไทย ๑ ใบทองหลางใบมน ๑ ใบหว้า ๑ ใบลำโพง ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบมะเดื่อ ๑ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้ตำเอาน้ำสิ่งละจอก น้ำมันงาจอก ๑ หุงให้คงแต่น้ำมันทั้งกินทั้งทา แก้ตานแก้ทรางโจรตกมูกเลือดหาย ถ้าจะทำแท่งให้เอาเสมอภาคบดด้วยสุรากินแก้ดุจกัน
ยาแก้ทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา ผักขวง ๑ ใบมะระ ๑ ใบการ่อน ๑ ใบทุมมะราชา ๑ ใบทุมเทง ๑ ใบมะขวิด ๑ ใบโคกกระออม ๑ ใบชะบา ๑ ข่าตาแดง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษตานทรางโจรหายทุกประการดีนัก
ยาชื่อแสงพระจันทร์ ขนานนี้ท่านให้เอา กรุงเขมา ๑ โกฐสอ ๑ เบ็ญกานี ๑ เนระภุสีทั้ง ๒ จันทนฺทั้ง ๒ รากไคร้เครือ ๑ เปลือกมะขามขบ ๑ ครั่ง ๑ ผลตะบูน ๑ เปลือกมะเกลือ ๑ ใบสะเดา ๑ ตรีกระฏุก ๑ บรเพ็ด ๑ เมล็ดในสะแก ๑ เปลือกหางกราย ๑ เปลือกฝิ่นทั้ง ๒ ผลทับทิมอ่อน ๑ กระเทียมกรอบ ๑ รวมยา ๒๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาดีงูเหลือมแช่น้ำเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ตานแลทรางโจร ให้เป็นบิดปวดมวนแลตกเสมหะเป็นบุพโพ โลหิตเน่าแลให้ตัดอาหาร นั้นก็ดี แลให้เชื่อมมึนหอบพักกระหายน้ำตัวร้อนก็ดี ยาขนานนี้อาจสามารถจะแก้ได้ทุกประการดีนัก
ยาแก้บิดเพื่อพิษทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา ผลเบ็ญกานี ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เทียนทั้ง ๕ เนระภูสี ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ จันทนฺทั้ง ๒ กระถินแดง ๑ รากไคร้เครือ ๑ ผลตะบูน ๑ รวมยา ๑๗ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ ส่วน เปลือกสันพร้านางแอ ๓ ส่วน ผลตะลุมพุก ๔ ส่วน ผลตุมกาทั้ง ๒ สิ่งละ ๕ ส่วน แล้วทำให้เป็นจุณเอาสุราเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำปูนใสกิน แก้ลงเป็นบุพโพโลหิตหาย แลแก้ให้ระส่ำระสาย แก้ไข้ตรีโทษ แก้อติสาร ทั้งปวงหาย
ยาชื่อทิพย์ศุภสุวรรณ ขนานนี้ท่านให้เอา กำมะถันทั้ง ๒ การบูร ๑ จันทนฺทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ โกฐกระดูก ๑ โกฐเขมา ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ สีเสียดทั้ง ๒ ผลเบ็ญกานี ๑ ครั่ง ๑ เปลือกมะขามขบ ๑ ใบสะเดา ๑ ผลปราย ๑ ชะเอมเทศ ๑ กันชา ๑ ฝิ่น ๑ ดีงูเหลือม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ตรีกระฏุก เอาสิ่งละ ๑ สลึง กระเทียมกรอบ ๒ สลึง กานพลู ๑ บาท เปลือกหางกราย ๒ บาท รวมยา ๒๙ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาเปลือกแคแดง ๑ เปลือกเพกา ๑ เปลือกฝาง ๑ ต้มด้วยเหล้าเอาน้ำเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ ถ้าจะแก้ลงละลายน้ำเปลือกมะเดื่อต้มกิน ถ้าจะแก้บิดละลายน้ำกระทือก็ได้น้ำปูนใสก็ได้ แก้ตานทรางแลทรางโจร ถ้าผู้ใหญ่เป็นริดสีดวงให้ลงเป็นเสมหะโลหิตเน่าก็ดี ให้กินยานี้หาย
ยาหลามแก้ตานโจร ขนานนี้ท่านให้เอา กระเทียม ๗ กลีบ ขมิ้นอ้อย ๗ ชิ้น พริกไทย ๗ เมล็ด ขิง ๗ ชิ้น ใบเทียนกำมือ ๑ เปลือกฝิ่นทั้ง ๒ สิ่งละกำมือ ๑ ใบกระพังโหม ๓ กำมือ รวมยา ๙ สิ่งนี้ตำให้แต่พอช้ำๆ ใส่เหล้าครึ่งน้ำครึ่งหลาม ด้วยไม้ไผ่สีสุกให้สุกแล้ว จึงเอามาบดปั้นแท่งไว้แซกดีงูเหลือมให้กิน แก้ตานโจรกินลำไส้ให้ลงทอ้งตกมูกเลือดแลอุจจาระเขียวดุจใบไม้ก็ดี เป็นเสมหะโลหิตเน่าก็ดีหายสิ้นดีนักอย่าสนเท่ห์เลย
ยาแก้มูกเลือดทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา ใบกระเพรา ๑ ใบพลูแก ๑ ฝิ่น ๑ รวมยา ๓ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายน้ำสุรากิน แก้ตกมูกเลือดให้ขบในท้อง หาย
ยา แก้มูกเลือดทรางโจร ขนานนี้ท่านให้เอา เปลือกขี้อ้าย ๑ เปลือกมะทราง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ เนรภูสี ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ขิง ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณเอาน้ำมะรุมเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากิน ถ้าลงหนัก ให้ละลายน้ำเปลือกแคแดง, มะเดื่อ, มะกอก, ก็ดี กินหายดีนัก
ยาชื่อสิทธิสารแก้ลง ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีกระฏุก ผักแพวแดง ๑ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ สีเสียดทั้ง ๒ ใบกระเพรา ๑ บรเพ็ด ๑ เขาควายเผือกเผา ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคเอาเขาควายเผือกเท่ายา ทั้งหลายทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากินแก้ตานทรางโจรหาย
ยาชื่อหิงคุ์สุรา ขนานนี้ท่านให้เอา ดอกบุนนาค ๑ เกสรบัวหลวง ๑ ดอกมะลิ ๑ เปลือกหางกราย ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ ผลเอ็น ๑ กานพลู ๑ หมากเข้าเหนียว ๑ สีเสียดทั้ง ๒ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง กระเทียมกรอบ ๑ บาท เขาควายเผือกเผา ๑ ใบกระเพรา ๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท รวม ๑๕ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้บิดตกมูกเลือดให้ปวดมวนแลแก้โลหิตตกทางทวาร ทั้ง ๙ แลแก้ลักกะปิดหายดีนัก
ยาแก้ตานโจร ขนานนี้ท่านให้เอา ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ ดีปลี ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ หอมแดง ๑ กระเทียม ๑ ดินถนำ ๑ เอาสิ่งละส่วน มาศเหลือง กึ่งส่วน รวมยา ๙ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาสารพัดดีเป็นกระสายแช่น้ำบดแล้วเอายาติดก้นขันสำฤทธิ์ลนควันเทียน ให้ร้อนทั่วกันแล้วจึงปั้นแท่งไว้ แก้ตานโจรกินทวารหนักเบาให้เป็นดากออกมาก็ดี เป็นบิดตกมูกเลือดให้ปวดมวนนัก ละลายสุราแซกน้ำตาลกรวดกิน ถ้าจะแก้เชื่อมมึนให้ละลายน้ำดอกไม้น้ำจันทนฺก็ได้ แซกพิมเสนลงกิน ถ้าจะแก้ทรางขึ้นคอละลายน้ำมะนาวกับเกลือกวาด ถ้าจะแก้ท้องขึ้นให้ละลายน้ำมะกรูดแซกดีงูลงกิน ถ้าจะแก้งูขบละลายสุราทั้งกินทั้งทา ถ้าจะแก้ริดสีดวงแลแก้ทรางขึ้นทวารทั้ง ๙ เป็นดากออกมาก็ดี ให้ละลายน้ำหมากดิบแซกฝิ่นลงกิน ถ้าจะแก้ลงถึงอติสารให้ละลายน้ำเปลือกแคแดง ๑ สน ๑ ใบเทียน ๑ ใบทับทิม ๑ ต้ม ๓ เอา ๑ ให้กิน ๙ เม็ด กินบ้างทาทวารหนักบ้างหายดีนัก
ยาชื่อนวทวารยาชักให้หด เอาผลจันทนฺ ๑ ผลเบ็ญกานี ๑ รากมะฝ่อ ๑ รวมยา ๓ สิ่งเอาเสมอภาค เปลือกสันพร้านางแอเท่ายาทั้งหลาย ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ละลายสุรา น้ำท่าน้ำปูนใสครึ่งหนึ่ง กินให้ได้ ๗ วันๆละ ๒ เวลาเช้าเย็นหายดีนัก
แล้วจึงแต่งยาชำระดาก เมื่อถ่ายอุจจาระขนานนี้ ท่านให้เอาเบ็ญจลำโพง เบ็ญมาศลา ๑ มาศเหลือง ๑ เปลือกสะเดา ๑ เปลือกเพกา ๑ เกลือ ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาคต้ม ๓ เอา ๑ แล้วเอาไว้ให้เย็น เอาน้ำชำระดากให้หดเข้าไปทั้งแก้เปื่อยเน่าด้วยแลกันอันตรายทั้งปวงหายวิเศษ นัก
อนึ่ง ถ้ากุมารเป็นตานโจรก็ดี เป็นเพื่อทรางสิ่งใดๆ ก็ดี แลถ่ายอุจจาระให้เป็นดากออกมาก็ดี ท่านให้หุงน้ำมันนี้กิน เอาน้ำใบคนทีสอทนาน ๑ น้ำใบสะเดาทนาน ๑ น้ำใบตำลึงตัวผู้ทนาน ๑ น้ำใบไคร้น้ำทนาน ๑ น้ำใบไคร้บกทนาน ๑ น้ำใบตานหม่อนทนาน ๑ น้ำใบตานขโมยทนาน ๑ น้ำเปลือกพุดทราทนาน ๑ น้ำเปลือกเพกา ๑ น้ำรากมะเดื่อดินทนาน ๑ น้ำผลมะเขือขื่นทนาน ๑ น้ำรากถั่วภูทนาน ๑ น้ำขมิ้นอ้อยทนาน ๑ น้ำมันมะพร้าวไฟทนาน ๑ หุงให้คงแต่น้ำมัน แล้วจึงเอารากเจตมูล ๑ ดีงูเหลือม ๑ ยาฝิ่น ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง ทำเป็นจุณปรุงลงในน้ำมันให้กิน แลขี้น้ำมันนั้นเอาทาดาก ถ้าขึ้นทวารทั้ง ๙ ทาไปเถิดหายดีนัก
อนึ่ง ถ้าแลทรางจำพวกใดก็ดีแลทรางโจรก็ดี แลกลายไปให้ลงท้องเป็นมูกเป็นเลือดสดๆ ออกมาก็ดี แลเน่าออกมาก็ดีให้ปวดมวนให้เบ่งนักดากนั้นจึงออก เพราะทรางกินในลำดากจึงให้ปวดมวนเป็นกำลัง ถ้าแพทย์วางยาหน่วง ไว้ยิ่งปวดมากขึ้น จึงให้เบ่งมากขึ้น เมื่อว่าเบ่งมากขึ้นทีใด อันว่าลำดากนั้นก็ยาวออกมาทุกที ถ้าจะแก้ท่านให้แต่งยาชำระใน ทั้งชักดาก ให้หดขึ้นมาด้วย ท่านให้เอาผลราชดัด ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง รากสะแก ๑ รากมะเกลือ ๑ รากกระพังโหม ๑ ยาดำ ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท หญ้างวงช้างทั้งต้นทั้งราก ๑ ผลขี้กาแดง ๓ ผล ผ่าออก ๔ เอาแต่ ๓ ทั้ง ๓ ผล ผลมะกรูดผ่า ๔ เอาแต่ ๓ ทั้ง ๓ ผล บรเพ็ดเอารอบศีร์ษะคนไข้ ขมิ้นอ้อยยาว ๑ คืบคนไข้ รวมยา ๑๑ สิ่งนี้ต้มด้วยเหล้าครึ่งน้ำครึ่ง ให้กินทุเลากินปิด ดีนัก
ยาชักดากให้หด ขนานนี้ท่านให้เอา น้ำนมราชสีห์เครือเต็มกำมือกลั้นใจตัดหัวแลท้าย ๑ ขอบชะนางแดงเต็มกำมือกลั้นใจตัดหัวแลท้าย ๑ ขมิ้นอ้อยหัวใหญ่หั่นเป็นน่าแว่น ให้ได้ทวดึงษาการ ๓๒ ลงแว่นละตัวทั้ง ๓๒ แว่น ต้มด้วยน้ำปูนใสกินหายดีนัก
( จบลักษณะทรางโจรเจ้าเรือนแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะกล่าวด้วยทรางนางริ้น เป็นทรางจรสำหรับแห่งทรางโจรนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้จักลักษณะโดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะทรางนางริ้นนั้นมีแม่ ๔ ยอด มีบริวาร ๕๖ ยอด ตั้งแต่กุมารออกจากเรือนเพลิง บางทีขึ้นแซกทรางโจรบางทีต่อสิ้น ทรางโจรแล้วจึงตั้งขึ้น อยู่สะดือ ๑ ยอด บริวารมาขึ้นด้วย ๘ ยอด ขึ้นอยู่ทรวงอก ๑ ยอด บริวารมาขึ้นด้วย ๑๒ ยอด ขึ้นอยู่ลิ้น ๑ ยอด บริวารมาขึ้นด้วย ๑๖ ยอด รายกันลงมาตามลำคอถึงทรวงอก ขึ้นอยู่ทรวงอกนั้น ๑ ยอด บริวารมาขึ้นด้วย ๒๐ ยอด รายกันไปขึ้นตามหัวเหน่าแลไส้อ่อนไส้แก่ เมื่อกุมารได้ ๓ เดือน แม่ทรางอันอยู่ในลำคอนั้นกระทำให้คอแห้งให้ลิ้นขาวดูดนมมิได้เมื่อกุมารได้ ๖ เดือน บริวารทรางซึ่งขึ้นลิ้นไก่ ๓ ยอดนั้น กระทำให้ไอเป็นกำลัง บริวารทรางทั้งนั้นก็รายกันลงไปบรรจบแม่ทรางที่อยู่ทรวงอก แล้วจึงกระทำให้กระหายน้ำ ให้คอแห้งให้เชื่อมหลับตาไป บริวารทรางซึ่งอยู่ในทรวงอกนั้น ก็รายกันมาถึงชายโครงชายตับ บรรจบกันกับแม่ทรางที่อยู่ในสดือนั้น กระทำให้ตกมูกตกเลือดสดๆออกมา บางทีให้เป็นเสมหะโลหิตเหน้าออกมาบ้าง แล้วก็ให้ตับหย่อนย้อยลงมาชายโครง ให้จับเป็นเวลา ให้ตาแดงเป็นสายโลหิต ถ้าวางยา ผิดก็ตาย ถ้าวางยาถูกเข้าค่อยงดต่อไป เมื่ออายุกุมารได้ ๑ ขวบกับ ๖ เดือน ทรางที่ในกะเพาะปัสสาวะนั้นก็กระทำให้ขัดปัสสาวะ บางทีปัสสาวะตกออกมาดังน้ำเข้า น้ำดินสีพองก็มี ดังน้ำหนองก็มี ให้เจ็บปวดดิ้นเสือกไปมาให้ปัสสาวะหยด บางทีให้ฟก ขึ้นที่ปลายองคชาต บางทีให้ฟกขึ้นที่หัวเหน่าเป็นหนอง แลหนองนั้นก็กลายเป็นปรวด เข้าคือลูกนิ่วบ้าง เกิดเพราะทรางนางริ้น จะตายใน ๓ ขวบนี้ ถ้าบังเกิดแต่มารดาออกไฟมาถึง ๑ ขวบกับ ๗ เดือน กุมารผู้นั้นจึงจะรอดจากความตายด้วยทรางนางริ้น ถ้าจับแต่สิ้นกำหนดทรางโจร ๓ ขวบไป ถ้าจะนับบรรจบกันเข้าเป็น ๔ ขวบกับ ๗ เดือน จึงจะพ้นกำหนดทรางโจรทรางจร เมื่อพ้นกำหนดทรางโจรทรางจรแล้ว คือทรางโจรจะได้ทำต่อไปจนอายุ ๗ ขวบ จึงจะรอดจากความตาย อันว่าลักษณะทรางโจร มิใช่จะมีแต่กุมารเกิดวันเสาร์เท่านั้นหามิได้ ย่อมเข้าแซกไปทุกๆทรางเมื่อปลายมือ อันว่าลักษณะทรางนางริ้นเล่าไซ้ จะจรแซกแต่ทรางโจรก็หามิได้ ย่อมแซกไปทุกๆ ทรางดุจกัน ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาทรางนางริ้นไปเมื่อน่า ท่านให้ยักย้ายรักษาเอาตามทรางเจ้าเรือนเดิมนั้นเถิด
( จบลักษณะทรางนางริ้นแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยหละอันชื่อมหานิลกาฬ ประจำทรางโจรต่อไปให้แพทย์ทั้งหลายรู้จักลักษณะโดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะหละมหานิลกาฬนั้น ตั้งขึ้นยอดดำดังยอดนิลขึ้นอยู่ ๑ วัน แปร เป็นแสงเพลิง ขึ้นอยู่ ๒ วันแปรไปเป็นสลักเพ็ดทั้งคู่ก่อนทั้ง ๒ ข้าง ถ้ามหานิลกาฬขึ้นให้ตายไปครึ่งตัวร้องไห้มิออกเลยดุจกล่าวมาดังนี้
ยาแก้หละมหานิลกาฬ ให้เอาเปลือกฝิ่น ๑ เปลือกมะกรูด ๑ ผลสารพัดพิษ ๑ รากหนาด ๑ ใบคนทีสอ ๑ รากผักโหมหิน ๑ ใบทับทิม ๑ การบูร ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำนมโคทาปาก หายดีนัก
ถ้า มิฟังท่านให้เอา ใบถั่วแระ ๑ กานพลู ๑ น้ำประสารทอง ๑ ตำลึงตัวผู้ ๑ รากกล้วยตีบ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำเปรียงพระโคทาปากหายดีนัก
ยาชื่อเทพมงคล (เครื่อง ยาแลวิธีทำมีแจ้งอยู่น่า ๒๔๖ แห่งเล่มนี้แล้ว ในทีนี้จะว่าด้วยวิธีใช้น้ำกระสาย ซึ่งยังมิได้กล่าวข้างต้นนั้นต่อไป) ยาเทพมงคลขนานนี้แก้หละทั้ง ๘ จำพวก ถ้าหละ สีแดงให้ละลายน้ำฝางกวาด ถ้าสีเหลืองให้ละลายน้ำขมิ้นเครือกวาด ถ้าสีดังควันเทียนให้ละลายน้ำหอม เอาดีงูรำหัดกวาด ถ้าสีดังดอกตะแบกช้ำให้ละลายน้ำผลเถาคันสุก เอาเกลือรำหัดกวาดหายสิ้นดีนัก
ยาชะโลมดับพิษหละ ขนานนี้ท่านให้เอา ใบระงับทั้ง ๒ ใบตำลึงตัวผู้ ๑ ใบโคกกระออม ๑ ใบจันทนฺหอม ๑ ใบชะบา ๑ ใบฟักเข้า ๑ ดินประสิวขาว ๑ ดินสีผ่อง ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคบดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้า ชะโลมสำหรับหละ ๘ จำพวกหายดีนัก
ยากินแก้พิษหละจับหัวใจ ขนานนี้ท่านให้เอา สังกระณี ๑ เนระภูสี ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กานพลู ๑ กระวาน ๑ ว่านกีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ ข่าแก่ ๑ หอมแดง ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ กระชาย ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ รากไคร้เครือ ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๒ ผลราชดัด ๑ น้ำนมราชสีห์ ๑ พรรณผักกาด ๑ ปลาไหลเผือก ๑ ใบเสนียด ๑ ใบน้ำเต้า ๑ ใบพลูแก ๑ มะกล่ำเครือ ๑ รวมยา ๒๗ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาสุราเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ ละลายสุราทั้งกินทั้งทา แก้ลิ้นกระด้างคางแข็ง แก้พิษหละจับหัวใจแลให้หอบพัก ให้ระส่ำระสายก็ดี หายสิ้นดีนักอย่าสนเท่ห์เลย
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา หมึกหอม ๑ ใบกระเพรา ๑ ใบสันพร้าหอม ๑ ใบพิมเสน ๑ ข่าแก่ ๑ ดีงู ๑ พิมเสน ๑ ชะมด ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้กินบ้างทาคางบ้างหายดีนัก
ยาแก้หอบ ขนาน นี้ท่านให้เอา มูลแมลงสาบ ๑ กฤษณา ๑ จันทนฺเทศ ๑ เปลือกสันพร้านางแอ ๑ พันงูแดง ๑ ผลผักชี ๑ นอแรด ๑ งาช้าง ๑ เขากวาง ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำมะนาวเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ ถ้าเป็นเพื่อไข้ให้ละลายน้ำดอกไม้ก็ได้ น้ำใบทับทิมต้มก็ได้ กินแก้ลิ้นกระด้างคางแข็งหอบพักหายดีนัก
( จบลักษณะหละมหานิลกาฬประจำทรางโจรแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยละอองพระบาท อันชื่อว่าละอองเปลวไฟฟ้า ชื่อว่าละอองทับทิมก็ว่าอันประจำทรางโจรนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้โดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะละอองพระบาทเปลวไฟฟ้า ละอองทับทิมก็ว่านั้น เมื่อจะตั้งก็บังเกิดขึ้นเม็ดยอดแดงดังน้ำชาด มิฉนั้นดุจดังยอดทับทิม กระทำพิษ ให้ลิ้นกระด้างคางแข็งแลให้ตาแข็ง ให้ชักเท้ากำมือกำให้ตัวร้อนเป็นกำลัง ถ้าแก้มิทันท่านกำหนดไว้แต่เช้าจนเที่ยงตาย ถ้าแพทย์จะรักษาท่านห้ามอย่าให้วางยาอันร้อนเข้าเหล้าน้ำมันน้ำส้มนั้นเลย ท่านให้แก้ด้วยด้วยยาอันเย็นหอมฝาดขมนั้น จึ่งรอดชีวิตรแลละอองพระบาท ๗ ประการนี้ดุจกัน
ยาแก้ละอองเปลวไฟฟ้า ละออง ทับทิม ให้เอาปู่เจ้าพุงแก ๑ ปู่เจ้าสมุงกุย ๑ ตับเต่าทั้ง ๒ สีหวดทั้ง ๒ นมแมวทั้ง ๒ ฉัตร์พระอินทร์ ๑ รากไคร้เครือ ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑ เนระภูสี ๑ จันทนฺทั้ง ๒ งวนหมู ๑ รากประคำดีควาย ๑ โคนไม้ไผ่ป่า ๑ ผักแพวแดง ๑ รวมยา ๑๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ น้ำปูนใสก็ได้ ทาปากกุมารหายดีนัก
ขนาน หนึ่งท่านให้เอา รากทองหลางหนาม ๑ รากพุงดอ ๑ รากมะกล่ำเครือ ๑ กฤษณา ๑ จันทนฺทั้ง ๒ ผลเบ็ญกานี ๑ สีเสียดเทศ ๑ รวมยา ๘ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำทลายหมากดิบทาปากก็ได้กวาดก็ได้ หายแล
ยาอมสำหรับกัน ขนาน นี้ท่านให้เอาเปลือกคล้ากำมือ ๑ ผักบุ้งขันกำมือ ๑ ใบหว้า ๓ ใบ ต้ม ๓ เอา ๑ แซกดีเกลือแต่น้อย รินออกไว้ให้เย็นให้แซกฝิ่นลงอมหายดีนัก
ยาชื่อสุวรรณธารา ขนาน นี้ท่านให้เอา คงคาเดือด ๑ สมุดเกลื่อน ๑ ใบระงับ ๑ ใบน้ำดับไฟ ๑ รากพุมเรียงป่า ๑ รากหญ้านาง ๑ รากพุงดอ ๑ ใบท้าวยายม่อม ๑ รากสลอดน้ำ ๑ รากมะเดื่อ ๑ รากนางนูน ๑ รากจิงจ้อ ๑ นมผา ๑ รากงิ้ว ๑ รากฝาง ๑ ขี้ตะกรันเหล็ก ๑ ดินสีผ่อง ๑ ฝุ่นจีน ๑ ดินประสิวขาว ๑ รวมยา ๑๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำซาวเข้าชะโลมก็ได้ กินแก้ระหายน้ำก็ได้ กินแก้พิษภายในก็ได้สิ้นทุกอย่างดีนัก
ยาชื่อเบ็ญจโกฐ (ใหญ่) ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ สมอทั้ง ๓ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เกสรบัวน้ำทั้ง ๗ ดอกจำปา ๑ ดอกกระดังงา ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกมลิซ้อน ๑ ดอกมลิลา ๑ ดอกสลิด ๑ ดอกคำไทย ๑ ดีปลี ๑ แห้วหมู ๑ ผลจิงจ้อ ๑ ดีงูเหลือม ๑ ฝิ่น ๑ อำพันทอง ๑ ชมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๔๙ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ ให้บดกลางคืน ให้แล้วแต่ในวันเดียวกันนั้น ปั้นแท่งตากลมไว้ ๓ วัน แล้วจึ่งเอาออกผึ่งแดดแต่พอแห้งสนิท แล้วจึ่งเอาบันจุขวดไว้ แก้พิษละอองพระบาทอันบังเกิดเพื่อทรางทั้ง ๗ วันนั้น กระทำพิษให้กลุ้มจับหัวใจให้กระสับกระส่ายต่างๆ แลให้สลบไปก็ดี ถ้าจะแก้ทรางขึ้นตาละลายน้ำมะนาวหยอดตา แล้วจึ่งเอาทากระหม่อมแลทาคางท้ง ๒ ข้าง ทาอกบ้างแก้หิวหอบระส่ำระสาย ถ้าจะแก้เชื่อมมึนแลระหายน้ำ ให้ละลายน้ำดอกไม้กิน แก้ได้ทั้งเด็กแลผู้ใหญ่หายแล
( จบลักษณะละอองเปลวไฟฟ้าประจำทรางโจรแต่เพียงนี้ )



ทีนี้จะว่าด้วยลมอันชื่อว่าลมกุมภัณฑ์แลบาทยักษ์คู่กัน ซึ่งบังเกิดขึ้นมาประจำทรางโจรนั้นต่อไป ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ลักษณะโดยสังเขป
อัน ว่าลักษณะลมกุมภัณฑ์ แลบาทยักษ์ซึ่งบังเกิดนั้น เมื่อจะเกิดให้จับ ตาช้อน ดูสูงหน้าเขียว ให้ชักเท้ากำมือกำหลังแอ่น ให้กัดฟันจับเอา เมื่อกุมารเป็นเพื่อพิษต่างๆ แลลมจำพวกนี้จึงบังเกิดพลอย ด้วยขณะนั้น ถ้ามิดังนั้นก็เกิดเพราะบาดเสี้ยนแลหนาม เป็นบาดแผลเข้าที่ใดๆ ย่อมเป็นไข้พิฆาฏ จึงเป็นกำเนิดลมกุมภัณฑ์ ลมบาทยักษ์ แลลมจำปราบก็พลอยด้วยดุจกล่าวมาดังนี้
ถ้า จะแก้ท่านให้เอา เมล็ดในลูกสะบ้าปิ้งไฟ ๑ ลูกคนทีสอขั้ว ๑ พริกไทยขั้ว ๑ ใบกระเม็งขั้ว ๑ ใบสหัศคุณ ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงเอาน้ำใบกระเม็งเป็นกระสาย บดแล้วเศก ด้วยพระคาถานี้
สัก ฺกัต๎ว่า พุทฺธรตนํ ฯ ธัมฺมรตนํ ฯ สังฆรตนํ ฯ โอสถํ อุตฺตมํ วรํ หิตํ เทวมนุสฺสานํ ปริฬาหูปสมนํ อาหุเนย์ยํ ปาหุเนย์ยํ พุทฺธเตเชน ฯ ธัมฺมเตเชน ฯ สังฆเตเชน ฯ โสตฺถินา นัสฺสันฺตุปัทฺทวา สัพฺเพ ทุกฺขา ฯ สัพฺเพ ภยา ฯ สัพฺเพโรคา วูปสเมนฺตุ เต ๑๐๘ จบ
แล้ว จึงปั้นแท่งไว้กินแก้ลมกุมภัณฑ์ลมบาทยักษ์ อันจับให้ชักเท้ากำมือกำ ให้ลิ้นกระด้างคางแข็ง ดุจดังกล่าวมาแต่หลังนั้น หายสิ้นทุกประการดีนักใช้ได้ ๑๐๘ ยาขนานนี้ชื่อว่ามูลจิตร
ยาแก้กุมภัณฑยักษ์ ขนานนี้ท่านให้เอา ตาอ้อยแดง ๑ ดอกผักคราด ๑ ผิวมะกรูด ๑ ผิวมะนาว ๑ ผิวไม้ไผ่ป่า ๑ ผิวไม้สีสุก ๑ กระทือ ๑ ไพล ๑ เมล็ดในแตงโม ๑ เมล็ดในแตงกวา ๑ ผลผักชี ๑ มือ ฟัก ๑ มือน้ำเต้า ๑ ผิวไม้บง ๑ หัวคูน ๑ รากถั่วไก่ ๑ รวมยา ๑๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาน้ำซาวเข้าเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้กิน แก้ลมกุมภัณฑ์ลมบาทยักษ์หายดีนัก
ยาแก้ชักเส้นกระเหม่นตัว ขนาน นี้ท่านให้เอา รากมะกล่ำเครือ ๑ รากหญ้านาง ๑ รากกรุงเขมา ๑ ข่าแก่ ๑ เบี้ยผู้เผา ๑ รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำกินหาย
ยาทาตัวแก้ชัก ขนานนี้ท่านให้เอา ใบแมงลักทั้ง ๒ ใบโหระพา ๑ กระชาย ๑ ใบผักเป็ด ๑ ใบกระเม็ง ๑ รวมยา ๖ สิ่งนี้เอาเสมอภาค บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำส้มซ่าน้ำส้มสายชูก็ได้ทาหายดีนัก ใช้มามากแล้ว
ยาชื่อปทานพิษ ขนานนี้ท่านให้เอา แก่นมะหาด ๑ จันทนฺทั้ง ๒ เกสรบัวหลวง ๑ ชะลูด ๑ กรักขี ๑ โกฐทั้ง ๙ ผลชะเอมเทศ ๑ กานพลู ๑ เบ็ญกานี ๑ เนระภูสี ๑ ยา ๑๙ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๗ สลึง การะบูร ๓ บาท ชะมด ๑ พิมเสน ๑ เอาสิ่งละ ๑ เฟื้อง รวมเป็นยา ๒๒ สิ่งด้วยกันทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดปั้นแท่งเท่าเมล็ดถั่วภู กิน ๗ เมล็ดแก้พิษฝีแลไข้สันนิบาต แลแก้ตานทรางอันให้ชัก นั้น แลแก้ลมอันเป็นพิษให้ร้อนทุรนทุราย แลตัวร้อนให้ชักจำหระข้างหนึ่งก็ดี ทั้งสองข้างก็ดี ยาขนานนี้อาจบำบัดได้สิ้นทุกประการดีนัก
ถ้าจะแก้ด้วยยาขนานใดๆ มิฟัง แลโรคนั้นกล้าดุจกล่าวมา ให้แพทย์ตั้งยาอันชื่อว่า พระสุริยมณฑล ขนานนี้แก้ต่อไปเถิด
ยาชื่อพระสุริยมณฑล ขนานนี้ท่านให้เอา ชะมดเชียง ๑ พิมเสน ๑ อำพันทอง ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง โกฐทั้ง ๙ หว้านกีบแรด ๑ หว้านร่อนทอง ๑ สังกระนี ๑ เนรภูสี ๑ รากสารพัดพิษ ๑ ผลประคำดีควาย ๑ ดีงูต้น ๑ ผลจันทนฺ ๑ ดอกจันทนฺ ๑ เปราะหอม ๑ กระถินแดง ๑ พริกหอม ๑ พริกหาง ๑ พริกล่อน ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง รากปลาไหลเผือก ๑บาท จันทนฺเทศ ๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ รากไคร้เครือ ๑ ระย่อม ๑ พิศนาด ๑ กานพลู ๑ น้ำนมราชสีห์ ๑ เอาสิ่งละ ๒ บาท ทองคำเปลว ๑๐๘ แผ่น รวมยา ๓๗ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำดอกไม้เทศน้ำกุหลาบก็ได้เป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้กินแก้ชักลิ้นกระด้างคางแข็ง แลแก้พิษไข้เหนือแลตานทรางก็ดี แลแก้ลมกุมภัณฑ์แลบาทยักษ์ แก้ได้ทุกประการเป็นมหาวิเศษนักได้เชื่อมาแล้ว
ยัง ลักษณะลมอันหนึ่งชื่อว่า ลมจำปราบ ร้ายนัก กระทำพิษดุจพิษงู เมื่อจะจับนั้นให้ดิ้นเสือกไปก่อนแล้ว จึ่งให้ชักหลังแอ่นไปถึงตะโพก แลให้ตัวเย็นขนกลับขึ้นเบื้องบน ถ้ามิรู้แก้ ตายทันที แลโลหิตแตกทุกเส้นขน
ยาแก้ลมจำปราบ ให้เอาโกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ เปลือกพุดทรา ๑ เปลือกตะคร้อ ๑ รวมยา ๑๒ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ต้ม ๓ เอา ๑ กินหาย
ยาอาบสำหรับกัน ขนานนี้ท่านให้เอามะขามเปียก ๑ ผลผักชีล้อม ๑ ผลผักชีลา ๑ ผลกระเช้าแดง ๑ รากกระเช้าขาว ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ต้มอาบให้ทั่วตัวแล้วให้นวดด้วยจึงหาย ยาต้มอาบนั้นอย่าให้ร้อนนักทั้งกินทั้งพ่น ให้เศกด้วยมนตฺนี้ โอมจำปราบจำเปลว โอมบังพระคลังกระพองสวาหะ ๗ คาบ แล้วให้เศกเปลือกพุดทรา เปลือกตะครองพ่นอีก ห้ามอย่าให้พ่นด้วยสุรา น้ำมัน ถ้าจะผายยา เข้าสลอดจะตายเสีย ท่านให้ผายด้วยยาอันชื่อ เบ็ญจอำฤต มหาอำฤต ทั้งคู่นั้น แลลมจำปราบจำพวกนี้ แพทย์ผู้ใดจะรักษาเป็นอันยากนัก ให้ดูลักษณะจงแม่นแท้แล้วจึงให้วางยา อันว่าลักษณะนั้นดุจกันกับป่วงงูเห่า แต่ทว่าป่วงงูเห่านั้นให้ลงให้ราก ก่อนจึงเป็น แล้วให้ตัวแดงขนกลับลุกขึ้นทุกเส้น ให้ดิ้นเสือกไปแล้วก็สลบ อันว่าลักษณะลมจำปราบนั้นก็ดุจกัน แต่ทว่าแปลกกันที่ให้ตัวนั้นคล้ำดำเข้า นี้เป็นลักษณะลมจำปราบ อาการตายนั้นบอกดุจกัน ให้แพทย์ทั้งหลายพึงรู้สำคัญ ดูจงแม่นเด็กผู้ใหญ่ก็มีเหมือนกันดุจกล่าวมาดังนี้
ยาชื่อเบ็ญจอำฤต ขนานนี้ท่านให้เอา มหาหิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑ สิ่งละส่วน รงทอง ๒ ส่วน มะกรูดใหญ่ ๓ ผล แล้วจึงเอามหาหิงคุ์ รงทอง ยาดำ ทั้ง ๓ สิ่งนี้ยัดเข้าในผลมะกรูดสิ่งละผล แล้วจึงเอามูลโคสดพอกสุมไฟแกลบให้สุกระอุดี แล้วจึงเอารากตองแตก ๔ ส่วน ดีเกลือ ๑๖ ส่วน ทำเป็นจุณแล้วประสมกันเข้าจึงบดทั้งเนื้อมะกรูดปั้นแท่งไว้เอาหนัก ๑ สลึง ละลายน้ำส้มมะขามเปียก กินลงสดวกดี นัก ยาขนานนี้ถ้ากุมารได้ ๓, ๔ ขวบกินก็ได้ ดีเหมือนกัน
ยาชื่อมหาอำมฤต ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนทั้ง ๕ ตรีกะฏุก สมอไทย ๑ ยาดำที่ดี ๑ ผิวมะกรูด ๑ รากตองแตก ๑ เอาสิ่งละส่วน มหาหิงคุ์ ๑ ผลมะตูมอ่อน ๑ หว้านน้ำ ๑ เอาสิ่งละ ๔ ส่วน โกฐน้ำเต้า ๑๐ ส่วนครึ่ง รวมยา ๑๗ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ เอาน้ำมะขามเปียกเป็นกระสาย บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำร้อนกินแก้ทรางเพื่อลม ถ้าจะชำระมูกเลือดให้ละลายน้ำใบเทียนใบทับทิมต้มกินหายดีนัก
ยาชื่อแท่งทอง ขนานนี้ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเชียง ๑ โกฐหัวบัว ๑ เทียนดำ ๑ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ สมุลแว้ง ๑ ดอกบุนนาค ๑ เกสรบัวหลวง ๑ ทองคำเปลว ๑ ชะมด ๑ พิมเสน ๑ รวมยา ๑๔ สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเป็นจุณแล้วเอา จันทนฺเทศ ๑ กฤษณา ๑ ดอกมะลิ ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกโยทะกา ๑ รวมยา ๙ สิ่งนี้เอาสิ่งละ ๑ บาท ต้มเอาน้ำเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ แก้ลมกุมภัณฑ์ ลมบาทยักษ์ ปวดขบในอกให้นอนมิหลับสวิงสวายร้อนในอกก็ดี ให้ละลายน้ำดอกไม้แซก ผลจันทนฺ ๑ หัวมหากาฬ ๑ กินหายดีนักได้เชื่อแล้วอย่าสนเท่ห์เลย
ถ้า แพทย์ผู้ใดจะแก้ลมทรางทั้ง ๗ จำพวก ให้ดูลักษณะแห่งโรคนั้นก่อน ถ้าวางยาเป็นสุขุมมิชอบ จะชอบยาร้อน ก็ให้แพทย์ทวียาเป็นอันดับขึ้นไป ตามอายุโรคกุมารกุมารีนั้น ท่านให้วางยา ๗ ขนานนี้ก่อน คือยาหิงคุ์หนึ่ง ยาอินทจักรหนึ่ง ยามหาจักรหนึ่ง ยามหากระเพราหนึ่ง ยาประสระน้ำขิงหนึ่ง ยาประสระดีปลีหนึ่ง ยามหากระเพราใหญ่หนึ่ง ยาทั้ง ๗ ขนานนี้เป็นกลาง ให้วางดูก่อน ถ้ามิฟัง จึงให้ประกอบยานี้แก้ต่อไปดุจกล่าวมาดังนี้
ยาชื่อวาโยพินาศ ขนานนี้ท่านให้เอา ตรีกะฏุกสิ่งละ ๔ ส่วน กานพลู ๕ ส่วน หิงคุ์ยางโพ ๑ ดองดึง ๑ เอาสิ่งละ ๖ ส่วน พริกล่อน ๑ รากเจ็ตมูลเพลิง ๑ การะบูร ๑ เอาสิ่งละ ๘ ส่วน ใบหนาด ๒๐ ส่วน รวมยา ๑๐ สิ่งนี้ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะกรูดกิน เป็นยาประจำท้องแก้ลมทรางทั้ง ๗ จำพวกหาย
ยาชื่อมหาไชยวาต ขนานนี้ท่านให้เอา ผลโหระพา ๑ กระวาน ๑ เกลือกะตัง ๑ โกฐสอเทศ ๑ การะบูร ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ เปลืกมะรุม ๑ รากจิงจ้อ ๑ เอาสิ่งละส่วน กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ พริกล่อน ๑ หว้านน้ำ ๑ ใบหนาด ๑ ขิงแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๒ ส่วน ยาดำ ๑ เทียนดำ ๑ กานพลู ๑ หัศคุณเทศ ๑ ดองดึง ๑ รากเจ็ตมูลเพลิง ๑ ดีปลี ๑ สมอเทศ ๑ เอาสิ่งละ ๔ ส่วน มหาหิงคุ์ ๘ ส่วน รวมยา ๒๓ สิ่งนี้ทำเป็นจุณไว้เป็นผงก็ได้ บดปั้นแท่งก็ได้ละลายน้ำส้มส้า น้ำขิงน้ำข่าก็ได้ ให้กินยาขนานนี้อาจสามารถจะประหาร เสียซึ่งลมทรางทั้ง ๗ จำพวก ให้ปราไชยพ่ายแพ้ได้โดยง่าย แลแก้ได้ทั้งลมผู้ใหญ่ คือลมอำมะพาธ ลมราธยักษ์ ลมทักขิณคุณ ลมประวาตคุณ ลมสันดาน ลมกล่อน ลมปัตฆาฎ แลลมทั้งปวงหายดีนัก
ยาชื่อหิงคาธิจร ขนานนี้ท่านให้เอา ลำพันทอง ๑ สะค้าน ๑ หว้านน้ำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ รากช้าพลู ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ รากไคร้เครือ ๑ พริกล่อน ๑ เอาสิ่งละส่วน รากทนดี ๑ กระเทียม ๑ เทียนขาว ๑ เอาสิ่งละ ๒ ส่วน เทียนดำ ๓ ส่วน โกฐกระดูก ๖ ส่วน ขิงแห้ง ๑ เจตพังคี ๑ เอาสิ่งละ ๘ ส่วน ดีปลี ๑๐ ส่วน สมอไทย ๑๑ ส่วน รวมยา ๑๗ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้หรือทำผงไว้ก็ได้ ตามแต่แพทย์จะยักกระสาย ใช้เอาตามคัมภีร์สรรพคุณ นั้นเถิด แลแก้ลมสันดาน ลมดาลคุณ ลมจุกเสียด แก้ลมแน่นอกขัดอก แลแก้ตกช้าง ม้า วัว ควาย เส้นช้ำเอ็นแคลงภายในชำรุด แลแก้ลมกุมภัณฑ์บาทยักษ์ แลแก้ลมทรางทั้ง ๗ จำพวก หายดีนักได้เชื่อมาแล้ว
ยาชื่อหิงคุวาตา ขนานนี้ท่านให้เอา เทียนเยาวภานี ๑ เทียนทั้ง ๕ โกฐทั้ง ๕ ผลจันทนฺ ๑ กระวาน ๑ ผลกราย ๑ กานพลู ๑ ดอกสน ๑ สมุลแว้ง ๑ รากเจ็ตมูล ๑ ใบคนทีสอ ๑ อุตพิศ ๑ บุก ๑ กลอย ๑ กระดาดทั้ง ๒ รากชุมเห็ดไทย ๑ เปล้าทั้ง ๒ ขิงแห้ง ๑ รากขี้กาทั้ง ๒ รากจิงจ้อใหญ่ ๑ ผลสมอไทย ๑ มหาหิงคุ์ ๑ รากทนดี ๑ แก่นแสมทั้ง ๒ เอาสิ่งละส่วน ยาดำ ๖ ส่วน น้ำประสานทอง ๑ สหัศคุณ ๑ เอาสิ่งละ ๑๒ ส่วน พริกไทย ๑๔ ส่วน ดีปลี ๒๔ ส่วน รวมยา ๔๑ สิ่งนี้ทำเป็นจุณบดปั้นแท่งไว้ก็ได้ ทำผงไว้ก็ได้ให้ละลายน้ำขิง น้ำส้มส้าก็ได้ให้กินแก้ตานโจร แก้ไข้ชราแก้ลมชักเท้ากำมือกำ แลแก้ลมทั้ง ๑๘ จำพวกหายดีนัก
ยาชื่อสว่างอารมณ์ ขนาน นี้ท่านให้เอา เปลือกตีนเป็ดต้น ๑ เปลือกตีนเป็ดเครือ ๑ เปลือกมะรุม ๑ เปลือกทองหลาง ๑ สะค้าน ๑ ช้าพลู ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ขมิ้นเครือ ๑ เบ็ญจราชพฤกษ์ ๑ เบ็ญจขี้เหล็ก ๑ เปลือกกันเกรา ๑ ใบแมงลัก ๑ ใบรักขาว ๑ ใบสลัดได ๑ ใบสลอดกินลง ๑ ใบมะตูม ๑ ใบสวาด ๑ ใบเสนียด ๑ ใบคนทีสอ ๑ รากจิงจ้อทั้ง ๒ ตรีผลา ใบกะเม็ง ๑ ผลพิลังกาสา ๑ สหัศคุณทั้ง ๒ มะไฟเดือนห้า ๑ ข่าตาแดง ๑ ขิงแห้ง ๑ ดีปลี ๑ รวมยา ๔๐ สิ่งนี้เอาเสมอภาค เอาพริกไทยกึ่งยา ทั้งหลายทำเป็นจุณละลายน้ำร้อนน้ำส้มซ่าน้ำมะกรูดก็ได้ กินแก้ลมใหญ่ทั้ง ๗ จำพวก หายดุจดังพระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวมาแต่หนหลังนั้นเป็นมหาวิเศษนัก
พระ อาจารย์เจ้าท่านกล่าวว่า ในลักษณะกุมารเกิดวันเสาร์ เป็นกำเนิดแห่งทรางโจรเป็นเจ้าเรือนกระทำ โทษ กำหนดทรางนางริ้นเป็นทรางจร สำหรับแซกทรางโจรกระทำโทษ กำเนิดหละอันชื่อว่ามหานิลกาฬกระทำโทษสำหรับประจำทรางโจร กำเนิดละอองพระบาทอันชื่อว่าละอองเปลวไฟฟ้าก็ว่า ละอองทับทิมก็ว่ากระทำโทษประจำทรางโจร กำเนิดลมอันชื่อว่ากุมภัณฑ์บาทยักษ์ แลลมจำปราบแซก กระทำโทษสำหรับทรางโจร
( จบบริบูรณ์แต่เพียงนี้ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น