วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

"นาคราชคืนชีพ"

"นาคราชคืนชีพ"

 

"นาคราชคืนชีพ" เป็นคำใหม่ที่เพิ่งปรากฎขึ้นและไว้เรียกกล่าวขานกันหมาย ความอ่อนแออ่อนตัวของอวัยวะเพศชายนั้นได้กลับคืนความแข็งแรงขึ้นโดยผ่านกรรมวิธีหัตถบำบัด เป็นที่นิยมเป็นที่ต้องการของชายสูงวัยหรือผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ จากโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่เข้าข่ายโบราณโรค(โรคเรื้อรัง) เช่น เบาหวานหรือโรคไตเป็นต้น หรือกระษัยความเสื่อมไปจากอายุ จากอาชีพ จากความวิตกกังวล จากความกลัวล้วนเป็นเหตุให้เกิดอาการดังกล่าว


กษัยเกิดขึ้นได้อย่างไร จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดเป็นโรคกษัยมีสาเหตุหลัก คือ ;-
สาเหตุทางกาย
1. กษัยเกิดจากความผิดปกติทางสมอง
2. ได้รับอุบัติเหตุ บริเวณเส้นประสาทไขสันหลัง
3. ฮอร์โมนเพศมีความผิดกปติ
4. โรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ทำให้สูบฉีดเลือดไม่ดี โรคหลอดเลือดแข็งตัว เลือดหนืด โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ โรคเบาหวาน โรคมะเร็งในอุ้งเชิงกราน โรคที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น
5. การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
6. รับประทานยารักษาโรคซึมเศร้า ยาคลายเครียด
7. พฤติกรรม เช่น สูบบุหรี่จัด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์มาก นุ่งกางเกงในรัด หรือฟิตเกินไป
8. การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
9. เสื่อมตามวัย
สาเหตุทางจิตใจ
1. ความบกพร่องทางจิต ซึมเศร้า
2. ความอ่อนล้า อ่อนเพลีย จากการทำงาน
3. สภาวะทางเศรษฐกิจ
4. ความกลัว เช่น กลัวการมีบุตร กลัวจากเคยได้รับประสบการณ์ทางเพศที่ไม่ดี
5. ความเครียด เช่นเครียดจากอาชีพการงาน
6. สาเหตุอื่นๆ เช่น ปัญหาทางใจ ความเข้าใจกันในครอบครัว สิ่งแวดล้อม บรรยากาศไม่ดี เป็นต้น
ลักษณะอาการของผู้ป่วยเป็นโรคกษัย
อาการของโรคกษัยจะสังเกตุได้ดังต่อไปนี้
-จุกเสียดแน่นท้อง เสียดแทงยอดอก แน่นอก หายิจได้ใจขัด ปวดเจ็บทั่วกายหรือหัวเหน่า
-ร่างกายผ่ายผอม ซูบ ซีดไม่มีเรี่ยวแรง เหนื่อยหรือเพลียง่าย วิงเวียนศรีษะ ตาฟาง หูตึง
- กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือทานอาหารไม่มีรสชาติ คิดมาก ฟุ้งซ่าน หงุดหงิดง่าย
-ปวดหลัง หรือปวดขาเป็นเวลายาวนาน บางครั้งปวดมากเลยลงไปถึงก้นกบ
-มือเท้าเย็น มีเหงื่อ หรือเหน็บชา-มีอาการหนาว หรือร้อนผิดปกติ
-ไม่มีอารมณ์ทางเพศ หรืออวัยวะเพศไม่แข็งตัวในเพศชาย หรือ แข็งตัวไม่เต็มที่ คือนานพอที่จะสามารถประกอบกามกิจได้จนเสร็จกิจ

วิธีการรักษาโดยการนวดกษัย
การนวดกษัยเป็นการนวดเพื่อปลดปล่อยหรือเพื่อบรรเทาความเจ็บป่วยนั้นให้หมดไปหรือหายไป ดัง จะเห็นได้จากอาการของคนที่เป็นอาการนั้นๆ อยู่เช่น ปวดหลัง ซึ่งมีอาการสะสมมานานจนมีความรู้สึกว่าหลังงอหรือก้มศรีษะไม่ได้ ทำให้การเดิน ลุก ยืน นั่ง หรืออริยาบท ไม่สะดวก เหล่านี้ซึ่งอาจเกิดจากอาการเครียดจัด หรือการนั่งทำงานนานๆ ขับรถนานๆ โดย ไม่ได้รักษาบำบัด จนกระทั่งสะสมนานเข้า จนทำให้ปวดเจ็บตึงรึงรัดเหล่านี้จึงแก้ไขด้วยการนวดเพื่อให้เส้นที่ตึงได้ คลาย อาจจะต้องนวด 3-5 ครั้งขึ้นไปในกรณีที่เป็นมากหรือ บางรายที่รู้สึกว่าเจ็บตรงยอดอก หรือแน่น จุก ไม่ว่าจะเป็นการนอน ยืน เดิน นั่ง หรือการหายใจแรงแรง ซึ่งอาจจะเกิดจากลม ในกระเพาะหรือแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไป ผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มสุราเป็นอาจิณ จนสะสม นานเข้าก็มีอาการเป็นก้อนกลมๆ บริเวณยอดอก หรือบริเวณใกล้ตับ การแก้ไขจึงต้องกดนวดบริเวณม้ามหรือตับที่แข็งเป็นดานให้อ่อนตัวลงการ นวดกษัยจึงเริ่มต้นด้วยการนวดท้องเพื่อเปิดกระบังลมรอบๆ สะดือ และไล่ลงไปจนถึงหัวเหน่านั้นถือว่าเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของการนวดกษัย เพราะระบบสืบพันธ์ของมนุษย์นั้นเป็นตัวสร้างฮอร์โมนเพศ ซึ่งมีส่วนในการควบคุมการทำงานและกลไกที่สำคัญที่สุดในระบบร่างกายของมนุษย์ ซึ่งระบบเหล่านี้ส่งผลให้ร่างกายได้รับการกระตุ้นเพื่อให้ระบบการทำงานดี ขึ้น ถ้าหากมีอาการใดๆ เกิดขึ้นในอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งก็จะทำให้ส่งผลไปถึงอีกส่วน หนึ่งเช่นกัน บางรายถึงขนาด ผ่ายผอม หมดเรี่ยวแรง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เครียด คิดมาก ทำให้โรคภัยรุมเล้าได้ง่าย ระบบการทำงานในร่างกายจึงไม่สมดุล ส่งผลไปกระทบกับทุกระบบในร่างกายและสำคัญที่สุดก็คือระบบสืบพันธุ์ที่มี หน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพศ ทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อม และหมดอารมณ์ทางเพศ หรือบางครั้งอาจจะมีความต้องการแต่การตอบสนองไม่มี และ สำหรับสุภาพสตรีที่มีปัญหาปวดท้องระหว่างรอบเดือน เจ็บปวดขณะร่วมเพศ หรือหมดอารมณ์ในการร่วมเพศ หากนวดกษัยประมาณ 2-3 ครั้ง จะช่วยทำให้อาการดังกล่าวหายไป ซึ่งการนวดแต่ละครั้งจะใช้ เวลาประมาณ 1 ชม. โดยแบ่งการนวดออกเป็น 2 ส่วน คือ นวดบริเวณท้องและสะดือเพื่อเปิดทิศทางลม และการนวดบริเวณอัณฑะเพื่อแก้ไขและล้างกษัยให้หมดไป


คัมภีร์โรคนิทานคำฉันท์ ได้กล่าวถึงโรคสรรถภาพทางเพศหย่อนและการรักษาอย่างชัดเจน โดยแนะให้ภรรยาช่วยนวดให้ ใจความว่า

แพทย์ใดเมื่อได้เห็นโรคกล่อนเส้นซึ่งขัดขวาง

ให้นวดแต่เบื้องล่างเหนือตาตุ่มข้างท้องน่อง

แก้องคะชาตตายเพื่อกล่อนร้ายมิลำพอง

หนึ่งเส้นนำแข้งสองรวมทำนองกล่อนปัตะฆาฎ

เส้นหลังแล่นกระหลบไคลก้นกบดีทายาท

กระถบเสียวดังเยี่ยวราดแก้องคะชาตอันชาตาย

เจ็บหลังบ่อมิสบายเพศกล่อนร้ายแล่นลงฝัก

ฟกฟูดูน่าชังเจ็บเอวหลังเป็นพ้นนัก

บางที่โทษลงฝักหนักเป็นอุ้งดูบัดสี

บางทีเป็นไส้เลื่อนแปลแชเชือนโทษกาลี

เส้นกล่อนในคัมภีร์พึงขยายเส้นใต้ศูนย์

ใต้สะดือสักนิ้วกึ่งประจงคลึงตลอดจูน

เคียงเรียงเส้นศูนย์ชื่อนาคบาทบอกให้รู้

แม้นนาคนอนอ่อนระทดบ่อพึงผดซบเศียรอยู่

ดังทารกซึ่งมิรู้ชูไม้ค้อนเข้ายอนหาง

แสนพิโรธโลดทะลึ่งลำพองผึงพังพานกาง

ชูเศียรพองขนองหางบางเหี้ยมพิษกำแหงแรง

วิธีเส้นดังกล่าวมาแพทย์ปุจฉาอย่าเขลาแคลง

จะกล่าวนักมักหมิ่นแหนงจะเสื่อมแสวงไม่เรียนรู้

แม้นจะใคร่วิถานความพยายามเสาะถามครู

ร่ำเรียนเพียรถามดูจึงจะรู้สืบๆ ไป

ในคำกลอนได้กล่าวว่า การแก้องคชาตตายให้นวดตั้งแต่เหนือตาตุ่มข้างท้องน่อง หน้าแข้งไปตามสันแข้ง 2 แนว ถึงเข่า แล้วนวดแบบกร่อนปัตคาด (เส้นซึ่งอยู่ในแนวเดียวกันกับเส้นเลือดแถวบริเวณท้องน้อยและหน้าขา เมื่อกดเส้นนี้จะรู้สึกเต้นตุ๊บ) นวดหลังบริเวณก้นกบจนถึงเอวด้วยการคลึง หากนวดถูกเส้นนี้จะรู้สึกเสียวเหมือนจะปัสสาวะราด จึงใช้นวดแก้อาการปัสสาวะขัดหรือ ฉี่ไม่ออก แก้ขัดเอว ปวดหลัง ก็หายได้ อีกแบบหนึ่งให้นอนหงาย แล้วนวดเส้นใต้เส้นศูนย์ คือเส้นใต้สะดือประมาณ 1 นิ้ว คลึงลงไปทางขวาเล็กน้อยจนถึงหัวหน่าว เรียกเส้น นาคบาท

ถ้ามองตามหลักการแพทย์แผนไทย ปัญหาของสมรรถภาพทางเพศเสื่อมคือปัญหาของธาตุดิน ที่เรียกว่า เส้นเอ็นพิการ เส้นหลักคือเส้นประธานที่มาบริเวณ Prineum บริเวณทวารหนัก-เบา อวัยวะเพศ หรือเส้นสิกขินี (ชายเรียกคิชชะ) และสุขุมัง โบราณเรียกโรคที่เกิดความเสื่อมของเส้นว่า "กล่อนเส้น" เมื่อใช้นวดแล้วไม่ดีขึ้นมักต้อง ใช้ยาร่วมด้วย คือมีการรักษาแบบองค์รวม คือปรับธาตุ 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปพร้อมกับการนวดรักษา และการใช้ยาสมุนไพร รวมถึงการออกกำลังกาย และการฟื้นฟูจิตใจหรือการทำสมาธิเพื่อรักษาที่ต้นเหตุ ที่มาจากสภาพจิตใจ

สำหรับสมุนไพร มีหลายตัวที่โบราณระบุว่ามีสรรพคุณบำรุงกำหนัด ส่วนมากเป็นสมุนไพรที่มีชื่อโลดโผน ชูกำลัง บำรุงกำลัง นิยมนำมาดองด้วยเหล้ารับประทาน เช่น มะเขือแจ้เครือ ราก รสเฝื่อนเปรี้ยวเล็กน้อย แก้กษัย แก้ปัสสาวะพิการ ใช้ทำยาแก้กามตายด้าน บำรุงความกำหนัด กำลังช้างสาร บำรุงธาตุ แก้อ่อนเพลีย บำรุงโลหิต บำรุงเส้นเอ็น เป็นยาอายุวัฒนะ กำลังเสือโคร่ง กำลังพญาเสือโคร่ง บำรุงกำลัง เจริญอาหาร ขับลมในลำไส้ บำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย บำรุงธาตุ เป็นยาอายุวัฒนะ

โด่ไม่รู้ล้ม รสกร่อยขื่น แก้ปัสสาวะพิการ บำรุงความกำหนัด มะเขือขื่น ใช้ราก มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ขับเสมหะ กระทุ้งพิษไข้ ใช้ปรุงกับยาอื่น แก้กามตายด้านและบำรุงความกำหนัด ม้าแม่กล่ำ บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง ทำให้นอนหลับ เจริญอาหาร บำรุงความกำหนัด เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีท่ากายบริหารแบบฤๅษีดัดตนบางท่า ที่โบราณกล่าวว่าช่วยบำบัดได้ คือ ท่าแก้ลมในอก ท่าแก้ลมในลำลึงค์ ท่าแก้ลมลำลึงค์และอัณฑะ แก้ลมอัณฑพฤกษ์ ท่าแก้เส้นมหาสนุกระงับ เป็นต้น ใครสนใจท่าฤๅษีดัดตนแก้ไขมะเขือเผาก็ลองหาตำราฤๅษีดัดตนมาฝึก นอกจากแก้ปัญหาของโรคและอาการแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านการปรับสมดุลร่างกาย ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี และช่วยฝึกสมาธิไปพร้อมๆ กันด้วย

ใครมีปัญหาสมรรถภาพทางเพศหย่อน อย่าอายที่จะรับการรักษากับแพทย์ ให้รีบปรึกษาและทำการรักษาอย่างจริงจัง และการนวดไทยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยท่านได้ ที่แนะนำให้ภรรยานวดสามี เพราะขนบธรรมเนียมไทยนั้นภรรยามีหน้าที่ปรนนิบัติพัดวีสามีอยู่แล้ว อย่างน้อยสัมผัสบำบัดจากภรรยา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความเข้าอกเข้าใจ พร้อมจะช่วยเหลือและช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของอีกฝ่ายได้ และยังเป็นการส่งเสริมการนวดช่วยเหลือกันเองในครอบครัวอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น